บทที่ 11…อลัน
สามวันต่อมาปราสาทอสูร (ตามที่เพลงพิณเรียก) ก็ได้ต้อนรับอลัน ดีไซเนอร์ชื่อดัง ที่ตอนนี้ผันตัวเองไปทำงานวงการบันเทิง เป็นที่ปรึกษาด้านเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายให้กับรายการแข่งขันเต้นชื่อดัง และเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของสปาครบวงจรในลอสแองเจลิส
อลันกับเพลงพิณรู้จักกันเพราะอยู่ในวงการออกแบบเหมือนกัน และทั้งสองยังไปเรียนเต้นด้วยกันในโรงเรียนสอนเต้นที่มีชื่อเสียงที่สุดในนิวยอร์ก…ฝ่ายหนึ่งเป็นสาวน้อยน่าเอ็นดูที่แต่งกายง่ายๆ สไตล์ทอมบอย นิสัยเฮฮาไม่เรื่องมาก และใจนักเลงเป็นที่สุด อีกฝ่ายก็เป็นเกย์หนุ่มรูปร่างเพรียวไร้ไขมัน พิถีพิถันกับการแต่งตัว แต่นิสัยง่ายๆ สบายๆ สายตาแหลมคมและมีความคิดสร้างสรรค์แหวกแนวจนคนในวงการต้องชื่นชม
“เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย…ว่าสามีของเธอน่ะร้อนแรงแค่ไหนเวลาอยู่บนเตียง”
อลันเปิดฉากขึ้นในทันทีที่ทั้งสองก้าวเท้าเข้ามาในปราสาท หนุ่มร่างโปร่งในลุคเมโทรเซ็กชวลที่ดูเรียบเนี้ยบไปทั้งตัวก้มลงมองเพื่อนสาวทอมบอยตัวเล็กด้วยใบหน้าอยากรู้อยากเห็นคละเคล้าล้อเลียน ที่ไปงานแต่งก็ไม่สบช่องให้พูดคุยยาวๆ จะคุยผ่านโทรศัพท์ก็ไม่เหมือนเห็นหน้า เขาจึงทนอัดอั้นรอมาซักฟอกที่นี่…อยู่ๆ เพื่อนแสนเฮฮาไร้จริตสาวก็แต่งงานกับเศรษฐีหนุ่มที่ทั้งรวยและลึกลับระดับโลกแบบไม่มีวี่แววมาก่อน…อกเกย์จะแตกตายอยู่แล้วด้วยความอยากรู้
เพลงพิณยิ้มแหยเมื่ออยู่ๆ ภาพร่างบึกบึนเปลือยครึ่งท่อนของคอนสแตนตินวาบเข้ามาในหัว ใบหน้ารูปหัวใจสะบัดไปมาเหมือนไล่อาการฟุ้งซ่าน ก่อนจะหันไปย่นคิ้วใส่เพื่อนรักที่ซักไซ้เกี่ยวกับชีวิตแต่งงานของเธอตั้งแต่อยู่ด้วยกันในเรือที่เธอนำไปรับเขาจากสนามบินเล็กของเกาะใกล้เคียงจนเธออายทีมบอดี้การ์ดและผู้ช่วยไปหมด ต้องกระซิบบอกว่าจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเมื่อมาถึงปราสาท คิดไม่ถึงว่าเพื่อนจะถือตามคำพูดเป๊ะ
หญิงสาวส่งค้อนก่อนจะตอบ “ไม่รู้อ่ะ…” ร้อนแรงน่ะไม่รู้ แต่ถ้าเย็นชาล่ะรู้ซึ้งเลยทีเดียว…หญิงสาวคิดต่อในใจ
อลันถลึงตาใส่ “แหม พูดยังงี้หมายความว่ายังไงฮึ จะแกล้งให้ฉันอยากรู้เหรอไง…” มือเรียวขาวของผู้มาเยือนจับใบหน้ารูปหัวใจของเพื่อนบิดไปบิดมาคล้ายหาพิรุธ “ดูทำหน้าเข้า…อินโนเซนต์เหมือนกับยังไม่ได้นอนกับเขางั้นแหละ” ปลายหางเสียงสะบัดราวกับหมั่นไส้
เพลงพิณเบิกตาโต เหลียวไปมองคนรับใช้สามคนที่หิ้วสัมภาระของอลันอยู่ด้านหลัง หางตาเธอเหลือบไปเห็นเอวานกำลังเดินตรงมาพอดี…ให้มันได้อย่างนี้สิ
หญิงสาวเลยเปลี่ยนท่าที หันไปพูดกับเพื่อนเสียงหวาน “นอนสิ…เขาเรียกร้องจากฉันแบบไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อยเลย” หญิงสาวหัวเราะกับท่าทางราวกับจะกรี๊ดของเพื่อนสนิท
ดวงตาสีเขียวของอลันมีแววเคลิ้มฝัน “โอ๊ย ตายล่ะ…ฉันยังเคยคิดเล่นๆ เลยนะเวลาเห็นหน้าบึ้งๆ ของสามีเธอบนหน้านิตยสารพวกการเงินการลงทุนน่ะ อยากรู้ว่ายามอยู่บนเตียงน่ะ เขาจะเร่าร้อนตรงข้ามกับลุคแค่ไหน…ไม่คิดว่าจะมีแหล่งข่าวให้สัมภาษณ์แบบเชิงลึก คอยดูนะ ฉันจะซักฟอกเธอให้ขาวเชียว ว่ายังไง อะไรบ้าง…ฮิๆ”
เพลงพิณหัวเราะแหะๆ…อยู่ตามลำพังกับอลันเมื่อไหร่ เธอคงเล่าที่มาที่ไปให้เขาฟังทุกเรื่อง…ไม่งั้นช่วงเวลาสองสามอาทิตย์ที่เพื่อนอยู่ที่นี่ เธออาจต้องตอบคำถามที่น่ากระอักกระอ่วนใจพวกนี้ทุกวัน
เอวานเดินเข้ามาพบก่อนที่ทั้งสองจะขึ้นบันได พ่อบ้านหนุ่มเจเนอเรชั่นที่สามของตระกูลก้มศีรษะทักทายแขกของเจ้าบ้านสาวก่อนจะแนะนำตัว แววตาสีฟ้าดูไม่ปรากฏความคิดความรู้สึกใดๆ
อลันเห็นเพื่อนเลิกคิ้วข้างเดียวให้พร้อมกับทำตาวิบวับ ก็รู้ว่าเพลงพิณคงไม่ค่อยกินเส้นกับอีตาพ่อบ้านท่าทางเคร่งระเบียบนี้นัก เกย์หนุ่มจึงหัวเราะเสียงรื่นเริง ก่อนจะคว้ามือของอีกฝ่ายมาจับในอาการที่เกือบจะเรียกได้ว่าลูบไล้
“สวัสดีฮะ…ผมอลัน เพื่อนสนิทของเพลงพิณ มาจากนิวยอร์ก”
เอวานขนลุกซู่ไปทั้งตัวกับการถูกลูบไล้นั้น พ่อบ้านหนุ่มดึงมือออกอย่างนุ่มนวลทั้งที่อยากกระชาก ก่อนจะตอบด้วยเสียงเรียบเฉย “ยินดีรับใช้ครับ…หากมีอะไรที่คุณต้องการ โปรดบอกให้ผมรู้ได้เลยครับ”
อลันสบตาซุกซนของเพลงพิณแล้วก็ยิ้ม แล้วพูดเสียงหวานกับพ่อบ้าน “ทุกเรื่องจริงๆ เหรอฮะ” มือเรียวสวยเอื้อมไปแตะบริเวณอกเสื้อสูทของเอวานคล้ายกับอาการหยอกเอิน ก่อนจะแทบหลุดหัวเราะออกมาเมื่อพ่อบ้านหนุ่มขืนตัวหนีอย่างตกใจ
เพลงพิณหัวเราะ แล้วฉุดแขนเพื่อนให้ขึ้นบันได “มาเถอะอลัน ไปดูห้องกัน…เอาไว้ว่างๆ ค่อย…” หญิงสาวมองพ่อบ้านอย่างล้อเลียน “…มาทำความสนิทสนมกับเอวานเขาใหม่”
เกย์หนุ่มกับหญิงสาววิ่งขึ้นบันไดไปด้วยเสียงหัวเราะคิกคัก ทิ้งให้พ่อบ้านผู้มีสีหน้าเรียบเฉยตลอดเวลายืนนิ่งพร้อมกับดวงตาแฝงความหมายที่ยากจะแยกแยะ
เพลงพิณจัดให้อลันพักใกล้ๆ ห้องเธอบนชั้นสี่ แทนที่จะเป็นห้องสำหรับแขกที่ชั้นสาม เพราะนอกจากจะคิดถึงเขาและอยากมีเพื่อนคุยแล้ว เธอยังมีเรื่องที่ต้องหารือกับเพื่อนกึ่งผู้ร่วมงานนี้มากมาย ในสายตาของคนภายนอก อลันอาจดูเหมือนคนที่เรียบเรื่อย ติดการสังสรรค์เฮฮา แต่ที่จริงแล้วเขาเป็นคนที่มีความคิดเฉียบแหลมและเข้าอกเข้าใจผู้คนรวมถึงสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีมาก…และเก็บความลับได้ยอดเยี่ยม
หลังจากจัดของและรับของว่างเรียบร้อยแล้ว ผู้มาเยือนก็ขอให้เพื่อนสาวพาชมปราสาทด้วยความกระตือรือร้นไฟแรง ไล่จากชั้นสี่ลงมาถึงชั้นล่าง ในมือของทั้งคู่มีสมุดเล่มโต คอยจดความคิดต่างๆ ที่พรั่งพรูไม่หยุด ผู้ช่วยทั้งสองของเพลงพิณก็คอยเดินตาม คอยถ่ายรูปบ้าง รับคำสั่งบ้าง และเสนอความคิดเห็นบ้างอย่างคนในวงการเดียวกัน เพราะหนึ่งในคุณสมบัติของทั้งสองที่นอกเหนือจากผู้ช่วยทางธุรกิจตามปกติคือความรู้ด้านการออกแบบ ตกแต่งภายใน
หลังจากสามชั่วโมงผ่านไป เพลงพิณกับอลันที่อ่อนแรงจากการเดินก็มานั่งอยู่ในสวนหลังปราสาทที่แม้ไม่สวยงามสบายตานัก แต่ก็ดีกว่านั่งอยู่ที่ใดที่หนึ่งในปราสาทที่มีคนงานมากมายกำลังทำหน้าที่ตนอยู่ จนทั้งสองต้องระวังบทสนทนา
อลันวางแก้วกาแฟลงกับจานรอง มองหน้ารูปหัวใจของคนตัวเล็กแล้วก็เบะปาก “เธอบ้าไปแล้วยายเพลง…สามปีไม่เสร็จหรอก ปราสาทท่านเคานต์ของเธอน่ะ อย่างน้อยต้องห้าปี ฉันเห็นที่เดนมาร์กตกแต่งพระราชวังหลังเก่า ใช้เวลาไปตั้งห้าหกปี หมดเงินไปเป็นพันล้าน แล้วนี่เธอทำไมถึงอุตริกำหนดเวลาซะกระชับขนาดนี้ ค่อยๆ ทำไปไม่ดีกว่าเหรอฮึ”
เพลงพิณชักกลุ้มเหมือนกัน…หลังจากที่เดินดูปราสาทอีกครั้งกับเพื่อนในวงการเดียวกัน เธอก็ต้องยอมรับความจริงที่เธอเห็นได้รางๆ ตั้งแต่การสำรวจปราสาทครั้งแรกแล้ว…มันเป็นเรื่องใหญ่มากที่จะตกแต่งปราสาททั้งหลังโดยที่มีประสบการณ์เพียงน้อยนิด และภายในเวลาอันจำกัด
“ฮื่อ…นั่นสิ…แต่ไม่เป็นไรหรอกถ้าไม่เสร็จ ถึงฉันหย่ากับเขาแล้ว ก็อาจทำงานต่อได้ในฐานะลูกจ้างล่ะนะ” หญิงสาวพูดเรื่อยๆ ขณะใช้ส้อมจิ้มมิลล์เฟยแสนอร่อยจากฝีมือพ่อครัวชาวฝรั่งเศสใส่ปาก
อลันเบิกตาโตจนแทบถลน คว้ามือเพื่อนเขย่าแรงๆ “ตายแล้ว…อยากตีปาก เพิ่งแต่ง จะมาพูดเรื่องหย่าอะไรกัน เกิดเรื่องอะไร ทะเลาะกับเขาเหรอ เล่ามาให้เคลียร์เลยนะ…”
เพลงพิณกลืนขนม ส่งยิ้มให้กับสีหน้าแววตาคาดคั้นอยากรู้ของเพื่อนอย่างเจื่อนๆ ก่อนจะเริ่มเล่าย่อๆ ตั้งแต่ที่เธอพบคอนสแตนตินครั้งแรก ไล่เลยมาถึงการตกกระไดพลอยโจน และข้อตกลงต่างๆ ของการแต่งงาน
“โอ๊ย อกเกย์จะระเบิด…ยายเพื่อนบ้า เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่เล่าไม่ปรึกษากันสักคำเลย มันน่าหยิกจริงๆ” อลันบ่นทันทีที่เพลงพิณเล่าจบ ยกกาแฟที่เริ่มเย็นลงขึ้นจิบ ความบ้าระห่ำของเพื่อนสาวเริ่มทำให้เขาปวดหัว วิงเวียนขึ้นมาตงิดๆ
“แหม แต่ข้อเสนอมันน่าสนใจนี่…ทั้งชื่อเสียง ไหนจะมีเงินไปตั้งบริษัทอีก ถึงฉันจะไม่ชอบอีตาท่านเคานต์แดร็กนั่นเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ค่อยมีปัญหาอะไร เพราะเขาไม่ค่อยอยู่ วันๆ บินไปนั่นมานี่ตลอด…เห็นไหมล่ะ สบายจะตาย โฟกัสแต่เรื่องตกแต่งนี่ก็พอ เผลอแป๊บเดียวก็ครบสามปีแล้ว”
อลันทำเสียงจิ๊จ๊ะ ก่อนจะทนความหมั่นไส้ไม่ไหว เอื้อมมือมาดึงลอนผมนุ่มมือของเพื่อนเสียทีหนึ่ง “สบายบ้าไรฮะ…แต่งงาน อยู่กินกับผู้ชายที่มีเรือนร่างยังกับพระเจ้าปั้นมา…แต่ไม่ได้มีเซ็กซ์ด้วยเนี่ยนะ เป็นฉันล่ะก็อกแตกตายกันพอดี มันผิดธรรมชาตินะยะ”
เพลงพิณหน้าแดง…เพราะภาพคอนสแตนตินแวบเข้ามาในหัวอีกแล้ว…บ้าจริง “เฮ้ย ทำไมชอบพูดเรื่องนี้จังเล่า ฉันสนใจแต่เรื่องตกแต่งเท่านั้น ไม่ได้คิดเรื่องพวกนี้เลย…แล้วฉันก็บอกแล้วไงว่าเขาเป็นเกย์…จะไป…อะไรๆ กับเขาได้ไง…บ้าแล้ว”
อลันเอานิ้วชี้แตะมุมปากอย่างครุ่นคิด ดวงตาสีเขียวใสหรี่ลง “เกย์เหรอยะ…บอกตามตรงนะว่าฉันไม่เชื่อเลย แค่ฉันเคยเจอเขาผ่านๆ สองครั้งที่นิวยอร์ก ยังรู้สึกได้เลยว่าสามีในนามเธอน่ะเหมือนยังกับภูเขาไฟที่ซ่อนลาวาเดือดๆ ไว้ข้างในดีๆ นี่เอง…แล้วจากข่าวซุบซิบนะ เขาก็คบคนนั้นคนนี้อยู่ตลอด แต่แบบแอบเงียบ เป็นคู่นอนมากกว่าแฟน…ฉันว่าเธอน่ะเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้ง”
เพลงพิณชักเหงื่อตก หรือว่าที่ณิชาบอกเธอเมื่อสองปีก่อนนั้นจะเป็นเรื่องโกหก…หรือในอีกแง่คือคอนสแตนตินสร้างอิมเมจได้แข็งแกร่งมากว่าตัวเองเป็นผู้ชายแท้จนคนทั่วโลกเชื่อ จะมีคนที่รู้ความจริงก็เพียงคนใกล้ชิด อย่างน้องชายและน้องสะใภ้
“แต่ฉันว่า…น่าจะเกย์นะอลัน ณิชาเพื่อนฉันเขาไม่โกหกหรอก เขาคงรู้เรื่องนี้มาจากคุณอเล็กซิสเอง ฉันเคยได้ยินมาว่าเรื่องแบบนี้มันดูออกยากไม่ใช่เหรอ ขนาดพวกในเครื่องแบบยังมีเลยนี่…” หญิงสาวแย้งอย่างครุ่นคิด
อลันถอนใจเฮือกใหญ่ “มันก็ใช่…เฮ้อ โลกเกย์คงสว่างไสวเลยล่ะถ้าสามีน่าหม่ำของเธอมีรสนิยมเดียวกับพวกเรา แต่ฉันว่ามันยังทะแม่งๆ อยู่นะ แล้วถามจริงเถอะ อยู่ด้วยกันมาจะเป็นเดือนแล้ว เขาไม่จูบ ไม่พยายามจะมีอะไรกับเธอเลยเหรอ…แล้วได้นอนเตียงเดียวกันไหมเนี่ย”
เพลงพิณหน้าร้อนซู่ ถึงเธอจะเป็นทอมบอยที่มั่นอกมั่นใจตัวเอง แต่การมานั่งคุยเรื่องแบบนี้มันก็รู้สึกพิลึกๆ อยู่ เมื่อตอนอยู่นิวยอร์กและมีปาร์ตี้สังสรรค์กัน อลันกับเพื่อนๆ ทั้งชายจริงหญิงแท้และเกย์ก็จะคุยกันเรื่องพวกนี้บ่อย ส่วนเธอที่ไม่มีประสบการณ์อะไรจะแชร์และกระดากก็จะตั้งหน้าตั้งตากินอย่างเดียว
“จูบเจิบอะไรไม่มีหรอก…มีแต่จะอยากหักคอฉันมากกว่า พูดจาแต่ละทีก็เอาแต่ตะคอก เรื่องท่าทีอะไรก็ไม่มีนะ ถ้าเขาไม่มีธุระ ไม่มีเรื่องจะว้ากฉันก็แทบไม่ได้พูดด้วย ส่วนเรื่องนอนเตียงเดียวกัน…เง้อ โอ๊ย เครียด…” หญิงสาวร้องออกมาอย่างขัดใจเมื่อคิดถึงการนอนละเมอหลุดโลกของตัวเอง ตอนนี้ก็ยังหาทางแก้ไม่ได้ อุตส่าห์ตากหน้าไปนอนเตียงเดียวกับเขา หวังจะให้ละเมอเดินกลับห้องตัวเอง บ้าจริง ใครจะรู้ว่าเธอหลับยาวถึงเช้า ตอนนี้ก็เลยไม่ใช้แผนที่น่าหัวเราะนั้นอีก…อย่างน้อยก็ยังได้นอนเตียงตัวเองบ้างล่ะ ก่อนที่จะละเมอไป ไม่ใช่นอนมันทั้งคืนแบบนั้น
อลันเบิกตากว้าง… “อะไร…อย่าบอกนะว่าเธอนอนเตียงเดียวกับเขาทุกคืน แล้วเขาก็ไม่ทำอะไรเธอเลยน่ะ” เกย์หนุ่มซัก มองรูปร่างของเพื่อนที่ซ่อนอยู่ในชุดเสื้อยืดกางเกงยีน…เพลงพิณเป็นคนที่รูปร่างดีมากเพราะเต้นเป็นประจำและชอบออกกำลังกาย ผิวก็ตึงแน่นกระชับและเนียนนุ่มละเอียดกว่าทุกคนที่เขาเคยพบ ถึงจะตัวเล็กไปหน่อย แต่ผู้เปี่ยมประสบการณ์อย่างเขาไม่เห็นว่าจะเป็นข้อเสียหากเพลงพิณนอนอยู่บนเตียง!
เพลงพิณถอนหายใจ “ฉันกับเขาแยกห้องกันนอนอ่ะ เป็นห้องชุดประตูถึงกัน แต่แหม…โอ๊ย มันบ้ามากเลยอลัน…ฉันนอนละเมอเดินไปห้องเขาทุกคืนเลย แล้วตอนเช้าตื่นมาก็เจอตัวเองนอนกอดรัดเขายังกับปลิงดูดเลือดเลยอ่ะ…นึกแล้วอยากบ้า ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นไปได้ขนาดนั้นเลยนะ”
อลันยกมือขึ้นทาบอก “ตายแล้ว…เธอนอนกอดรัดเขาทุกคืน แต่เขาก็ไม่ทำอะไรเหรอ…” หางเสียงสูงเป็นคำถาม เพลงพิณจึงสั่นหน้าตอบ “…โอ๊ย งั้นเรื่องที่เขาเป็นเกย์ก็อาจมีความเป็นไปได้นะยายเพลง…ผู้ชายที่ไหนกันที่ตอนเช้ามีผู้หญิงมากอดก่ายแล้วไม่ทำอะไรน่ะ…ว้าย นึกแล้วก็เสียดายแทนเธอ”
เพลงพิณถลึงตาใส่เพื่อน มองไปรอบๆ เห็นว่าเย็นมากแล้วก็เลยคิดจะชวนเพื่อนเข้าปราสาทเสียที…พอได้แล้วสำหรับเรื่องบนเตียงของอีตาเจ้าชายอสูรนั่น “ฉันว่าเราพอเถอะเรื่องรสนิยมของคอนสแตนติน…ไม่เกี่ยวกับงานของพวกเราสักนิด เสียเวลาเปล่า…กลับเข้าปรา…”
อลันไม่ฟังและก็แทรกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนใจ “ทำไมจะไม่เกี่ยวยะ เรื่องรสนิยมทางเพศของเขาน่ะ ตอนนี้เธออยู่ที่นี่ในฐานะภรรยาของเขานะยายตัวน้อย…นี่มันเป็นเรื่องใหญ่เชียวแหละ”
เพลงพิณขมวดคิ้ว ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์สีน้ำตาลใสแจ๋วมีแววสงสัยอย่างไร้เดียงสา จนอลันที่มองอยู่ถึงกับถอนใจเฮือก “ฉันว่ามันไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ยังไงๆ ก็ต่างคนต่างอยู่กันอยู่แล้วนะ”
อลันเอื้อมมือมาถึงลอนผมนุ่มอีกทีอย่างหมั่นไส้ “ทำไมจะไม่เกี่ยว ถ้าเขาเป็นแมนแท้เต็มไปด้วยลาวาเดือดพล่านอยู่ภายใน…อีกไม่นานเธอคงเสร็จเขาแน่ ไม่มีผู้ชายคนไหนทนให้ผู้หญิงมาวนเวียน โฉบไปโฉบมานอนกอดรัด ซุกไซ้…ยิ่งเฉยๆ อย่างที่บอกนี่ยิ่งน่ากลัว…แบบว่าเก็บกดไง”
เพลงพิณกลืนน้ำลายกับสุ้มเสียงขู่ขวัญของอลัน “แหม…ตะ…แต่มีความเป็นไปได้มากกว่าที่เขาจะเป็นเกย์นี่…แบบนี้คงหายห่วงล่ะนะ”
เกย์ผู้มากไปด้วยประสบการณ์กลอกตาอย่างระอา “โอเค เขาอาจเป็นเกย์จนไม่สนใจเธอ…แต่เธอล่ะ บางทีจิตใต้สำนึกของเธอมันอาจนึกชอบ ต้องการ หิวกระหายโหยหาร่างกายเขาอยู่ก็ได้นะ…ถึงได้เดินละเมอไปนอนกอดเขาทุกคืนโดยไม่รู้ตัวน่ะ…นี่มันไม่น่าหนักใจหรือไงฮะ ถามหน่อย”
เพลงพิณหน้าแหยอย่างตกใจ…อย่างเธอนี่นะ จิตใต้สำนึกโหยหากระหายร่างกายเขา…อ๊าย แค่คิดก็อยากจะเป็นลมตาย…เธอไม่เคยรู้สึกอะไรที่เฉียดๆ แบบนั้นสักนิด…แต่เธอก็ไม่เคยนอนละเมอเดินเหมือนกัน…โอ๊ย กลุ้ม
“แล้ว…ฉะ…ฉันจะทำยังไงดีล่ะอลัน…แง้ว นึกแล้วรับตัวเองไม่ได้เลยอ่ะ ทำไงๆ” เพลงพิณเขย่าแขนเพื่อนอย่างทุกข์ใจ
อลันครุ่นคิด สักพักก็พูดขึ้นอย่างจริงจัง “ต้องแก้อาการนอนละเมอของเธอก่อนดีไหม…ย้ายมาอยู่ห้องชุดที่เธอจัดให้ฉันอยู่สิ สักสามสี่คืน บอกสามีเธอไปก็ได้ว่าเราต้องหารือเรื่องงานกันดึกๆ ดื่นๆ…แล้วระหว่างนี้ก็มาคอยดูกันว่าอาการนอนละเมอของเธอมันจะเป็นไง”
เพลงพิณรีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วย…บางทีเปลี่ยนสภาพแวดล้อมห้องนอน อาการบ้าๆ ของเธอมันอาจจะหายไปก็ได้…ไม่ว่าคอนสแตนตินจะเป็นเกย์หรือไม่ มันก็ไม่เหมาะทั้งนั้นที่เธอจะไปนอนกอดรัดเขาเหมือนเป็นต้นถั่วพันเสาไม้แบบนั้น แถมสิ่งที่อลันวินิจฉัยออกมาก็ยิ่งทำให้เธออยากร้องกรี๊ดๆ
คอนสแตนตินได้พบกับแขกของภรรยาในตอนค่ำหลังกลับจากทำงาน ชายหนุ่มเพียงแต่เอ่ยทักทายสองสามคำตามธรรมเนียมก่อนจะแยกตัวไปทำงานกับเหล่าผู้ช่วยบนชั้นสี่ ปล่อยให้เพลงพิณกับเพื่อนนั่งหารือเรื่องงานกันที่ห้องโถงใหญ่ตามลำพัง
พอถึงเวลาอาหารค่ำ ชายหนุ่มก็ยังคงเงียบขรึม ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ บนใบหน้าทั้งนั้น แต่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าดวงตาสีน้ำเงินเข้มลึกลับของเขาลอบมองอากัปกิริยาสนิทสนมของภรรยาที่มีต่อเพื่อนหนุ่มแสนเนี้ยบไว้ตลอดเวลา
เพลงพิณเห็นว่าเจ้าบ้านหนุ่มจะเงียบเกินไปจนเพื่อนรักของเธอรู้สึกอึดอัด จึงพยายามดึงให้เขามีส่วนร่วมในบทสนทนา “อีกสักสามอาทิตย์ฉันคงวางแผนเสร็จและเริ่มดำเนินการเสียที…คุณคิดว่ายังไง ช้าไปไหม”
คนถูกถามเหลือบตาขึ้นจากเนื้อซี่โครงชุ่มซอสนิดหนึ่ง “ไม่รู้…คุณก็วางแผนให้ดีก็แล้วกัน”
ปากหยักเป็นกระจับสีชมพูระเรื่อเม้มแน่นอย่างหมั่นไส้กับน้ำเสียงไม่ยินดียินร้ายนั้น “แน่นอนแหละ…รู้ไหมว่าพื้นที่ที่ต้องปรับปรุงเนี่ยเป็นพันๆ ตารางเมตรนะ ห้องอีกเจ็ดสิบกว่าห้อง…ไหนจะพื้นที่ด้านนอกอีก การเดินทางก็ลำบากลำบน พวกเฟอร์นิเจอร์และวัสดุต่างๆ ก็ต้องขนขึ้นมาทางเรือ ถนนก็เล็กและขรุขระ…ปัญหาเยอะจะตายไป”
ใบหน้าที่นิ่งสนิทซึ่งรกไปด้วยเครามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ขวามือนิดหนึ่ง ก่อนจะตอบเสียงไม่ยินดียินร้าย “ก็คุณกระตือรือร้นเสนอตัว คุณก็ต้องรับผิดชอบกับเรื่องนี้ให้ได้…ผมให้ผู้ช่วยคุณไปแล้วสองคน บริษัทก่อสร้างก็มีให้ อยากได้อะไรเพิ่มเติมก็ส่งรายละเอียดมาเสนอ”
เพลงพิณชักเริ่มหงุดหงิด…ก็จริงอยู่ที่เธอมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย แต่บางครั้งเธอก็ต้องการความเห็นของเจ้าของปราสาทจริงๆ ไม่ใช่อะไรๆ ก็เป็นการตัดสินใจของเธอไปหมดแบบนี้…เขาเป็นคนอยู่ที่นี่ตลอดชีวิตนะ ไม่ใช่เธอ หรือบางทีคอนสแตนตินอาจเสียดายถ้ำไร้อารยธรรมของเขาอยู่ลึกๆ ก็ได้ เวลาถามอะไรจึงตอบรวนๆ ไม่ให้ความร่วมมือแบบนี้
อลันเริ่มเห็นแล้วว่าเพื่อนรักแต่งงานกับเจ้าของปราสาทด้วยเหตุผลทางธุรกิจจริงๆ แต่ส่วนที่ชายร่างบึกบึนดูลึกลับคนนี้จะเป็นเกย์หรือไม่ เขาเองก็ยังมองไม่ออก ทั้งที่ลอบมองท่าทีเขามาพักใหญ่
“เราจะทำงานด้านสถาปัตยกรรมการตกแต่งและด้านภูมิทัศน์ไปพร้อมๆ กัน…ภายในปราสาทเพลงพิณจะเป็นคนสเก็ตช์ภาพทั้งหมดและจะทำไปทีละชั้น เริ่มจากชั้นสองไปจนถึงชั้นบนสุดและลงมาจบที่ชั้นแรก ส่วนเรื่องของภูมิทัศน์เพลงเขาตั้งใจว่าจะออกแบบและบอกความต้องการอย่างละเอียดให้นักภูมิสถาปัตย์กับพฤกษศิลปิน…ซึ่งนักพฤกษศิลปินนี่เราอยากได้ตัวแพทริก บลองก์และต้องจองคิวเขาล่วงหน้า…” อลันบอกถึงแผนงานอย่างยืดยาวเป็นงานเป็นการ เพราะรู้สึกว่าหากเพื่อนเป็นคนพูดกับคอนสแตนตินเองก็คงไม่ต่างจากพูดคำเสียดสีกันคำ ทั้งสองจะพานทะเลาะกันในตอนท้ายเปล่าๆ
คอนสแตนตินพยายามกลืนความรู้สึกที่เขาไม่คุ้นเคยลงไปในอก เมื่อเห็นแขกหนุ่มยิ้มและลูบแขนเพลงพิณอย่างสนิทสนม “นักพฤกษศิลปินเหรอ…”
เพลงพิณรับช่วงต่อ “…ใช่แล้ว เขาจะมีความเชี่ยวชาญเรื่องต้นไม้เป็นพิเศษ คุณมีพื้นที่ด้านนอกเยอะมาก และฉันคิดว่าการจัดสวนในลักษณะแปลกๆ อย่างบนกำแพง บนเชิงเทิน พืชไม้เลื้อย ซุ้มไม้ต่างๆ พวกนี้จะช่วยให้ดูดีกว่าจัดในแนวราบอย่างเดียว แล้วนักพฤกษศิลปินก็ช่วยเราเรื่องนี้ได้ แล้วก็ต้องเริ่มเร็วที่สุดด้วยเพราะต้นไม้ต้องใช้เวลาเติบโตและเซ็ตตัว”
คอนสแตนตินนิ่งไป ด้วยไม่คิดว่ายามพูดถึงเรื่องงานเพลงพิณจะดูเป็นงานเป็นการขนาดนี้ วันๆ เท่าที่เขาได้เห็นเธอ หญิงสาวเอาแต่เดินไปเดินมา เข้าห้องนั้นออกห้องนี้ มีคนรับใช้เดินตามพร้อมกับตะกร้าขนม จนเขานึกในใจว่าอีกไม่นานทุกอย่างคงล้มไม่เป็นท่า เขาสั่งผู้ช่วยทั้งสองของเธอที่เขาเป็นคนคัดเลือกมาเองให้รายงานการทำงานของเพลงพิณให้ฟังอย่างละเอียด พอเธอเหลวไหลจนพอใจแล้วเขาก็จะให้บริษัทที่เขามองๆ ไว้เข้าไปจัดการแทน ไม่คิดว่าแค่เพียงความคิดที่อยากให้เพลงพิณมีอะไรทำจนไม่รบกวนชีวิตประจำวันของเขา จะกลายเป็นโครงการตกแต่งปรับปรุงที่จริงจัง
คอนสแตนตินเปลี่ยนท่าที สนใจกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น “ใช้ผู้ช่วยของคุณให้เป็นประโยชน์ คุณจะคิดวางแผนอะไรก็ได้ ผมแค่ต้องการสองอย่างเท่านั้น…ห้ามแสงสว่าง และห้ามใช้สีสด รายละเอียดต่างๆ คุณบอกมาทางผู้ช่วยได้ เขาจะทำรายงานให้ผมพิจารณาอนุมัติให้พวกคุณเอง”
เพลงพิณลอบเบ้หน้ากับเพื่อนตั้งแต่ได้ยินคำว่า ‘ห้ามแสงสว่าง…ห้ามใช้สีสด’ หญิงสาวทำท่าแยกเขี้ยวล้อเลียนฉายาท่านเคานต์แดร็กคิวล่าให้อลันเห็น จนเกย์หนุ่มหลุดหัวเราะออกมาและยืดแขนไปหยิกต้นแขนของเพลงพิณเป็นเชิงมันเขี้ยว
คอนสแตนตินรู้สึกโกรธและ…รำคาญกับการไม่รักษามารยาทบนโต๊ะอาหารของทั้งคู่ “ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม ผมจะได้กินต่อซะที” ปลายหางเสียงสะบัดสูง ก่อนจะก้มลงหั่นชิ้นเนื้อในจานอย่างกระแทกกระทั้นรุนแรงทั้งๆ ที่เนื้อนั้นถูกตุ๋นจนเปื่อยยุ่ยมาเรียบร้อยแล้ว
เพลงพิณยังไม่สลดแม้แต่น้อย ยิ้มหน้าเป็นให้เพื่อนแล้วนัดแนะเสียงใส “สามีฉันเขาเคร่งระเบียบน่ะ เรากินกันเงียบๆ ดีกว่าเนอะ…เดี๋ยวคืนนี้ค่อยคุยกันที่ห้อง”
“อะไรนะ!” คอนสแตนตินถามออกมาแทบเป็นเสียงตะโกน ก่อนจะรู้สึกตัวและลดความดังลงในประโยคต่อมา “เธอจะทำอะไรนะ”
“ก็นอนกับอลัน…เอ่อ หมายถึงนอนห้องชุดทางปีกขวาน่ะ ฉันกับเขาจะได้หารือกันเรื่องงานนี่แหละ อลันเขางานยุ่ง อยู่นานไม่ได้ เดี๋ยวก็ต้องไปเตรียมงานแต่งให้กับเพื่อนที่เกาะเอียรอสอีก…”
คอนสแตนตินรู้สึกหูอื้อตาพร่าพรายไปหมด ยิ่งเห็นท่าทางของทั้งสองที่ดูครึกครื้นระริกระรื่นก็ยิ่งโมโห แต่คนอย่างเขาไม่มีทางฝืนใจใครให้ทำอะไร จึงได้แต่คำรามตอบกลับไปเสียงน่ากลัว
“จำไว้ด้วยว่าเธอแต่งงานแล้ว อะไรควรทำหรือไม่ควรทำน่าจะรู้ดี…” พูดจบคอนสแตนตินก็รู้สึกหมดความอยากอาหาร จึงวางมีดกับส้อมลงจานดังเคร้ง แล้วพึมพำขอตัวตามมารยาทก่อนจะเดินตึงๆ ไปที่บันได
เพลงพิณทำท่าเบิกตา หงายฝ่ามือทั้งสองข้างเหมือนกับไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆ “ท่านเคานต์เขาเป็นอะไรของเขาเนี่ย…อารมณ์ยังกับแวมไพร์วัยทอง…มีใครรู้อะไรบ้างไหม”
ผู้ชายนับสิบที่เป็นบอดี้การ์ดและผู้ช่วยของทั้งเพลงพิณและคอนสแตนตินซึ่งก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารกันมาตลอดอย่างไม่ต้องการมีส่วนร่วมในการสนทนาพากันส่ายหน้า
หากอลันทำท่าล้อเลียน ดวงตาสีเขียวเปล่งประกายวิบวับ มือประสานกันเหมือนขอบคุณสวรรค์ “ฉันว่าเขาต้องหึงแน่เลยยายเพลงเอ๊ย…จริงไหมฮะ หนุ่มๆ ทั้งหลาย”
เหล่าชายที่อยู่อีกฟากของโต๊ะเห็นอลันขยิบหูขยิบตาให้ก็ทำเอาบางคนลอบกลืนน้ำลาย “เอ่อ…ไม่ทราบครับ”
เพลงพิณหัวเราะคิกคัก “หึงสิ…หึงเธอไง หนุ่มผิวดีกล้ามสวย…คิกๆ”
สตีเฟ่นที่อยู่ใกล้คนพูดที่สุดถึงกับสำลักและมองนายหญิงตัวเล็กอย่างอัศจรรย์ใจ…เธอพูดออกมาได้ยังไงว่าคอนสแตนตินอาจมีรสนิยมชอบผู้ชาย นี่มันหมิ่นความเป็นชายกันอย่างแรง…ผู้หญิงนี่จริงๆ เลย บ้าไม่ดูตาม้าตาเรือ
เกย์หนุ่มหัวเราะ ทั้งที่เริ่มเอนเอียงในใจว่าคอนสแตนตินเป็นชายแท้ แต่ก็อยากแกล้งให้ผู้ชายตัวโตนับสิบบนโต๊ะพรั่นพรึงตัวเองเล่น “นั่นสิ…ดวงตางี้วาบๆ เชียว แอบมองหน้าเขาทีไร ใจสะท้านไปหมด…เธอคงไม่ว่านะถ้าคืนนี้ฉันจะแวะไปเซย์กู๊ดไนต์สามีเธอที่ห้องเสียหน่อย”
ยิ่งเพื่อนพูดเล่นแบบนี้ เพลงพิณเลยยิ่งนึกไปเองว่าอลันเห็นสามีเฉพาะกิจของเธอเป็นเกย์จริงๆ หญิงสาวหัวเราะร่วน ก่อนจะพูดอย่างภรรยาใจดี “เอาเลยจ้ะ ฉันยกให้ คิกๆ”
ทีมบอดี้การ์ดและผู้ช่วยมองการสนทนาของนายหญิงกับเพื่อนอย่างรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก คนที่รู้จักคอนสแตนตินมานานหน่อยก็นึกหวั่นว่าหากสองคนนี้เล่นอะไรกันแบบนี้ต่อหน้าคอนสแตนติน จะพากันอายุสั้นได้ ส่วนสตีเฟ่น ริคาโด้ และผู้ช่วยส่วนตัวของคอนสแตนตินที่มองสถานการณ์ได้ลึกซึ้งก็สบตากันและส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ
คอนสแตนตินหึงภรรยาจะตายอยู่แล้ว ดวงตาสีน้ำเงินที่แทบจะลุกเรืองทุกครั้งที่เห็นอาการสนิทสนมของทั้งคู่นั้น ทำไมเพลงพิณถึงมองไม่เห็น…เขาหึงจนมองไม่ออกว่าแขกผู้มาเยือนมีรสนิยมชอบผู้ชาย ส่วนนายหญิงเพลงพิณก็พูดเพ้อเจ้ออะไรก็ไม่รู้ ตัวเองแต่งงานมาเป็นเดือนแล้ว ต้องรู้ดีสิว่าคอนสแตนตินมีความเป็นผู้ชายที่เข้มข้นมาก กลับพูดเล่นอะไรแบบนี้กับเพื่อน…อย่างนี้ล่ะที่เรียกว่าล้อเล่นกันจนเกินพอดี
ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันและมีเรื่องงานที่ต้องหารือกันตลอดเวลา เพลงพิณกับอลันจึงตัวแทบจะติดกันทั้งวันทั้งคืน หญิงสาวพาเพื่อนรักไปสำรวจเกาะเสียทั่ว และพากันท่องเที่ยวเกาะชื่อดังที่อยู่รอบๆ ส่วนเรื่องงานที่หญิงสาวรับผิดชอบก็คืบหน้าไปมากแล้ว ทีมงานและคนงานจากบริษัทรับก่อสร้างที่คอนสแตนตินเป็นเจ้าของจะเริ่มลงมือทำงานในอีกสามวัน โดยจะปรับปรุงเส้นทางจากท่าเรือมาสู่ปราสาทเสียก่อนที่จะเริ่มทำอย่างอื่น ส่วนเรื่องของแพทริก นักพฤกษศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศส ย่าของเพลงพิณที่เป็นชาวฝรั่งเศสและกว้างขวางพอสมควรได้ทำการติดต่อให้แล้ว พร้อมกับจะพาแพทริกมายังปราสาทด้วยตัวเองในอีกสองสัปดาห์พร้อมกับลุงของเธอซึ่งเป็นจิตรกรและรู้จักผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะมากมายจะมาช่วยดูงานในส่วนนี้ให้
เพลงพิณรู้สึกสนุกกับการทำงานและเที่ยวเล่นกับเพื่อนเสียจนลืมสามีตัวเองไปในบางครั้ง หญิงสาวยังไม่รู้เหมือนคนในปราสาทที่รู้ว่าตอนนี้คอนสแตนตินอารมณ์เสียขนาดหนัก จนคนรับใช้ไม่กล้าแม้แต่จะเดินผ่านห้องที่ชายหนุ่มอยู่ ผู้ช่วยและบอดี้การ์ดก็พากันหนาวๆ ร้อนๆ เวลาอยู่ในหน้าที่ ก่อนหน้านี้ที่เขาเป็นคนเคร่งขรึม รักความเป็นส่วนตัวและค่อนข้างเย็นชา ตอนนี้เขาแทบจะกลายเป็นอสูรร้าย เป็นปีศาจดูดเลือดตามฉายาเข้าไปจริงๆ
“เอาล่ะ…เรามาทำพร้อมกันอีกที นิกกี้จ๊ะ เปิดเพลงได้เลย” เพลงพิณในชุดรัดรูปสีชมพูพูดกับคนทำความสะอาดครัววัยต้นสามสิบ ก่อนจะหันไปหาคนงานหญิงของปราสาทนับสิบคนที่ยืนกระจายกันอยู่ตรงหน้าเธอ พอเพลงดังขึ้นหญิงสาวก็ให้สัญญาณในการนับเลขหนึ่งสอง ก่อนจะจับแขนอลันที่ยืนอยู่ข้างๆ และเริ่มเต้นในท่าที่เธอซ้อมให้ทุกคนดูโดยปราศจากเสียงเพลงในก่อนหน้านี้
นับตั้งแต่คอนสแตนตินโวยวายเรื่องการเปิดเพลงในตอนเช้า หญิงสาวก็เลยย้ายที่ออกกำลังกายมาเป็นห้องยิมชั้นล่างแทน ยิ่งอลันมาพักด้วยอย่างนี้เธอก็ยิ่งสนุกใหญ่ ทั้งคู่ใช้เวลาสองสามชั่วโมงในช่วงเช้าเต้นออกกำลังกายกันอย่างสนุกสนาน ผ่านไปไม่กี่วันทั้งสองก็เริ่มเห็นว่าห้องกว้างเกินไปที่จะเต้นกันสองคน หญิงสาวจึงไปขอร้องกึ่งบังคับคนงานหญิงให้มาเต้นกับพวกเธอ ซึ่งก็ได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี ทุกคนยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริงกว่าเมื่อก่อนมาก ทำให้เพลงพิณยิ่งชอบใจ เพราะเธอเบื่อท่าทางหวาดหวั่นทำตัวลีบของพวกเขาจริงๆ
วันนี้หญิงสาวกับอลันสอนเต้นแนวบอลลีวูด ซึ่งเป็นการเต้นแบบอินเดียร่วมสมัย ทุกคนตั้งใจเป็นอย่างดีเพราะไม่เคยเต้นมาก่อน เพลงพิณร้องตะโกนให้ทุกคนส่ายสะโพกให้เร็วขึ้น ขณะที่ตัวเองส่ายทั้งหน้าอกและสะโพกสั่นระรัวอย่างเชี่ยวชาญ ก่อนจะหมุนตัวและหันมาชนสะโพกกับอลันและส่ายหน้าอกสู้กับเขาอย่างพลิ้วไหวราวกับนักเต้นมืออาชีพ หญิงสาวสนุกสนานเมามันเสียจนไม่ทันได้สังเกตอะไรเลย จนกระทั่งเสียงเพลงหยุดลงกะทันหัน
เพลงพิณขมวดคิ้ว ตวัดหน้าไปยังมุมห้องซึ่งเป็นตำแหน่งเครื่องเสียงก็พบคอนสแตนตินในชุดคลุมสีดำชายยาวถึงน่องที่ตอนนี้สะบัดพลิ้วจากลมที่เข้ามาทางหน้าต่างที่เปิดไว้รอบด้าน ชายหนุ่มไม่พูดอะไรสักคำ ใบหน้าดุดันที่รกเรื้อไปด้วยหนวดเคราทะมึนเต็มไปด้วยโทสะโลดแรง ดวงตาสีน้ำเงินเย็นชาคล้ายกับมีไฟลุกโชน จนเพลงพิณเกือบจะห่อไหล่แม้จะอยู่ไกลออกมาหลายเมตร หางตาหญิงสาวเห็นคนงานหลายคนมีท่าทีลนลาน หวั่นเกรง ใบหน้าของพวกเขาซีดขาวราวกับถูกสูบเลือดออกไปจนหมด แม้แต่อลันก็มีสีหน้าจืดเจื่อน
ทั้งหมดนี้ไม่ได้ทำให้เพลงพิณตื่นตกใจอะไรเลย กลับหัวเสียนิดๆ ด้วยซ้ำที่เขามาทำลายช่วงเวลาแห่งความสุขของพวกเธอ อีกอย่างหนึ่งเธอซึ่งเป็นหัวหน้าชมรมและเป็นนายหญิงของปราสาทต้องโชว์พาวเวอร์ให้ทุกคนเห็น หญิงสาวจึงยิ้มแย้มเดินเข้าไปหาร่างสูงใหญ่ที่ยืนปักหลักอยู่หลังห้อง
“อ้าว คอนที่รัก…มาเร้ว มาเต้นด้วยกันสิ จะได้แข็งแรง ไม่แก่เร็ว”
พอเห็นว่าใบหน้ารูปหัวใจยังดูรื่นเริง ตารูปเม็ดอัลมอนด์ยังใสแจ๋ว คอนสแตนตินก็รู้สึกวิบขึ้นในใจ และฟางเส้นสุดท้ายก็มาถึงเมื่อเห็นว่าเพลงพิณหันไปลอบชูสองนิ้วให้อลัน ความควบคุมตัวของชายหนุ่มปลิววับไป แขนที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามกระชากร่างเล็กในชุดรัดรูปสีสดที่เห็นสัดส่วนเด่นชัดเข้ามาหนีบไว้กับเอวแล้วก้าวพรวดๆ ออกมาจากห้องออกกำลังกาย
“อ๊ายๆๆ ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ…ปล่อยๆๆๆ” เพลงพิณร้องตะโกน ขาเรียวปัดป่ายไปมา ดิ้นรนให้ตัวเองพ้นจากการถูกหนีบรัด
“หุบปาก! ไม่งั้นผมจะตีก้นคุณให้บวมขึ้นมาสามเท่าต่อหน้าคนทั้งปราสาทนี่แหละ” คอนสแตนตินตวาดเป็นชุด กึ่งอุ้มกึ่งลากเพลงพิณขึ้นบันไดมายังชั้นสอง พอเห็นห้องว่างห้องหนึ่งก็ก้าวพรวดๆ เข้าไปแล้วปล่อยเพลงพิณให้เป็นอิสระในลักษณะเหมือนทิ้งกระสอบทรายไร้ค่า
“เป็นบ้าอะไรฮะ! ถึงได้ทำตัวเป็นมนุษย์ถ้ำฉุดกระชากลากถูคนอื่นเขาแบบนี้เนี่ย” เพลงพิณแหงนหน้าตะโกนใส่ ก่อนจะเลิกชายเสื้อขึ้นดูช่วงเอวขาวเนียนที่ตอนนี้แดงเป็นปื้นจากการถูกมือยักษ์บีบ
คอนสแตนตินเห็นภรรยาในนามตัวเองทำอาการขาดความระมัดระวังก็ยิ่งโกรธ พานคิดไปว่าอยู่ต่อหน้าเพื่อน เธอทำอะไรแบบนี้ไปกี่ครั้งแล้ว “แล้วที่เธอทำตัวแย่ๆ ตลอดสี่ห้าวันมานี่หมายความว่ายังไงฮะ…ย้ายไปนอนกับเพื่อนแบบนั้นมันงามหน้าไหม คืนหนึ่งก็แล้ว สองคืนก็แล้ว จนตอนนี้มันปาเข้าไปกี่คืนแล้ว”
เพลงพิณถึงกับงงไป…เธอนึกว่าเขาโกรธเรื่องที่เธอเปิดเพลงเสียงดังแล้วก็เกณฑ์คนงานมาเต้นออกกำลังกายซะอีก…เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบเสียงเพลง ขนาดเธอร้องเพลงในห้องน้ำเขายังมาทุบประตูบอกให้เงียบเลย
“อะไรของคุณเนี่ย…ฉันค้างกับเพื่อนของฉันแล้วมันเป็นยังไง ตอนนี้ฉันไม่นอนละเมอแล้วด้วย”
ไม่นอนละเมอแล้ว!…เฮอะ นั่นมันก็หมายความว่าเขานอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วเหมือนกัน ตอนนี้เขาปวดหัวแทบจะระเบิด…ขนาดเขาต้องบินไปทำงานช่วงสาย จะกลับมาก็ค่ำ ยังคอยแต่จะเห็นเพลงพิณทำตัวติดกับอลัน ว่ายน้ำด้วยกัน กินนั่นกินนี่ด้วยกัน พูดคุยกระซิบกระซาบหัวร่อต่อกระซิกอยู่บนโซฟาเหมือนโลกนี้มีกันอยู่สองคน แล้วเมื่อกี้นี้เธอยังเต้นท่าทางทุเรศๆ ไม่สำรวมกับผู้ชายคนนั้นต่อหน้าคนงานของเขาเป็นสิบๆ อีก…แบบนี้เธอจะหาว่าเขาเป็นบ้าไปได้ไง
ยิ่งคิดคอนสแตนตินก็ยิ่งเดือด “อย่าให้ฉันเห็นเธอทำตัวใกล้ชิดกับเพื่อนเธอเกินไปอีกนะ ไม่งั้นฉันจะจับไอ้ผู้ชายคนนั้นโยนลงหน้าผาไปเลย”
โห…เพลงพิณอุทานในใจ…คอนสแตนตินนี่บ้าขั้นหนัก “ทำไม เขาเป็นเพื่อนรักของฉัน ทำไมฉันจะทำตัวสนิทกับเขาไม่ได้…ใครจะเหมือนคุณกันล่ะ เพื่อนก็ไม่เห็นมี ไม่มีใครโทรหา ไม่มีใครมาเยี่ยม เชอะ”
คอนสแตนตินสะอึกกับคำพูดนั้น บดกรามจนขากรรไกรสั่น “นั่นมันเรื่องของฉัน…แต่เธอน่ะอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร ทำแบบนี้คิดบ้างไหมว่าคนทั้งปราสาทเขาจะนินทา จะหาว่าฉันเป็นไอ้หน้าโง่ที่เมียไปยุ่งกับ…”
เพลงพิณสวนขึ้นมาทันควัน “ฮะ นี่คุณหึงเหรอ!”
“บ้าน่ะสิ!” คอนสแตนตินโพล่งออกไปเสียงกระชาก “ฉันไม่สนใจหรอกนะว่าเธอจะเป็นเพื่อน จะเป็นอะไรกับใคร แต่ต่อหน้าคนของฉัน กรุณาทำตัวให้เหมาะสมด้วย…อย่าลืมว่าฉันจ้างเธอ…”
เพลงพิณทนฟังไม่ไหวอีกต่อไป นี่มันไร้สาระเกินไปแล้ว คิดว่าจ่ายเงินค่าจ้างให้เธอแล้วจะเป็นเจ้าชีวิตเธอได้หรือไงกัน “ตะโกนเข้าไปสิ ไอ้เรื่องเงินเรื่องจ้างนั่นน่ะ ตะโกนให้คนเขาได้ยินกันให้ทั่วเลยจะได้ไม่ต้องมาเล่นละครบ้าๆ อีก…แล้วนายน่ะตาถั่วหรือเปล่าฮะ อลันเขาเป็นเกย์ เป็นเกย์น่ะได้ยินไหม…คนเขารู้กันทั้งนั้น วันๆ สังเกตอะไรบ้างฮะคนบ้า…”
เพลงพิณยังบ่นเป็นชุด แต่คอนสแตนตินแทบไม่ได้ยินเลย คำว่า ‘อลันเป็นเกย์’ สะท้อนก้องในหูเขาไม่หยุด แล้วเขาก็รู้สึกแปลกๆ ในหัวใจ คล้ายกับรู้สึกโล่งใจ…ใช่สิ เขาต้องโล่งใจอยู่แล้วที่ลูกจ้างนับหกสิบเจ็ดสิบชีวิตไม่ได้คิดว่าเขาเป็นไอ้หน้าโง่ถูกสวมเขา
ใบหน้าคร้ามเข้มไปด้วยไรหนวดเคราและหมองคล้ำจากอาการนอนไม่หลับติดต่อกันก้มลงมองคนตัวเล็กที่ยืนกำหมัดแน่น หน้าตาแดงเถือกไปด้วยอารมณ์โมโห…ถึงเพื่อนเธอจะเป็นเกย์ นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่เธอจะบกพร่องในหน้าที่ที่ต้องเป็นยานอนหลับส่วนตัวให้เขา
“กลับมานอนห้องของตัวเองได้แล้ว…” ชายหนุ่มสั่งเสียงกระด้าง เมื่อเห็นเพลงพิณถลึงตาใส่ ขยับปากเหมือนจะเถียง เขาก็พูดเสียงเย็นชา “ไม่อย่างนั้นผมจะให้เขาไปพักที่อื่น”
เพลงพิณเม้มปากจนฟันเขี้ยวสองซี่แทบจะขบมุมปาก…เธออุตส่าห์นึกดีใจที่อาการนอนละเมอของเธอหายไปแล้ว นี่เธอยังไม่รู้เลยว่ากลับไปห้องเดิมอาการบ้าๆ นั่นจะเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า…ยิ่งอลันบอกว่าที่เป็นแบบนี้เพราะจิตใต้สำนึกของเธอโหยหาเรือนร่างของเขา เธอก็ยิ่งรับตัวเองไม่ได้…ไอ้บ้า ไอ้คนบ้า ไอ้นายจ้างหน้าเลือด เธอเกลียดอีตาผีดิบนี่จริงๆ
หลังจากปะทะคารมกับคอนสแตนติน เพลงพิณก็ต้องหัวเสียหนักขึ้นเมื่ออลันซึ่งฟังรายละเอียดคร่าวๆ ของเหตุการณ์เสร็จร้องวี้ดวิ่วหน้าตาชื่นบาน ฟันธงว่าคอนสแตนตินเป็นชายแท้ที่กำลังหึงหวงภรรยาตัวน้อยของตัวเองขนาดหนัก ขอให้เพลงพิณเตรียมตัวเตรียมใจให้ดี เพราะเมื่อย้ายกลับไปที่ห้องชุดเดียวกับเขาเมื่อไหร่ จะถูก ‘จับกิน’ แน่นอน…เพลงพิณพยายามจะโต้แย้งอย่างไรอลันก็ไม่ยอมหยุด ยังคงพูดเรื่องบ้าๆ ที่เธอไม่อยากฟัง จนเธอทนไม่ไหวอยากจะลงไปร้องดิ้นกับพื้น ดังนั้นพอถึงช่วงบ่าย เพื่อนของอลันที่เป็นผู้ดูแลจัดงานแต่งงานที่เกาะเอียรอสโทรศัพท์มาขอให้อลันไปช่วยงานด้วยอีกแรง เพลงพิณก็เลยโล่งใจ รีบขับไล่ไสส่งเพื่อนปากมากให้อยู่ห่างๆ จากเธอสักสองวัน
หลังจากเพื่อนเดินทางไปเกาะเอียรอส เพลงพิณก็คิดว่านี่เป็นโอกาสเหมาะที่เธอจะตั้งหน้าตั้งตาหาห้องลับเสียที ต่อให้ต้องลองมุดรู ลองปีนหลังคา เธอก็ต้องไขข้อข้องใจที่มีมานานกว่าสองปีให้จงได้…แต่เหมือนสวรรค์จะกลั่นแกล้ง เมื่ออยู่ๆ คอนสแตนตินก็อยากจะทำงานอยู่ที่ปราสาทขึ้นมาเสียเฉยๆ หญิงสาวจึงตัดสินใจสั่งให้นักบินนำเฮลิคอปเตอร์ขึ้นเพื่อไปช็อปปิ้งแก้เครียดในเมืองหลวง
บทที่ 12 มาร์ค ซี เทต
“เอแคลร์ ครัวซองต์ ฟัวกราส์ คาเวียร์” เพลงพิณเรียกชื่อที่ปกติเป็นชื่อของขนมและอาหารออกมาด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ…อิ่มทั้งๆ ที่ทั้งสี่อย่างนั้นไม่ใช่ของกิน
ลูกแมวสีส้มขนฟูน่ารักในตะกร้าที่นิคโอบอยู่ด้วยใบหน้าปั้นยากนี้ชื่อเอแคลร์กับครัวซองต์ ส่วนลูกสุนัขสีช็อกโกแลตพันธุ์ลาบราดอร์ที่บุชอุ้มอยู่ชื่อฟัวกราส์ และอีกตัวซึ่งมีสีและพันธุ์เดียวกันที่ร้องงื้ดง้าดอยู่ในอ้อมแขนของดอนชื่อคาเวียร์…ยิ่งมองเจ้าสี่ตัวที่เธอเพิ่งซื้อมาจากร้านขายสัตว์เลี้ยงชื่อดัง เพลงพิณก็ฉีกยิ้มจนแก้มแทบปริด้วยความดีใจ…ไม่เสียแรงที่เธอยอมหักห้ามความกลัวขึ้น ฮ. จากเกาะมิครอสมาถึงที่นี่ ตอนแรกเธอคิดจะเข้าไปซื้อกางเกงยีนสักสองสามตัวในร้านแก๊ปซึ่งเป็นยี่ห้อโปรดของเธอ แต่พอเธอเห็นร้านขายสัตว์เลี้ยง เธอก็รู้แล้วว่าทำไมชะตาลิขิตให้เธอมาที่นี่วันนี้
อันน่าซึ่งช่วยเพลงพิณหิ้วถุงบรรจุของสำหรับสัตว์เลี้ยงมากมายเต็มมือทั้งสองข้างเห็นนายสาวมีความสุขเหมือนแมวได้ปลาย่างก็รู้สึกดีไปด้วย แต่เมื่อคิดว่ามีอะไรรออยู่เมื่อทั้งหมดกลับไปที่ปราสาท หญิงสาวก็อดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้
ท่านคอนสแตนตินเกลียดสัตว์เลี้ยงทุกชนิด ถ้าเห็นเจ้าสี่ตัวนี่คงคำรามจนปราสาทสะเทือนแน่…ทำไมคิริอาเพลงพิณไม่ฟังที่เราทั้งอ้อนวอนทั้งเตือนเลยน้า กลุ้มใจจริง เฮ้อ
ทั้งหมดกำลังเดินอยู่บริเวณจัตุรัสใหญ่กลางเมืองซึ่งมีทั้งสวนสาธารณะใหญ่เลียบถนนและแหล่งช็อปปิ้งทั้งของกินของใช้ เพลงพิณสอดส่ายตามองร้านค้าริมทางบ้าง หันมาหยอกล้อกับลูกๆ ทั้งสี่บ้าง ทำให้ทั้งหกคนเคลื่อนตัวผ่านแหล่งที่มีผู้คนมากมายนี้ได้ค่อนข้างช้า
สตีเฟ่นเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ทั้งสองมือว่างเปล่า บอดี้การ์ดหนุ่มมองสองข้างถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ออกมาจับจ่ายซื้อของในยามเย็นอย่างระวังระไว ดวงตาสีฟ้าเข้มมองเพื่อนร่วมอาชีพอีกสามคนด้วยความรู้สึกอ่อนใจ นายหญิงจอมป่วนจะรู้บ้างไหมว่าการให้บอดี้การ์ดมาอุ้มพวกสัตว์เลี้ยงขนฟูน้ำลายยืดพวกนี้จนมือไม่ว่างนั้นมันเสี่ยงขนาดไหน ถ้าเกิดเรื่องฉุกเฉิน หรือตัวเธอเองตกอยู่ในอันตรายจะทำอย่างไรกัน
ไม่ทันที่ความคิดของสตีเฟ่นจะหยุดลง เรื่องยุ่งๆ ก็เกิดขึ้นมาจริงๆ เมื่อลูกแมวที่เพลงพิณกำลังจะจับมาอุ้มเกิดกระโดดออกจากตะกร้าแล้ววิ่งจี๋แทรกไปตามกลุ่มคนบนทางเท้า
“อ๊ายยย…เอแคลร์ กลับมานี่นะ”
เพลงพิณร้องอุทาน รีบพุ่งปราดตามไปทันทีอย่างไม่รีรอ เพราะกลัวว่าแมวน้อยจะวิ่งลงไปบนถนน ร่างเล็กเบียดแทรกผู้คน พลางร้องขอโทษไปด้วยตลอดทาง ฝ่ายเจ้าแมวน้อยก็เหมือนจะยิ่งแกล้ง วิ่งซิกแซ็กตะบึงไปข้างหน้าด้วยหางชี้ฟู แสดงนิสัยซุกซนน่าปวดหัวออกมาเต็มที่
บอดี้การ์ดที่มีหน้าที่ต้องตามติดนายหญิงรีบวิ่งตามอย่างทุลักทุเล กลุ่มคนตัวโตสี่คนที่อุ้มลูกแมวบ้าง ลูกสุนัขบ้าง รวมถึงหญิงสาวอีกคนที่ร้องเรียกชื่อนายหญิงลั่นและหิ้วของพะรุงพะรังเรียกความสนใจจากผู้คนรายรอบ เนื่องจากบริเวณนี้เป็นแหล่งจับจ่ายซื้อของชื่อดังที่คนชนชั้นกลางรวมถึงผู้มีชื่อเสียงบางคนชอบมาเดินเล่น ทุกมุมถนนจึงมีปาปารัซซี่คอยสังเกตการณ์อยู่ ลำพังผู้หญิงตัวเล็กวิ่งไล่แมวพวกปาปารัซซี่คงไม่สนใจ แต่ถ้าผู้หญิงคนดังกล่าวมีบอดี้การ์ดเป็นชาวต่างชาติสวมสูทเรียบกริบคอยอารักขาสี่คน รวมถึงคนสนิทอีกหนึ่ง ก็เหมือนเป็นการป่าวประกาศว่าผู้หญิงคนนั้นต้องอยู่ในวงสังคมชั้นสูงอย่างไม่ต้องสงสัย
จนกระทั่งเพลงพิณหอบแฮกๆ แมวน้อยเจ้าเล่ห์ก็หยุดวิ่ง เจ้านายสาวกระหยิ่มยิ้มย่องทำท่าจะกระโจนตะครุบ แต่แล้วเจ้าขนฟูสีส้มก็รนหาที่ตายเมื่อมันวิ่งลงไปที่ถนน เพลงพิณไม่คิดอะไร มองถนนว่าว่างก็วิ่งตามแมวน้อยลงไป
เอี๊ยดดด! ว้ายยย!
อันน่ากับทีมบอดี้การ์ดหัวใจแทบหยุดเต้นเมื่ออยู่ๆ เพลงพิณก็ทำตัวไม่กลัวตายวิ่งลงไปบนถนนทั้งที่รถกำลังตรงมา…เมอร์เซเดส เบนซ์คันใหญ่เบรกดังเอี๊ยดตรงหน้าเพลงพิณที่จับลูกแมวน้อยไว้ได้พอดี ผู้คนชะงักในสิ่งที่กำลังทำอยู่และมองดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความสนใจและสงสัยว่าผู้หญิงบ้าระห่ำนั้นเป็นใครกัน
เจ้าของรถสีดำคันโตที่เกือบจะชนคนโดยไม่ตั้งใจลงมาจากรถแล้วกระแทกประตูปิดดังโครมอย่างหัวเสีย ขายาวๆ ย่างสามขุมไปหาเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ชายร่างกำยำถึงสี่คนและผู้หญิงสูงโปร่งหน้าตาตื่นอีกคนกำลังกระจายตัวยืนล้อมไว้ราวกับจะป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น…ชายหนุ่มเดือดดาลอย่างสุดๆ นึกเดาไปว่าเด็กสาวตรงหน้าคงเป็นลูกหลานคนรวยที่ถูกตามใจจนเสียนิสัย แต่แล้วสาวน้อยที่อุ้มแมวอยู่ก็แหวกวงล้อมของชายทั้งสี่ออกมาแล้วยิ้มให้เขาอย่างขอโทษพลางก้มศีรษะต่ำๆ ให้
“ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ดิฉันเสียใจที่ทำให้คุณตกใจ…เผอิญแมวของฉันมันกระโดดจากตะกร้าลงมาบนถนน แล้ว…” เพลงพิณก้มหน้าอธิบายอย่างละอาย ก่อนจะเงยหน้าขึ้นยิ้มแหยเมื่อพูดประโยคต่อมา “ฉันมาจากประเทศไทยค่ะ ที่นั่นเราขับรถกันคนละทางกับที่นี่ พอเวลาฉันตกใจก็เลย…”
“มองถนนคนละด้านก็เลยไม่เห็นรถของผมที่ตรงมา” ชายหนุ่มเจ้าของรถเมอร์เซเดสต่อให้
เพลงพิณเคยก่อเรื่องมานับไม่ถ้วน ถ้าถูกจับได้และเธอผิดจริงๆ หญิงสาวก็มักมีปฏิกิริยาตามธรรมชาติที่จะทำให้คนที่กำลังโมโหเธอใจอ่อน ดวงหน้ารูปหัวใจจิ้มลิ้มแหงนเงยมองชายร่างสูง ตาเรียวสีน้ำตาลอ่อนเปล่งประกายระยิบ รอยยิ้มด้วยความละอายใจเผยให้เห็นฟันเขี้ยวซี่เล็กและลักยิ้มบุ๋มที่มุมปาก
“ไม่เป็นไรครับ ดีแล้วที่คุณไม่ได้รับบาดเจ็บ” เสียงทุ้มตอบ ไม่มีรอยขุ่นเคืองแม้สักนิด ดวงตาสีฟ้าสดบนใบหน้าคมสันมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณาแล้วประกายบางอย่างก็วาบขึ้น ปากงดงามได้รูปที่สาวๆ เห็นแล้วพากันถวิลหายิ้มแย้มออกมานิดๆ เหมือนสมใจกับอะไรบางอย่าง
เมื่อทีมบอดี้การ์ดและอันน่าที่ยืนอยู่ห่างออกไปเห็นผู้ชายที่เป็นคู่กรณีชัดก็พากันเคร่งเครียด…ผู้ชายที่ยืนมองนายหญิงของพวกเขาอยู่นี่คือคนที่อันตรายที่สุดในตอนนี้…มาร์ค ซี เทต นักธุรกิจอเมริกันที่มีความเป็นมาลึกลับ ซ้ำยังต้องสงสัยว่าเป็นผู้บงการการลอบสังหารคอนสแตนตินทั้งสองครั้งในรอบปีนี้ด้วย…การพบกันครั้งนี้มันบังเอิญหรือเป็นการจัดฉากที่สมบูรณ์แบบกันแน่
สตีเฟ่นหน้าเครียดขรึม ส่งสายตาให้ดอนไปนำรถที่อยู่ไม่ไกลนักมา พวกเขาต้องพานายหญิงกลับปราสาทให้เร็วที่สุด…ชายหนุ่มรีบเดินมาประชิดนายสาว ก้มศีรษะให้ชายร่างสูงเล็กน้อย ก่อนจะพูดกับเพลงพิณ
“คุณเพลงพิณ…ได้เวลากลับแล้วครับ” ไม่พูดเปล่า แต่ยังเอื้อมมือไปรับลูกแมวมาส่งให้นิคอุ้มไว้ ส่วนตัวเขาเองก็แตะข้อศอกนายหญิงอย่างสุภาพ แต่เป็นการตัดบทสนทนาอยู่ในที
มาร์ค ซี เทตดวงตาวาววับเมื่อเห็นการกระทำของบอดี้การ์ดร่างใหญ่…คงต้องการแยกนายสาวของตัวเองออกไปจากเขาเต็มทีล่ะสิ ชายหนุ่มก้มลงมองเพลงพิณแล้วยิ้มอย่างโปรยเสน่ห์พร้อมกับถามเสียงนุ่ม “ให้เกียรติผมได้เลี้ยง…”
ไม่รู้ว่าเป็นโชคร้ายหรือโชคดีกันแน่ อยู่ๆ กองทัพปาปารัซซี่ก็กรูกันเข้ามาและพากันถ่ายภาพเสียงระรัวพร้อมกับตะโกนถามคำถามกันระเบ็งเซ็งแซ่ ศัตรูลับๆ ของคอนสแตนตินสบถอย่างหัวเสีย ส่วนเพลงพิณก็ถูกสตีเฟ่นลากไปยังรถที่กำลังจะมาจอดเทียบโดยไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวทักท้วง
สุดท้ายทั้งหมดก็เข้ามานั่งอยู่ในรถโรลสลอยส์คันยาว เพลงพิณที่ยังไม่หายแปลกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นมองออกไปนอกกระจกรถ เห็นว่าผู้ชายหน้าตาดีคนนั้นได้ขึ้นรถและขับพุ่งออกไปด้วยความเร็ว ส่วนพวกแร้งกระหายข่าวทั้งหลายก็พยายามจะมาที่รถเธอ ยังดีที่ตำรวจจราจรสองสามนายซึ่งคงได้รับแจ้งเหตุตั้งแต่ตอนที่เธอเกือบถูกรถชนกำลังเดินตรงมา พวกเขาจึงสลายตัวไป
“โห พวกปาปารัซซี่ที่นี่น่ากลัวจังเลยอ่ะ”
“นี่ยังดีนะครับ ถ้าเป็นที่อเมริกา แม้แต่จะเดินช็อปปิ้งที่ถนน คุณเพลงพิณก็คงไม่มีโอกาสได้ทำ” บุชพูดขึ้นเรียบๆ เขาเคยทำหน้าที่เป็นบอดี้การ์ดให้กับดาราซีรี่ส์ชื่อดังของอเมริกามาก่อน
เพลงพิณนิ่งคิดไปนิดหนึ่ง ถึงพวกปาปารัซซี่จะกระหายเรื่องของเธอจนน่ากลัว แต่เธอก็อยากให้ตัวเองเป็นข่าวบ้างประปราย เป็นการโปรโมตตัวเองไปในตัว…เอาไว้คราวหน้าที่สถานการณ์เป็นใจกว่านี้ก็แล้วกัน หญิงสาวคิด
“ยังไม่ทันได้ลาผู้ชายคนนั้นเลย…เขาใจดีเหมือนกันนะ ฉันตัดหน้ารถเขาจนต้องเบรกเสียรถแทบหมุนขนาดนั้น ยังไม่ว่าอะไรสักคำ…นี่ถ้าเป็นคอนสแตนติน มีหวังโยนฉันให้รถคันอื่นทับแน่” หญิงสาวเชื่อใจว่าทีมของเธอรวมถึงอันน่านั้นรู้จักปิดปากเงียบ เธอจึงกล้าบ่นถึงท่านเคานต์ต่อหน้าทุกคน
ทันทีที่ได้ฟัง ชายทั้งสี่และอันน่าต่างก็มองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด…พวกเขาไม่แน่ใจว่าควรเล่าเรื่องมาร์ค ซี เทตให้เพลงพิณฟังหรือไม่ แต่แล้วก็ตัดสินใจเงียบไว้…นายหญิงจอมแก่นคงไม่มีโอกาสได้พบกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้ว จะมีประโยชน์อะไรที่จะให้เธอไม่สบายใจ
อันน่าเองแม้จะรู้มาบ้างเลาๆ ว่ามาร์ค ซี เทตเป็นคนที่น่ากลัว แต่ตอนนี้หญิงสาวกลัวท่านคอนสแตนตินมากกว่า เสียงนุ่มที่เต็มไปด้วยความกังวลจึงจำต้องถามนายหญิงที่กำลังเพลินกับการเอาลูกสุนัข ลูกแมวมาลูบเล่น “คิริอาเจ้าคะ…คิริอาจะเอาเจ้าสี่ตัวนี้ไปปราสาทด้วยเหรอเจ้าคะ ท่านคอนสแตนตินต้องไม่พอใจมากแน่ๆ…”
เพลงพิณย่นคิ้ว ตอนแรกเธอก็กะว่าจะเอาลูกๆ ทั้งสี่ไปกวนประสาทคอนสแตนติน แต่นึกไปตอนที่เขาบอกว่าจะโยนอลันลงหน้าผาเมื่อเช้านี้แล้วก็คอย่น…เจ้าของกินทั้งสี่คงชะตาขาดแน่นอน หญิงสาวคิดไปคิดมาก็เผยยิ้มเมื่อหาทางออกได้
เริ่มดึกแล้ว แต่เพลงพิณยังคงนั่งทำงานกับโน้ตบุ๊กชื่อพี่บิ๊กแม็คอยู่บนเตียงสี่เสาของตัวเอง ได้ทำงานร่วมกับอลันมาสามสี่วัน อะไรๆ ก็คืบหน้าไปมาก ตอนนี้เธอรู้สึกไฟแรงเสียจนลืมเวลานอน อยากจะทำงานในส่วนที่ตั้งใจไว้ให้เสร็จก่อนที่ทีมงานชุดแรกจะลงมือในวันมะรืน
อยู่ๆ ขณะที่เธอกำลังอยู่ในภวังค์ ประตูห้องที่เชื่อมกันก็เปิดออก หญิงสาวขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ เพราะเธอสั่งให้อันน่าไปพักผ่อนตั้งแต่หัวค่ำ แต่พอเธอเงยหน้าขึ้นจากงานตรงหน้าก็เห็นว่าเป็นท่านบุรุษรัตติกาลในชุดคลุมสีดำเช่นเคยกำลังยืนอยู่ที่ประตู ก่อนจะหมุนตัวเหมือนจะจากไป
“นี่คุณคอนสแตนตินเจ้าคะ ว่างมากหรือไงถึงได้มาเปิดประตูห้องคนอื่นเขาเล่นเนี่ย” เพลงพิณส่งเสียงถามประชด ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์ค้อนควัก เธอยังไม่ญาติดีกับเขาเลยจากเรื่องเมื่อตอนสาย เมื่อค่ำนี้หลังจากที่เธอกลับจากเอาลูกๆ ทั้งสี่ไปไว้กับคนงานบ้านอเล็กซิสกับณิชาที่ตอนนี้ทั้งคู่อยู่ที่อังกฤษ เธอก็ขึ้นมาอยู่บนห้องและสั่งให้พ่อครัวทำอาหารค่ำชุดใหญ่ขึ้นมาเสิร์ฟ ไม่อยากนั่งมองหน้าบึ้งๆ ของคอนสแตนตินที่โต๊ะให้ความเจริญอาหารมันหดหาย
คอนสแตนตินหันกลับมา ใบหน้าคมสันครึ้มไปด้วยเคราอยู่ในเงาสลัวๆ ดูลึกลับ “มาดูว่าหลับหรือยัง” นั่นเป็นความจริง จากการที่เขานอนหลับได้เพียงแค่สองสามชั่วโมงต่อคืนมาหลายคืนติดกัน เขาจึงแทบรอให้เพลงพิณมาเป็นยานอนหลับของเขาแทบไม่ไหว ที่เข้ามานี่ก็เพราะปกติช่วงเวลานี้หญิงสาวหลับจนลืมโลกไปแล้ว นึกไม่ถึงว่าคืนนี้จะมาขยันทำงานจนดึกให้เขาหัวเสียเล่น
“ฉันไม่อยากจะเชื่อว่าคุณจะมาสนใจไยดีอะไรฉันขนาดนี้…บอกมาดีกว่าว่าที่เข้ามาต้องการอะไรกันแน่” หญิงสาวเชิดหน้าถาม
คอนสแตนตินเม้มปาก ก่อนจะตอบเสียงกระด้างๆ “ดึกแล้วไม่รู้จักหลับนอน แสงไฟห้องคุณมันลอดไปห้องโน้น…น่ารำคาญ” พูดจบร่างสูงก็หันหลังขวับจนชายเสื้อคลุมสะบัดพึ่บแล้วปิดประตูตามหลังดังสนั่น
เพลงพิณมองการกระทำนั้นอย่างงงๆ…แล้วก็มองช่องใต้ประตูที่เชื่อมระหว่างสองห้อง…ช่องว่างเล็กนิดเดียวแค่พอกระดาษสอดผ่านได้ไม่กี่แผ่น ถึงมีแสงลอดไปก็คงไม่เจิดจ้าบาดตาอะไรมาก
“เป็นบ้าหรือเปล่าวะเนี่ยอีตาเคานต์แดร็กเนี่ย…ประสาท” หัวทุยสวยที่ปกคลุมไปด้วยผมหยิกยุ่งส่ายยิกๆ…อยู่ร่วมห้องชุดกับเกย์วัยทองตอนต้นนี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริงๆ
เพลงพิณเลิกสนใจคนบ้า หันมาสนใจกับงานตรงหน้าอีกครั้ง ตั้งใจว่าหากเสร็จงานนี้แล้วจะนอน…ก่อนนอนก็จะสวดมนต์สักเก้าสิบเก้าจบ เผื่อเธอจะได้มีสติไม่ละเมอบ้าๆ ไปนอนที่เตียงของคนคุ้มดีคุ้มร้ายนั่นให้เสียเซลฟ์
การสวดมนต์ไม่ช่วย…เอ หรือว่าเธอจะสวดน้อยไปหน่อย
เพลงพิณนอนนิ่งคิดอยู่บนเตียงของคอนสแตนติน…เหมือนเดิมเปี๊ยบ เหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ทุกอย่าง…เธอตื่นขึ้นมาบนเตียงเขา นอนอยู่บนตัวเขาอีกแล้ว แต่ตอนนี้เธอเริ่มชิน แทนที่จะรีบคลานลงจากเตียงไปโดยไว เธอก็เพียงแค่กลิ้งมาที่ริมเตียง แล้วนอนก่ายหน้าผากคิดจนหัวแทบจะระเบิด แต่ก็ตอบไม่ได้ว่าตัวเองเป็นบ้าอะไรไป
หรือว่าเธอจะหิวกระหายเรือนร่างนี้เข้าจริงๆ…โอย ตาย แค่คิดก็คลื่นไส้…หรือข้อสรุปนี้มันอาจไม่ได้หมายถึงเรื่องชู้สาว อาจเป็นเพราะตอนเด็กๆ เธออยากเป็นผู้ชายมาก ตอนนี้แรงเก็บกดในวัยเด็กก็มาผลักดันให้เธอโหยหาเรือนกายที่เข้มแข็ง บึกบึนไปด้วยมัดกล้าม
…ไร้สาระอ่ะ…
เพลงพิณถอนหายใจแล้วลุกขึ้นนั่ง มองคนที่ใส่เพียงบ็อกเซอร์ตัวเดียวที่ยังหลับสนิทด้วยสายตาแค้นเคืองหมั่นไส้ ท่าทางเขาหลับสบายน่าดู ใบหน้าแข็งแกร่งครึ้มไปด้วยหนวดเคราเส้นสั้นๆ ที่ดูดุดันตลอดเวลาดูอ่อนโยนขึ้นมาหน่อย ริมฝีปากเต็มที่หยักน้อยๆ นั้นก็ดูเข้าท่าอยู่เหมือนกัน จมูกที่โด่งเป็นสันก็ดูไปวัดไปวาได้ อื้ม ขนตายาวแล้วก็ดกหนาเหมือนกันแฮะ ไม่ได้สังเกตมาก่อนเลย ดูไปหน้าตาคอนสแตนตินก็พอใช้ได้นะเนี่ย…เฮ้อ เสียดายที่นิสัยแย่ แถมรสนิยมวิปริตอีก
“ยายตัวแสบเพลงพิณ…”
เพลงพิณสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ คนที่นอนหลับนิ่งก็ละเมอออกมาไม่เบานัก…ละเมอเรียกเธอแบบนี้เหรอ…ฮึ่ม!
ตาเรียวเปล่งประกายชั่วร้ายขณะก้าวลงจากเตียงและคว้าหมอนข้างใบยาวลากตามลงมาด้วย ความหงุดหงิดที่ตัวเองไม่รักดีชอบมานอนเตียงเดียวกับเขาบวกกับความหมั่นไส้ที่คนบ้าอำนาจละเมอออกมาเมื่อครู่ทำให้อารมณ์โมโหพุ่งปรี๊ด พอเธอกะระยะว่าอีกไม่กี่ก้าวจะถึงประตูก็ใช้กำลังที่มีทั้งหมดพุ่งหมอนข้างให้ไปปักลงยังร่างสูงที่นอนอยู่ดังตุ๊บ แม่นเหมือนจับวาง
เพลงพิณหัวเราะอย่างสาแก่ใจเมื่อได้ยินเสียงสบถดังลั่นเป็นชุด หญิงสาวไม่รอให้คอนสแตนตินตั้งตัวได้ รีบวิ่งไปที่ประตูแล้วผลุบเข้ามาอยู่ในห้องตัวเอง ฮัมเพลงเสียงใสอย่างมีความสุข คว้าลำโพงจิ๋วกับเครื่องเล่นเพลงไปในห้องน้ำ ก่อนจะเปิดเพลงและเริ่มต้นอาบน้ำอย่างสบายใจ
เพลงพิณในชุดราตรีสั้นสีขาวก้าวลงจากรถคันหรูที่จอดเทียบหน้าโรงแรมใหญ่โตหรูหราบนเกาะเอียรอสที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันไปทั่วโลก…เดอะ เทตเป็นโรงแรมที่คนดังในฮอลลีวูดนิยมมาพักเหมือนกับเป็นประเพณีอย่างหนึ่ง และเหตุผลที่เพลงพิณนั่งเรือร่วมสองชั่วโมงมาที่นี่ก็เพื่อร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของอดีตครูสอนเต้นของเธอกับหนุ่มใหญ่ในวงการโฆษณาและสิ่งพิมพ์
มือเรียวยกขึ้นบังตาจากแสงแฟลชกล้องถ่ายรูปนับร้อยที่วูบวาบจนพาให้ตาพร่า หูอื้อไปด้วยสรรพเสียงที่แยกแยะไม่ออกว่าเป็นภาษาใดบ้าง หญิงสาวเหลือบมองเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงแรมนับสิบคนพยายามจัดการให้กลุ่มสื่อมวลชนอยู่นอกราวกั้นเหล็ก ส่วนสตีเฟ่น ดอน และนิคที่ตามมาคุ้มครองเธอตามหน้าที่ก็ก้าวเท้าเร็วๆ มายืนประกบทั้งด้านข้างและด้านหลัง
“มาได้ซะทีนะยายเพลงเอ๊ย รู้ไหมว่าฉันร้อนใจจะตายแล้ว” อลันวิ่งปราดมาจากห้องโถงโรงแรมหลังจากที่มีคนไปรายงานว่าเพื่อนรักมาถึงแล้ว วันนี้เกย์หนุ่มดูเรียบเนี้ยบในชุดสูทสีขาว ออกท่าออกทางมากกว่าปกติเพราะแวดล้อมไปด้วยคนวงการเดียวกันจนรู้สึกชื่นมื่น
“นี่ก็รีบจะตายแล้ว กว่าคนของฉันจะแต่งตัวให้ฉันเสร็จ” เพลงพิณออกตัว คว้าแขนเพื่อนพากันเดินเข้ามาในโรงแรม ทั้งสองคนดูเหมาะสมกันมากถ้าดูจากภายนอก หญิงสาวตัวเล็กกับชายหนุ่มรูปร่างโปร่งบางอยู่ในชุดขาวกันทั้งคู่ ซึ่งออกจะผิดธรรมเนียมอยู่บ้างสำหรับการมาเป็นแขกในงานแต่งงาน
“ซ้อมอีกซักทีก็แล้วกัน…ฉันล่ะไม่มั่นใจอะไรเลยเนี่ย บอกให้มาค้างที่นี่ก็ไม่มา” อลันบ่น พาเพื่อนลงบันไดสั้นๆ มุ่งลงสู่ผับของโรงแรมที่หรูหรากว้างขวางกินเนื้อที่ชั้นใต้ดินทั้งชั้นซึ่งเป็นที่จัดงานเลี้ยง
“ก็อีตาท่านคอนสแตนตินใหญ่คับปราสาทนั่นสิ พอรู้ว่าฉันจะมาค้างที่นี่ก็ห้ามเด็ดขาด…เป็นบ้าอะไรก็ไม่รู้…ดูสิพวกเธอซ้อมกันฉันก็เลยไม่ได้ซ้อมด้วย ที่มานี่ก็หนีมานะเนี่ย” เพลงพิณกัดฟันตอบ
อลันกับเพื่อนๆ และลูกศิษย์ของฝ่ายเจ้าสาว ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากเจ้าบ่าวได้วางแผนจัดการแสดงละครสไตล์บรอดเวย์เป็นเรื่องราวย่อๆ ของการพบและรักกันของบ่าวสาว โดยตัวแสดงก็เป็นคนที่เคยเรียนเต้นกับเจ้าสาวนั่นเอง คิดไม่ถึงว่าชายหญิงคู่หนึ่งที่รับบทเป็นตัวเอกจะเมาจนเกิดอุบัติเหตุขาแพลงและแขนเจ็บไปทั้งคู่ เดือดร้อนถึงอลันต้องแสดงแทนและลากเพลงพิณมาร่วมด้วย เมื่อวานนี้หญิงสาวซ้อมไปได้ไม่กี่ครั้งเท่านั้นก็ต้องกลับปราสาทตามคำสั่งตรงของคอนสแตนติน พอเธอจะออกจากปราสาทอีกครั้งเพื่อมาค้างที่โรงแรม นายใหญ่ของปราสาทก็เอะอะเอ็ดตะโรใหญ่โตห้ามให้เธอมาเหยียบที่นี่อีก
อลันมองเพื่อนด้วยสายตาวิบวับ…เขาแน่ใจแล้วว่าคอนสแตนตินเป็นแมนแท้ล้านเปอร์เซ็นต์ แต่เขาจะไม่บอกเพื่อนหรอก ปล่อยให้เธอเซอร์ไพรส์ด้วยตัวเองวันข้างหน้าดีกว่า เกย์หนุ่มกระหยิ่มใจมองเพื่อนสาวในชุดที่ดูคล้ายชุดแต่งงาน เป็นชุดเกาะอกสีขาวลูกไม้ กระโปรงสั้นซ้อนทบกันหลายชั้นดูพลิ้วไหวแต่ไม่พองฟู ชุดเน้นเอวคอดกิ่วแบนราบกับหน้าอกอวบอิ่มได้รูป รวมถึงขาเรียวยาว ถึงอย่างนั้นโดยรวมเพลงพิณก็ดูสวยน่ารัก ไม่ได้เย้ายวนน่าเกลียด
ทั้งสองเดินเข้าไปยังห้องด้านหลังเวที ตอบรับเสียงทักทายที่ดังเกรียวกราวจากหลายๆ คนที่กำลังเตรียมตัว บ้างก็แต่งหน้า บ้างก็ทำผม บางคนกำลังวาดมือและเท้าตามบทที่ตัวเองต้องแสดงอย่างตั้งอกตั้งใจ เพลงพิณหยิบคานาเป้ในจานใกล้มือใส่ปากก่อนจะร่วมวงกับคนคุ้นหน้าคุ้นตาอย่างรื่นเริง
การแสดงจบลงไปแล้วพร้อมด้วยเสียงปรบมือเกรียวกราว มือใหญ่แต่เรียวได้รูปยังเผลอปรบให้อยู่หลายทีทั้งที่เคยเป็นคนในวงการจึงไม่ประทับใจกับอะไรง่ายๆ ดวงตาสีฟ้าของมาร์ค ซี เทต เจ้าของโรงแรมและแขกกิตติมศักดิ์แสดงความพอใจเต็มที่ ร่างสูงสมาร์ตในสูทสีอ่อนนั่งอยู่ที่ชุดโซฟามุมหนึ่งในงานและยังคงมองไปที่เวทีในธีมสีม่วงแดงอย่างเสียดาย อยากให้ร่างน่ารักในชุดขาวกลับขึ้นมาโชว์ลีลาบนเวทีอีกครั้ง แต่คงเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้บนเวทีบ่าวสาวกำลังเริ่มขอบคุณแขกผู้มาร่วมงาน ซึ่งพอทั้งคู่เอ่ยชื่อเขา ชายหนุ่มก็ชูแก้วไวน์แล้วยิ้มแย้มแสดงความยินดีด้วย
โรงแรมหรูหราขนาดหกดาวบนเกาะชื่อโรแมนติกอย่างเอียรอสที่เขาเข้ามาถือหุ้นใหญ่ได้รับรองผู้มีชื่อเสียงในวงการฮอลลีวูดตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะเป็นการพักร้อน การหลบข่าวฉาว การลอบมาพลอดรักเล่นชู้ หรือมาจัดงานพิธีต่างๆ เพราะนอกจากที่นี่จะหรูหราโอ่อ่า มีความเป็นส่วนตัวและล้อมรอบด้วยทะเลสีน้ำเงินสวยจับใจแล้ว ผู้คนที่พาเหรดกันมาพักที่นี่ยังกระหายที่จะได้มาเห็น มาสังเกตความเป็นไปของเขา…อดีตเจ้าชายแห่งวงการที่เคยโด่งดังสุดๆ ที่จู่ๆ ก็ทิ้งทุกอย่างและมาจับธุรกิจแถบยุโรปเต็มตัวโดยไม่มีท่าทีมาก่อน…ริมฝีปากหยักสวยมีเสน่ห์ยิ้มนิดๆ ก่อนจะสั่นศีรษะเป็นเชิงปฏิเสธเมื่อกลุ่มคนหน้าเวทีส่งเสียงให้เขาเข้าไปร่วมสนุกด้วย ดวงตาแฝงแววเกียจคร้านเฉยเมยหันมามองแก้วไวน์ที่เริ่มพร่องสลับกับขวดไวน์ราคาเรือนแสนนิดๆ พริบตาเดียวพนักงานก็ปราดเข้ามารินไวน์ให้เขาต่ออย่างรู้หน้าที่
“เหนื่อยอ่ะ…แต่ก็สนุกดีเนอะ”
เสียงเล็กใสดังอยู่ด้านหนึ่ง ทำให้คนที่กำลังดื่มด่ำกับไวน์รีบเงยหน้าขึ้น พอเห็นว่าเจ้าของเสียงคือหญิงสาวในชุดขาวที่แสดงบนเวทีเมื่อครู่นี้ ความยินดีก็วาบขึ้นในอก…อา เพลงพิณ อันเกลอสกำลังเดินตรงมาหาเขาแล้ว โชคดีอะไรอย่างนี้…
ดูเหมือนพระเจ้าจะรักเขาจริงๆ คืนนี้ เพราะไม่ทันที่เขาคิดวิธีเข้าไปหาเธอแบบแนบเนียน หญิงสาวก็มานั่งแปะลงบนโซฟา ห่างจากเขาราวสองช่วงแขน พลางฉุดมือเพื่อนชายท่าทางตุ้งติ้งนิดๆ ให้นั่งด้วยกัน หญิงสาวหันมายิ้มให้เขา ดูผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ ไม่มีมารยา ไม่มีท่าทีว่าจะให้ท่าเขาเป็นพิเศษ
“ขอนั่งด้วยคนนะคะ…พักเหนื่อยสักแป๊บ เดี๋ยวพวกเราก็ไปแล้วค่ะ” เพลงพิณออกตัว หลังเวทีมันวุ่นวายมากเกินไป ขอออกมาหายใจหายคอที่มุมนี้สักพักก่อนที่จะต้องไปร่วมพูดคุยกับคู่บ่าวสาวที่หน้าเวที
มาร์ค ซี เทตยิ้มก่อนจะยื่นมือไปให้หญิงสาวตัวเล็กจับ อีกฝ่ายก็ยิ้มแย้มเขย่ามือกับเขาอย่างไม่ขัดเขิน “ผมมาร์ค ซี เทตครับ”
ดวงตาของคนตรงหน้ายังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นเต้นที่ได้รู้จักกับคนดังอย่างเขา ผิดกับเพื่อนของเธอซึ่งทำตาโตตั้งแต่เห็นหน้าเขาเมื่อครู่ และตอนนี้ก็ห่อปาก ยกมือขึ้นแตะหน้าอกคล้ายกำลังตื่นเต้นพลางลอบสะกิดเอวร่างเล็กยุกยิก แต่สาวน้อยก็ยังไม่เปลี่ยนท่าที พอถอนมือจากเขาแล้วก็แนะนำตัวเสียงใส
“ดิฉันชื่อเพลงพิณค่ะ นี่เพื่อนรักฉันชื่ออลัน” เพลงพิณหันไปแตะบ่าอลันเพื่อนรักที่พยักหน้าและทักทายกับชายตรงหน้าอย่างตื่นเต้นอยู่บ้าง
แต่ก่อนที่ทั้งสองคนจะดำเนินการสนทนาต่อ หนึ่งในทีมงานจัดงานก็เดินมาตามอลันเพื่อไปพูดคุยธุระบางอย่าง เกย์หนุ่มจึงต้องขอตัวจากไป แต่ก่อนไปก็ส่งสายตาทั้งละห้อยเสียดายและหมั่นไส้เพื่อนสาวที่ดูไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ดวงตามีเสน่ห์จับจ้องที่สาวน้อยชุดขาวอย่างกรุ้มกริ่มกลายๆ “เราพบกันมาก่อนแล้ว…จำได้ไหมครับ”
เพลงพิณขมวดคิ้ว มองคนตรงหน้านิ่ง…หน้าตาหล่อโดดเด่นอย่างนี้เธอไม่น่าลืมได้ ครู่เดียวเธอก็ยิ้มกว้างจนดวงตากลายเป็นเส้นเรียวเล็ก “คุณเบนซ์นั่นเอง…โลกกลมจังเลยนะคะ” ความที่ตัวเองทำเรื่องน่าอายไว้ หญิงสาวเลยยิ้มแย้มกับเขามากขึ้นอีกนิด
มาร์ค ซี เทตหัวเราะกับคำเรียกขานของหญิงสาว “มีคนเคยเรียกผมด้วยหลายชื่อนะครับ แต่คุณเบนซ์นี่แปลกที่สุดเลย”
เพลงพิณหัวเราะ “ก็ตอนนั้นฉันไม่รู้จะเรียกคุณว่าอะไรนี่คะ…ว่าแต่ เอ ชื่อคุณฟังดูแปลกจังนะคะ มาร์ค ซี เทต ซีนี่ย่อมาจากอะไรหรือเปล่าคะ”
มาร์คจิบไวน์ พลางสั่งพนักงานด้วยสายตาให้นำไวน์มาเสิร์ฟเพลงพิณ ซึ่งอีกฝ่ายก็ฉลาดพอจะเข้าใจ “ผมคิดว่า…บางทีผมอาจจะเป็นคนอิตาลีทั้งเนื้อทั้งตัว แทนที่จะเป็นลูกครึ่งอิตาลี…ซีนี่มาจากคำว่าคาร์มิเน่ในภาษาอิตาเลียน แปลว่าเพลงครับ”
เพลงพิณรีบกลืนไวน์แดงลงคอ “อุ๊ย…บังเอิญจัง ชื่อฉันก็แปลว่าเพลงเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวทำตาวาวเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ จนคนที่ถูกผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังเสมออย่างมาร์คยังอดที่จะรู้สึกประทับใจไม่ได้
เพลงพิณยิ้มแย้มมองผู้ชายหล่อเหลาน่าตะลึง แต่งกายทันสมัยมีสไตล์ แต่แฝงกลิ่นอายลึกลับนิดๆ…ก็เรื่องที่บอกว่าบางทีอาจเป็นคนอิตาลีทั้งเนื้อทั้งตัว แทนที่จะเป็นลูกครึ่งอิตาลีนั่นไง มันฟังเหมือนเขาไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใครมาจากไหน…แปลกจริง
มาร์คหัวเราะน้อยๆ อย่างหว่านเสน่ห์เต็มที่ “จริงเหรอครับ…ดีจริงๆ ผมดีใจที่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคนน่ารักๆ อย่างคุณ” ถึงปากจะป้อนคำหวาน แต่สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องกว้างที่เต็มไปด้วยแขกเหรื่อในงานอย่างสำรวจตรวจตรา แล้วมุมปากก็ยกขึ้นน้อยๆ เมื่อเห็นชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำสามคนที่นั่งกระจายๆ กันอยู่พากันจ้องตรงมาที่สาวน้อยคู่สนทนาของเขาอย่างไม่ให้คลาดสายตา…
น่าสนใจ!…ถ้าบอดี้การ์ดพวกนั้นไปรายงานคอนสแตนตินก็จะยิ่งดีมาก
“ตั้งแต่ฉันมาซ้อมการแสดงก็มีคนพูดถึงคุณมากมายเลยค่ะ…โรงแรมของคุณสวยมากนะคะ พนักงานก็บริการดี” เพลงพิณเอ่ยชม ก่อนจะเอ่ยถาม “…ว่าแต่คุณรู้จักกับเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวคะ”
มาร์คมองชุดขาวที่หญิงสาวตรงหน้าสวมด้วยสายตาแฝงแววปริศนา “ทั้งคู่ครับ…” เขาตอบเร็วๆ คล้ายไม่ให้ความสำคัญเท่าไหร่นัก แต่ประโยคต่อมากลับทอดเสียงนุ่มนวลแตกต่างกันมาก “คุณดูเด่นมากครับบนเวที…ดูเหมือนเป็นเจ้าสาวไปเลยจริงๆ”
ใบหน้าเพลงพิณเป็นสีชมพู “เจ้าบ่าวเจ้าสาวเขาชอบสีม่วงกับแดงน่ะค่ะ…คนอื่นเลยต้องแต่งอ่อน แล้วแสงบนเวทีก็…” คำพูดของหญิงสาวชะงักไปเมื่อมีชายวัยต้นห้าสิบเข้ามาหามาร์คอย่างนอบน้อมพลางรายงานอะไรเบาๆ แล้วหญิงสาวก็รู้สึกทึ่งเมื่อสีหน้าสบายๆ ของเขาเปลี่ยนไปเป็นเคร่งเครียดเย็นชาในพริบตา
มาร์ค คาร์มิเน่ เทตหันมาหาคู่สนทนาของเขาอย่างเสียดาย “ผมขอตัวไปจัดการธุระบนโรงแรมก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะมาคุยกับคุณต่อ” เขาบอกทางอ้อมให้เธอรอ ก่อนจะผละจากไปเร็วๆ
เพลงพิณพยักหน้านิดๆ มองตามเขาเดินจากไปแล้วก็ร้องเฮ้อออกมาเบาๆ…ไม่ใช่ว่าเธอเบื่อที่จะคุยกับเขา แต่เธอหิวจนไส้จะขาดแล้ว หญิงสาวลุกจากโซฟา มองไปยังโต๊ะอาหารที่จัดวางไว้อย่างสวยงามมากมายเหลือเฟือ รู้สึกน้ำลายสอ
ไม่ทันจะเดินไปถึงครึ่งทาง สตีเฟ่นก็ปราดมาเคียงข้าง “คุณเพลงพิณ” ใบหน้าเคร่งขรึมของเขามีแววยุ่งยากใจ “…คุณคอนสแตนตินต้องไม่ชอบใจแน่ถ้ารู้ว่าคุณเพลงพิณมาที่นี่และพูดคุยกับมาร์ค เทต”
คิ้วได้รูปขมวดมุ่น ขาเรียวเดินฉับๆ ขณะตามองแต่อาหาร เวลาหิวเธอไม่ค่อยสนใจอะไรอยู่แล้ว “อย่าเอาชื่อนี้มาหลอนฉันน่าสตีเฟ่น เสียบรรยากาศหมด”
บอดี้การ์ดหนุ่มหันไปมองเพื่อนร่วมอาชีพอีกสองคนแล้วส่ายหน้าน้อยๆ เป็นเชิงบอกว่าไม่ได้ผล ทั้งคู่ถึงกับทำหน้าเมื่อยขึ้นมาทันที…โชคร้ายอะไรหนอที่ต้องมาเจอมาร์ค ซี เทตที่นี่ ท่าทีหว่านเสน่ห์เข้าหาโดยไม่สนใจว่านายสาวของพวกเขาแต่งงานแล้วมันช่างดูน่าขัดใจและไม่สบายใจไปพร้อมๆ กัน ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะมีแผนการอะไรหรือไม่…ที่สำคัญนายหญิงของพวกเขาก็เหลือเกินจริงๆ ดื้อรั้น ไม่ฟังคำเตือน เห็นอะไรเป็นเรื่องเล่นไปหมด
สตีเฟ่นเดินไปยืนในมุมหนึ่งที่จับตามองเพลงพิณได้ชัดเจนขึ้น ดวงตาสีฟ้าสดเห็นหญิงสาวตักอาหารมากมายใส่จานแล้วไปนั่งตั้งต้นกินอย่างเอร็ดอร่อย คนรู้จักมากมายเข้ามาหาและชวนพูดคุยจนกลายเป็นว่าหญิงสาวอยู่ในวงล้อม ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ…ขอให้นายหญิงของเขาวุ่นวายกับของกินและเพื่อนๆ จนลืมเรื่องผู้ชายคนนั้นไปซะ…ภาวนาให้หลังจากวันนี้เธอไม่มีโอกาสได้พบกับผู้ชายที่อันตรายคนนั้นอีก การปรับปรุงปราสาทที่ได้เริ่มต้นไปแล้วคงจะดึงเวลาของหญิงสาวไปจนหมด
กว่ามาร์คจะกลับมาที่โซฟาอีกครั้งก็ยี่สิบนาทีต่อมา หนุ่มเจ้าเสน่ห์หัวเสียเมื่อเห็นว่าโซฟาว่างเปล่า สายตาคมกล้ามองไปยังกลุ่มคนกลางห้องที่กำลังสนุกสนานกับการเต้นเพลงจังหวะเร็ว เห็นเพลงพิณกำลังหัวเราะสดใส วางจานในมือลงกับโต๊ะว่างๆ ก่อนจะเข้าไปร่วมสนุกกับกลุ่มคนที่พากันรบเร้าร้องเรียก
เธอไม่สนใจที่จะมองมายังโซฟานี่ด้วยซ้ำ เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาบอกให้รอ แล้วไม่รอ…ไม่สนใจเลยสักนิด
ความต้องการแอบแฝงที่จะเข้าหาเพลงพิณ บวกกับนิสัยนักล่าและชอบเอาชนะของมาร์คที่ถูกปลุกให้ตื่นขึ้น ทำให้ชายหนุ่มเลือดในกายฉีดพล่าน นานเหลือเกินแล้วที่เขาไม่รู้สึกสนุกและท้าทายแบบนี้ อดีตพระเอกดังของฮอลลีวูดเสยผมค่อนข้างยาวที่ตัดมาอย่างประณีตขยับปกเสื้อให้เข้าที่ ก่อนจะเดินอย่างมั่นใจไปยังกลุ่มคน…ได้เวลาหว่านเสน่ห์และโชว์สเต็ปขั้นเทพของเขาแล้ว
เกือบสองชั่วโมงต่อมา ขณะที่เขาติดพันอยู่กับผู้กำกับหนังคนหนึ่งที่ขึ้นชื่อว่าเวลาเมาแล้วไม่เคยหยุดพูด เพลงพิณก็หายตัวไปจากงานเลี้ยงเสียแล้ว มาร์คแสร้งทำเป็นว่ามีเรื่องด่วนก่อนจะปลีกตัวออกมาจากคู่สนทนา พอถามพนักงาน อีกฝ่ายก็รายงานว่าหญิงสาวเพิ่งเดินทางกลับ ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ห้องโถงของโรงแรม โดยไม่รอช้า ร่างสูงรีบตามขึ้นไปในทันที
เพลงพิณกำลังล่ำลาเพื่อนคนนั้นคนนี้ที่ตามมาส่ง พอหญิงสาวเห็นมาร์คกำลังเดินตรงมาก็ยิ้มกว้างและโบกมือให้ไม่ต่างกับที่ลาเพื่อนคนอื่น มาร์ครู้สึกแปลกๆ อยู่บ้างที่เขาซึ่งมีผู้หญิงล้อมหน้าล้อมหลังตลอด กลับมีผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้ให้ความสำคัญอะไรกับเขาเป็นพิเศษ ถึงจะพูดคุยเต้นรำอย่างสนุกสนานสุดเหวี่ยงด้วยกันเป็นชั่วโมงๆ เธอก็ไม่ได้หว่านเสน่ห์ ไม่ได้ถามช่องทางการติดต่ออะไรเลยทั้งสิ้น
ชายหนุ่มตามเธอทันที่หน้าโรงแรม รถคันยาวสีดำจอดรอห่างออกไปไม่กี่เมตร ปาปารัซซี่ที่ยืนออคอยอยู่ด้วยความอดทนพากันถ่ายรูปไม่หยุด ซ้ำยังตะโกนถามคำถามมากมาย หูของมาร์คแว่วได้ยินชื่อ ‘คิริอาเพลงพิณ’ บ้าง ‘คิริอาอันเกลอส’ บ้าง…
คิริอาอันเกลอส…นั่นสินะ เธอเป็นภรรยาของไอ้คอนสแตนตินนั่น เป็นเป้าหมายของเขา
ดวงตาสีฟ้าของมาร์คหรี่ลงเมื่อนึกอะไรดีๆ ได้ เขาร้องเรียกชื่อของหญิงสาวเสียงดัง ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปประชิดร่างบางแล้วจับมือเธอไว้ รับรู้ถึงสายตาของบอดี้การ์ดทั้งสามที่แสดงความไม่พอใจจากด้านหลังและเสียงเอ็ดอึงของปาปารัซซี่ที่ได้ข่าวเด็ด แต่เขาก็ไม่สนใจ ล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกล่องของขวัญเล็กๆ ที่เตรียมไว้วางลงในอุ้งมือน้อยที่กุมอยู่ราวกับทั้งคู่อยู่ตามลำพัง
พวกปาปารัซซี่เห็นฉากดังกล่าวก็ถ่ายรูปกันเป็นระวิง ตะโกนถามถึงความสัมพันธ์ของชายหนุ่มหญิงสาวกันขรมไปหมด เพลงพิณยิ้มเจื่อน ก่อนจะรีบขอบคุณและรับของขวัญมาเพราะไม่อยากตกเป็นเป้านานเกินไป…ก่อนหน้านี้เธอตั้งใจจะให้ตัวเองในสภาพเสื้อผ้าหน้าผมเพอร์เฟ็กต์นี้ถูกแร้งกระหายข่าวถ่ายรูปลงหนังสือสักสามสี่เล่มเป็นการโปรโมตตัวเองล่วงหน้า คิดไม่ถึงว่ามาร์คจะตามมาและทำตัวไม่แคร์สื่อ รูปเดี่ยวที่เคยตั้งใจไว้เลยกลายเป็นรูปเธอกับมาร์คจับมือถือแขนกัน…คอนสแตนตินรู้เข้าเอาเธอตายแน่…แค่คิดก็เสียวแล้ว
หญิงสาวชักเหงื่อตก ขอบคุณมาร์คอีกครั้งและส่งสายตาให้บอดี้การ์ดเดินตามมาที่รถ หากชายหนุ่มหน้าตาดีเป็นมิตรกลับร้องถามถึงช่องทางการติดต่อกับเธอ
“เอ่อ…เพลงไม่ได้ติดนามบัตรมาเลยค่ะ คุณมาร์คถามจากอลันได้ไหมคะ” หญิงสาวตอบ โล่งใจเมื่อดอนเปิดประตูรถให้ ตอนนี้กลุ่มปาปารัซซี่กำลังคลั่งไปใหญ่ หลายคนพยายามปีนราวเหล็กที่กั้นไว้เพื่อมาที่ลานหน้าตึกของโรงแรม
มาร์คเห็นความวุ่นวายรอบๆ ก็รีบพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ แต่ในใจกระหยิ่มยินดีเป็นที่สุด มองเพลงพิณที่ยิ้มขอโทษขอโพยให้เขาอีกครั้งก่อนจะรีบเข้าไปนั่งในรถ แล้วรถสีดำก็แล่นไปจากหน้าโรงแรมอย่างรวดเร็ว
คนที่ต้องการหว่านเสน่ห์ให้ลับกายไปแล้ว ใบหน้าหล่อเหลาประดับรอยยิ้มของมาร์คก็นิ่งขึง ความเบื่อหน่าย เย็นชากลับคืนมาอีกครั้ง ร่างสูงในชุดสูทสีเบจหมุนตัวกลับเข้ามาในโถงโรงแรม เดินมาถึงลิฟต์ส่วนตัวหรูหราด้านหนึ่ง ผู้ช่วยที่เดินตามติดปราดไปกดปุ่มให้อย่างรู้ใจ
มาร์คมองผู้ช่วยในชุดสูทเรียบกริบอย่างประเมิน…ชายคนนี้ทำงานดีไม่มีที่ติ ความจำดี และรอบรู้เรื่องราวในวงสังคมชั้นสูงของกรีซเป็นอย่างดี
“คุณเพลงพิณ ฉันอยากได้ข้อมูลของเธอทั้งหมด รวมถึงช่องทางการติดต่อด้วย…”
ผู้ช่วยเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพมีท่าทีลังเลนิดหนึ่ง เขาเห็นเจ้านายมีท่าทีสนใจผู้หญิงคนนั้นมาก แต่เขาไม่แน่ใจว่ามาร์ค ซี เทตรู้หรือไม่ว่าจริงๆ แล้วเพลงพิณเป็นใคร มีสถานะอย่างไร ด้วยความที่กลัวเจ้านายจะมาหัวเสียทีหลัง เขาจึงรายงานเป็นชุด
“นั่นคือคิริอาเพลงพิณ อันเกลอสครับ…เป็นภรรยาของคอนสแตนติน อันเกลอส เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่ถึงสามเดือน…เธอเป็นคนไทย เรียนจบการดีไซน์จากนิวยอร์ก ก่อนหน้านี้สองปีก่อนเธอเคยเอาขนมมามัดกับตัวเองแล้วขู่ว่าจะระเบิดพลีชีพที่หน้าบ้านพักประธานาธิบดีครับ เพื่อเรียกร้องให้คอนสแตนตินออกมาพบ…”
มือแข็งแรงโบกให้อีกฝ่ายหยุดพูดได้…เขาพอจะรู้เรื่องตอนนั้นอยู่บ้าง ข่าวนั้นดังไปทั่วโลกและเกี่ยวพันถึงเปโทรส อธานาซิส ผู้ชายที่แม่บอกว่าเป็นพ่อของเขา…เสียดายที่ยังไม่ทันได้สอบถามความจริงนี้ ไอ้สารเลวคอนสแตนตินก็ดับฝันเขาเสียก่อน…นึกมาถึงตรงนี้มือเขาก็กำเป็นหมัดแน่น ไอ้ลูกไม่มีแม่นั่นมันยังสืบข้อมูลของเขามาเป็นปี แล้วตอนนี้มันก็รู้ในสิ่งที่ไม่มีใครบนโลกนี้ควรรู้…
เพลงพิณ อันเกลอสคือคนที่จะทำให้เขาได้สิ่งที่ต้องการ เมื่อเขาได้สิ่งที่ต้องการแล้วเขาก็จะเก็บเธอไว้…ได้ใช้เวลาด้วยกันในคืนนี้เขารู้สึกสนุกและไม่เบื่อเธอเลย เขาไม่สนใจหรอกว่าเธอจะเคยแต่งงานกับใคร กับศัตรูของเขาคนไหน ผู้หญิงที่เขาต้องการ ต่อให้เป็นเมีย เป็นลูกของใคร เขาก็ไม่สน เขาเคยเป็นชู้ เคยลักลอบมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงมานับไม่ถ้วนแล้ว…กับอีแค่ผู้หญิงมีอดีตคนหนึ่งถือว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญเลย
“ไปหาช่องทางติดต่อของเธอมา…เบอร์โทร อีเมล อะไรก็ได้ ด่วนที่สุด”
เธอช่างน่าสนใจ น่าบริหารเสน่ห์ด้วยยิ่งกว่าดอร์เซียจอมเกาะติดนั่นเสียอีก…และที่สำคัญ สำคัญระดับสุดยอดเลยก็คือ…เขาคิดว่าดูไม่ผิด ประสบการณ์ในการผ่านผู้หญิงมาเป็นร้อยเป็นพันของเขา ไม่มีทางที่จะไม่เห็นความจริงเบื้องหลังดวงตาสีน้ำตาลสดใสหวานระยับคู่นั้น…ในนั้นมันมีแต่ความฉลาดสดใส ซุกซน ดื้อรั้น และไร้เดียงสา ไม่ใช่สายตาของคนที่รู้จักความรัก ความเสน่หา หรือเข้าใจแรงปรารถนาของมนุษย์ด้วยซ้ำ…ไม่ใช่แม้แต่ดวงตาของคู่รัก อย่าว่าแต่ภรรยาของใครเลย
มันชักน่าสนุกทุกทีแล้ว…ชัยชนะของเขาคือการทำให้คอนสแตนตินกระอักเลือด ส่วนเพลงพิณแสนบริสุทธิ์สดใสนั้นคือรางวัล
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments