X
    Categories: LOVEทดลองอ่านเพลง (รัก) ของเจ้าชายอสูร

ทดลองอ่านนิยาย เพลง(รัก)ของเจ้าชายอสูร บทที่ 9 – บทที่ 10

หน้าที่แล้ว1 of 16

บทที่ 9…ถ้าผู้ชายคนไหนคิดว่าชีวิตตัวเองสงบสุข รื่นรมย์มากเกินไป…ก็แต่งงานซะ

…อ้างอิงจากคำพูดของคอนสแตนติน

 

เธอส่งข้อความมาว่า ‘ที่รักคะ…ถ้าว่างก็โทรกลับมาหาเพลงด้วย…คิดถึงคุณจะตายอยู่แล้ว…จุ๊บๆ’ แน่นอนว่าหลังจากได้อ่านข้อความนั่นจากผู้ช่วยส่วนตัวซึ่งคอยดูแลรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้เขาด้วย คอนสแตนตินก็หน้าร้อนวูบ ก่อนจะโทรกลับหาภรรยาตัวป่วนของเขาทันที

‘เก๊าะ เอ่อ…ฉันคิดไว้แล้วนี่ว่านักธุรกิจพันล้านอย่างคุณน่ะคงฝากมือถือไว้กับผู้ช่วยแน่ๆ ก็เลยต้องส่งข้อความไปให้เหมือนกับภรรยาที่อยากจะกิน เอ๊ย รักจนจะกลืนกินไง…ชิ’ หญิงสาวอธิบายเมื่อเขาถามห้วนๆ ว่าทำบ้าอะไร แล้วพอเขาถามสั้นๆ กลับไปว่าต้องการอะไร เธอก็ตอบกลับมายาวๆ

‘แหม…ก็คุณบอกว่าจะกลับมาตั้งแต่เมื่อวานน่ะ นี่มันจะเย็นของอีกวันแล้วนะ…ที่จริงไม่มีคุณน่ะฉันสบายดีมากกกเลย…แต่รู้เปล่าว่าย่ากับอาของคุณน่ะส่งผู้สอดส่องสถานภาพสมรสมาล้วงลับตับแตกอยู่ที่นี่ด้วย…’

‘พูดภาษาคนซิเพลงพิณ’ เขาตอบกลับไปด้วยเสียงรำคาญสุดๆ

‘เฮ้อออ…นายเอวานพ่อบ้านเจเนอเรชั่นที่สามน่ะ…อยู่ที่ปราสาทด้วย ย่าคุณส่งมา ป่านนี้รายงานออกโทรทัศน์ไปแล้วมั้งว่าคุณน่ะทิ้งเจ้าสาวหมาดๆ น่ารักๆ ไว้ที่ปราสาทของคุณจะสองวันแล้ว…ชัดป่ะล่ะ’

 

ด้วยเหตุนี้ ชั่วโมงต่อมาคอนสแตนตินก็วางมือจากการเคลียร์งานที่บริษัท ก่อนจะขึ้นเฮลิคอปเตอร์ที่รออยู่บนยอดตึกแล้วดิ่งมาที่มิครอส…ความจริงชายหนุ่มเดินทางไปกลับระหว่างเอเธนส์กับมิครอสแทบทุกวัน แต่เมื่อคืนกว่าเขาจะเลิกงานก็ตีหนึ่งตีสอง เลยตัดสินใจค้างที่ห้องชุดที่ตึกอันเกลอส…

เสียงนักบินรายงานเข้ามาในหูฟังว่ากำลังจะลงจอด คอนสแตนตินนึกแวบไปเมื่อสองปีก่อน เลยลองชะโงกดูหลังคาปราสาท…อืม ไม่มีลิงที่ไหนไปไต่ แต่มันจะหมายความว่าลิงนั้นตกลงไปแล้ว หรือกำลังยุ่งอยู่กับหายนะประเภทอื่นกันแน่

 

คอนสแตนตินนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ขวามือเป็นเพลงพิณในชุดสีฟ้าอ่อนกำลังจัดการกับซุปครีมกุ้ง แล้วที่นั่งเรียงรายกันไปตามเก้าอี้ที่เหลือก็คือบอดี้การ์ดและผู้ช่วยของเขาและเธอ…หางตาคมดุเห็นว่าเอวานที่ยืนอยู่มุมหนึ่งกำลังสังเกตภรรยาที่กำลังกินอย่างเจริญอาหารกับเขาซึ่งกินอย่างเงียบๆ ดูราวกับคนแปลกหน้าสองคนในร้านอาหารที่จำเป็นต้องแชร์โต๊ะกันนั่ง…ไม่ใช่สามีภรรยาในช่วงข้าวใหม่ปลามัน

“เป็น…ยังไงบ้าง…สองวันที่อยู่คนเดียวน่ะ” คอนสแตนตินถามเรียบๆ พยายามทำให้เสียงดูมีความอบอุ่นพอควร

“หือ…อ๋อ เอ๋?…อยู่คนเดียวที่ไหนเล่า คนตั้งเยอะแยะ…รู้หรือเปล่าว่าปราสาทคุณน่ะมีสมาชิกอีกตั้งหกสิบสี่คน”

คอนสแตนตินเลิกคิ้ว เขาจำหน้าคนงานตัวเองได้ไม่ถึงสิบคนด้วยซ้ำ…แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากรู้จากภรรยาที่เอาแต่กินคนนี้ “แล้วตกลงคุณทำอะไรบ้าง…”

“ก็จัดของที่เอามาจากเมืองไทยน่ะ ที่ซื้อเพิ่มด้วย…แล้วก็สำรวจสภาพปราสาททั่วๆ ไป แต่ยังไม่ละเอียดนะ…ฉันยังไม่เจอห้องลับ ห้องใต้ดิน หรืออะไรลับๆ สักอย่าง…อิๆ” หญิงสาวยิ้มหน้าเป็น ก่อนจะตัดชิ้นเนื้อแกะในจานของตัวเองเป็นชิ้นๆ อย่างอารมณ์ดี

“อืม” คอนสแตนตินไม่รู้จะพูดอะไรอีก…แต่ก็โล่งใจนิดๆ ที่ยังไม่มีใครตายและส่วนใดส่วนหนึ่งของปราสาทยังไม่พัง

เพลงพิณชะลอจังหวะในการกินลง เพื่อให้อาหารจานที่สามนี้หมดพร้อมๆ กับคนอื่น “แล้วคุณล่ะ…ที่บริษัทเป็นยังไงบ้าง ทำไมถึงดูเครียดกันไปหมด ทั้งคุณทั้งผู้ช่วยคุณ”

คอนสแตนตินรู้สึกว่าในอกอุ่นขึ้น…ไม่เคยมีคนถามเขามาก่อนเลยว่าในแต่ละวันของเขาเป็นอย่างไรบ้าง มีอะไรทำให้เครียด…มัน…ให้ความรู้สึกแปลกๆ…ดี แต่แปลกๆ

“โรงงานผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรในจีนมีปัญหา คนงานประท้วงหยุดงาน…ลูกสาว ส.ว. ที่เจ้าหน้าที่ในบริษัทเราให้การอารักขาสงสัยว่าถูกลักพาตัวไปเรียกค่าไถ่…บริษัทเพชรที่ซื้อประกันชั้นหนึ่งกับบริษัทเราถูกโจรปล้นเพชรไป…และเรือข้ามฟากของบริษัทเราเสียไปสองลำจากความเลินเล่อของช่างซ่อมบำรุงและความหย่อนยานของผู้จัดการ”

เพลงพิณเบิกตากว้าง…นั่นแค่สองวันกับหนึ่งคืนเองนะ แล้วไอ้คำว่า ‘บริษัทเรา’ ที่เขาพูดก็ทำให้เธอรู้สึกละอายใจ…ถึงเขาอาจจะพูดในลักษณะสุภาพต่อหน้าลูกน้องและผู้ช่วยที่นั่งร่วมโต๊ะอยู่ด้วยก็เถอะ…เธอก็เหมารวมว่าตัวเองก็เป็นหนึ่งในเจ้าของเหมือนกัน ถึงจะปลอมๆ ก็ตาม

คนที่เพิ่งเรียนจบมาแค่ครึ่งปี ซ้ำยังหาเงินไม่ได้เป็นเรื่องเป็นราว รู้สึกว่าเงินไม่ได้หามาได้ง่ายๆ และคนที่รวยพันล้านก็ใช่ว่าจะสบาย…หญิงสาวรู้สึกเห็นใจเขาขึ้นมาวูบหนึ่ง อย่างน้อยเขาก็ต้องจ่ายค่าจ้างให้เธอถึงร้อยกว่าล้านบาท…

มือเล็กๆ จึงเอื้อมมือไปแตะมือใหญ่เบาๆ “แล้วมีอะไรคลี่คลายไปแล้วบ้างอ่ะ…คือ ทุกอย่างโอเคไหมตอนนี้”

หลังมือราวกับถูกกระแสไฟอ่อนๆ แล่นผ่าน คอนสแตนตินรู้สึกตื้อๆ ในอกและลำคอ จึงเสยกมือหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบไล่ “ก็เรื่องเดียว…เรื่องลูกสาว ส.ว. นั่นน่ะ ที่จริงเธอหนีไปกับแฟน แต่อยากได้เงินตั้งตัวเลยสร้างเรื่องขึ้น”

“อ้อ” เพลงพิณยิ้มให้คนเสิร์ฟอาหารที่นำจานต่อมาลงวางตรงหน้า “…แล้วเรื่องเพชรล่ะ แบบนี้จะเสียหายมากไหม วงเงินสูงหรือเปล่า”

“ก็มากอยู่…แต่กำลังประชุมกันอยู่ว่าจะจ้างคนไปเก็บไอ้โจรกลุ่มนั้นแล้วเอาเพชรคืนมา หรือจะยอมจ่ายเงินทดแทนให้บริษัทเพชรดี…วิธีไหนจะคุ้มค่าที่สุด” ชายหนุ่มพูดเสียงเรียบติดจะเย็นชา

เพลงพิณกลืนน้ำลายเอื๊อก เงินเธอ (…ที่ยังไม่ได้) จะเปื้อนเลือดใครหรือเปล่าหนอ…แต่พวกโจรนั่นก็ผิดจริงๆ อยู่ดีๆ มาสะเออะปล้นคนอื่นกิน

คอนสแตนตินลอบมองใบหน้ารูปหัวใจที่ดูครุ่นคิด เลยอยากรู้ขึ้นมาว่าคนที่ดีแต่ทำเรื่องวุ่นวายไปวันๆ จะคิดยังไงกับเรื่องนี้ “แล้วคุณคิดว่าผมควรเลือกวิธีไหน”

เพลงพิณรู้สึกว่าคนอื่นๆ ในโต๊ะอยากรู้คำตอบของเธออยู่เหมือนกัน แม้ทุกคนจะทำท่ากินกันไปตามปกติก็เถอะ

“แล้วคิดว่าคนของคุณเอาของกลับมาได้จริงหรือเปล่า ทำแล้วตำรวจจะได้กลิ่นเรื่องนี้ไหม…” เธอถาม หลังจากนิ่งคิดครู่หนึ่ง

คอนสแตนตินตาวาวนิดๆ เหมือนกับสนุก “ได้จริง…และตำรวจจะไม่มีวันรู้เรื่องนี้แน่”

เพลงพิณยักไหล่ ดวงตาสีน้ำตาลใสเปล่งแสงระยิบ “ถ้าคุณกังวลว่าค่าจ้างเอาเพชรคืนมาจะสูงมากและเสี่ยงด้วย…คุณก็ไปตกลงกับบริษัทเพชรลับๆ สิ เขาต้องอยากได้เพชรคืนมากกว่าได้เงินชดเชยอยู่แล้ว…ถ้าได้เพชรคืนมาจริงๆ คุณก็ขอค่าดำเนินการเขาบ้างสักนิด”

มุมปากของคอนสแตนตินยกขึ้นมานิดหนึ่ง จนแทบมองไม่เห็นและเจ้าตัวก็ไม่รู้สึก “ความคิดเข้าท่าดีนะ…แต่ก็มีปัจจัยหลายอย่างที่ต้องนึกถึง…อย่างเช่นบริษัทเพชรจะไม่คิดหรือไงว่าเราเองเป็นฝ่ายจัดฉากปล้นเพชร…ชื่อเสียงบริษัทอันดับหนึ่งอย่างเราจะเสียเปล่าถ้าข่าวแบบนี้แพร่ออกไป”

เพลงพิณยกมือซ้ายขึ้นทำท่ากางเล็บ ส่วนมือขวายกมีดทื่อๆ ขึ้นถือ พูดเหี้ยมๆ ว่า “ตอนที่จัดการไอ้โจรน่ะ ก็ถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอซะหน่อยสิ ถ้าบริษัทเพชรมันเกิดยึกยักขึ้นมาก็เอาให้มันดูและขู่ไปในตัว…แต่ถ้ามันยังไม่เชื่อ…ก็ปล้นสั่งสอนมันซะ เอาเพชรดิบที่ยังไม่เจียระไนนะจะได้ไม่ต้องมีตัวเลซงเลเซอร์ให้ตามเจอ…แล้วก็ได้ใช้จินตนาการดีด้วยว่าพวกเพชรนั่นน่าจะเจียแบบไหนดี…รวยและได้ฝึกสมอง”

ผู้ช่วยคนหนึ่งของคอนสแตนตินหัวเราะ มองภรรยาของเจ้านายที่เขาลงความเห็นแต่แรกว่าดูเป็นเด็กสาวเอาแต่ใจ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกชอบและนับถือนิดๆ ถึงเธอจะไม่รู้เรื่องธุรกิจและเสนอข้อคิดเห็นแบบเพ้อๆ แต่ก็ดูฉลาดน่ารักและแสบสันดีจริงๆ

คอนสแตนตินมองผู้ชายนับสิบบนโต๊ะที่ต่างมีนิสัยบางอย่างที่ต่างกัน ทั้งปราดเปรื่อง เขี้ยวลากดิน ทรหด เย็นชา แต่กลับมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งที่คล้ายๆ กันคือการเก็บกักอารมณ์ โดยเฉพาะเวลาอาหาร แต่ละคนจะเงียบกริบ แต่มื้อนี้ สองคนหัวเราะในลำคอ บางคนยิ้ม และบางคนคุยกันเบาๆ

เฮ้อ…ค่อยยังชั่วที่ทุกคนกลายร่างจากหุ่นของมาดามทุสโซเสียที…เพลงพิณคิด ตักเครปเค้กวานิลลาซอสเบอรี่ขึ้นใส่ปาก ก่อนจะแซวคนหน้าดุเต็มไปด้วยเคราสั้นๆ ข้างๆ ว่า

“อั่นแน่…ได้ยินมาว่าไม่ชอบของหวานนี่ ทำไมกินตุ้ยๆ เลยล่ะ…นี่ ลืมบอกไปเลย…ม้าของคุณสวยมาก ฉลาดด้วย ฉันพาพวกมันไปสำรวจทุ่งด้านหลังปราสาทมาด้วยล่ะ วิวโคตรสวยเลย…ว่าแต่พวกมันมีชื่อไหมอ่ะ”

คอนสแตนตินที่เพิ่งละสายตาจากคนของตัวเองร้องอุทานเสียงก้อง ก่อนจะวางช้อนขนมอย่างอารมณ์เสีย “คุณทำอะไรนะ!”

 

“แหม มันเกินไปนะ คำรามใส่ฉันบนโต๊ะอาหารแบบนั้นน่ะ…แย่” เพลงพิณพูดอย่างอารมณ์เสียทันทีที่ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้องชุดบนชั้นสี่

คอนสแตนตินเสยผม “แล้วมีสมองบ้างมั้ยฮะ ทุ่งกว้างหลังปราสาทน่ะ มันขรุขระเป็นเนินเล็กเนินน้อยแล้วยังมีโพรงมีหลุม…อยากคอหักตายหรือไง” พูดจบก็มองคอขาวๆ เล็กๆ ของคนตรงหน้าเขม็ง…ฮึ เล็กแค่นี้ จับบิดนิดเดียวก็ตายคามือแล้ว

คนถูกบ่นทำเสียงจิ๊จ๊ะ เดินทะลุเข้าไปในห้องของตัวเองที่ไอริสให้คนมาจัดไว้ให้ “ก็ยังไม่ตายนี่…ม้าน่ะเลี้ยงเอาไว้ขี่นะ ไม่ได้เลี้ยงไว้ดูเล่น แล้วจะให้ขี่ที่ลานดินชั้นในปราสาทน่ะเวียนหัวตายเลย ที่แคบ ขี่วนไปวนมา”

คอนสแตนตินกัดกราม…ทำไมเธอต้องเถียงเขาทุกเรื่องแบบนี้ รู้ไหมว่ามันทำให้เขาจะเดือดอยู่แล้ว “ยังไงก็ตาม ผมห้ามคุณเอาม้าสองตัวนั่นไปขี่ในทุ่ง…ถ้าจะขี่ก็ขี่แต่ในลานดิน”

หญิงสาวแลบลิ้นใส่คนวางอำนาจที่ยืนเท้าแขนกับกรอบประตูห้องนอนของเธอ “ก็ได้…คนใจร้าย ไม่มีความอ่อนโยน…เฮอะ ม้าสองตัวนั่น…เรียกยังกับเรียกโต๊ะเก้าอี้…มันมีชีวิตจิตใจนะ เลี้ยงมันแล้ว ทำไมไม่ตั้งชื่อให้มันด้วย”

…แล้วถ้าเขาไม่ตั้งชื่อให้ม้าของตัวเอง แล้วมันหนักหัวฟูๆ ของเธอตรงไหนไม่ทราบ…คอนสแตนตินคิดแดกดันและถอนหายใจฟืดฟาด บอกตัวเองว่าต้องรีบไปจากที่นี่ ก่อนจะลุแก่โทสะ โยนยายปากมากนี่ออกไปนอกระเบียง

“จะนอนแล้วใช่ไหม…อยากได้อะไรก็จัดหาซะ ดึกๆ อย่ามาเดินทะลุห้องผมให้รำคาญตา”

เพลงพิณทำหน้าบูดบึ้งใส่ “อยากจะเดินผ่านตายล่ะ ถ้าไม่มีสายสืบของญาติคุณน่ะ ฉันจะไปนอนอีกปีกปราสาทเลย…เดี๋ยวจะหาว่าทำงานไม่คุ้มค่าจ้าง ก็เลยต้องทนๆ เล่นละครเอาหน่อย”

คนตัวเล็กพูดจบก็คว้าพี่บิ๊กแม็ค โน้ตบุ๊กสีขาวเครื่องโปรดมาเปิดการทำงาน หูได้ยินเสียงฮึ่มฮั่มจากท่านเคานต์แดร็กอีกสองสามชุดก่อนเสียงฝีเท้าตึงๆ จะดังห่างออกไป

“อย่ามาเดินทะลุห้องผมให้รำคาญตา…ชิชะ” หญิงสาวเลียนเสียงทุ้มๆ ห้วนๆ นั้นก่อนจะเบะปาก เดินทะลุห้องน้ำและผ่านเข้าไปในห้องแต่งตัวที่เธอต้องใช้ร่วมกับเจ้าบ้านอารมณ์แปรปรวน มือเรียวเลือกหยิบเสื้อผ้าในชุดประจำการคือกางเกงขายาวเนื้อนิ่มกับเสื้อสายเดี่ยวมาผลัดเปลี่ยน เข้าไปล้างหน้าล้างตาอีกเล็กน้อยก็เดินกลับเข้ามาในห้องนอน ก็พบว่าอันน่ายืนรออยู่ข้างโต๊ะเล็กซึ่งมีถาดอาหารวางรออยู่

“ของว่างรอบดึกที่คิริอาสั่งเจ้าค่ะ…ในครัวมีพวกเบอรี่สดๆ พีชแล้วก็เนกทารีน อันน่าเอาใส่ตู้เย็นไว้ให้แล้วนะเจ้าคะ” คนสนิทผายมือไปยังตู้เย็นเล็กที่มุมห้อง

เพลงพิณยิ้ม…เธอกะว่าจะนั่งทำงานถึงสักห้าทุ่มแล้วค่อยนอน จึงสั่งให้อันน่ายกของว่างมาเตรียมไว้ให้เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายรอเธอ และกลัวว่าถ้าอันน่าต้องผ่านห้องนอนคอนสแตนตินเข้ามาในตอนนั้น หญิงสาวที่เธอถูกชะตาคนนี้อาจจะชะตาขาดก็ได้

“โอเค…เอาล่ะจ้ะ ขอบคุณมาก…วันนี้อันน่าไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันจะทำงานสักแป๊บแล้วก็นอนแล้วล่ะ”

อันน่าทำท่าลังเล หญิงสาวเลยทำเสียงเข้ม “ไปซี้…นอนเยอะๆ จะได้แก่ช้าๆ ไปๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้อันน่าต้องพาฉันกับทีมไปสำรวจปราสาทกันตลอดวันเลย…ไปนอนเอาแรงซะ”

คนสนิทยิ้มรับและยอบกายลา แต่ก่อนจะออกไปก็ตรงไปขยับกระดิ่งที่โต๊ะหัวเตียงให้ง่ายกับการเอื้อมถึงมากขึ้น เอามุ้งโปร่งบางสีชมพูอ่อนที่ถูกมัดรวบไว้จัดให้คลุมรอบเตียงแล้วถึงจากไป

พออยู่คนเดียว เพลงพิณก็เดินไปหยิบคุกกี้ในจานมากัด ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยังโต๊ะทำงานตัวเล็ก มือที่เปื้อนเศษขนมปัดกับขากางเกงก่อนจะจรดมือลงบนแป้นโน้ตบุ๊ก…ต้องเริ่มทำงานเสียที ขั้นแรกเธอต้องเตรียมทีมงานขึ้นมาก่อน

 

คอนสแตนตินที่ผมหมาดชื้นไปด้วยน้ำจากสระว่ายน้ำที่เขาลงไปจ้วงแขนอย่างบ้าคลั่งกว่าชั่วโมงหลังจากทำงานเสร็จพาร่างที่เย็นชื้นมาหยุดที่หน้าห้องชุดของตัวเอง…ตีสองสี่สิบห้า เขายังไม่รู้สึกง่วงเท่าไหร่…น่าผิดหวังมาก เพราะเมื่อสองคืนก่อนเขานอนหลับแต่หัวค่ำและหลับสนิทเสียจนตื่นมารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและหลงคิดว่าอาการนอนไม่หลับของตัวเองเริ่มบรรเทาลงแล้ว แต่เมื่อคืนที่เพนต์เฮ้าส์บนตึกอันเกลอส กว่าเขาจะหลับลงได้ก็ตีสาม ซ้ำยังฝันถึงเหตุการณ์ที่น่ากลัวเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนจนสะดุ้งตื่นมาด้วยสภาพเหงื่อโซมกายและปวดหัวแทบระเบิด…ตอนนี้เขารู้สึกเพลียจัดแต่ก็ยังไม่ง่วงเลย พร้อมกับหวั่นนิดๆ ว่าตัวเองจะต้องฝันร้ายแบบนั้นในคืนนี้อีก

ร่างสูงกำยำเดินเข้ามาในห้องที่เปิดไฟสลัวๆ ดวงตาน้ำเงินเข้มเกือบดำจ้องเป๋งไปที่ประตูห้องของยายตัวแสบ…ป่านนี้คงนอนหลับปุ๋ยสิ้นฤทธิ์ไปแล้วสินะ…ดี บรรยากาศจะได้เงียบๆ บ้าง ชายหนุ่มถอนใจกับหลายอย่างที่อยู่ในอก ทั้งเรื่องธุรกิจและความกังวลลึกๆ เกี่ยวกับคนบงการลอบสังหารเขาที่ยังไม่คืบหน้า

นรกจริง…ถ้าเขาได้หลับสนิทๆ สักสามสี่ชั่วโมงก็คงช่วยได้บ้าง ตอนนี้เขาล้าเหลือเกิน ชายหนุ่มถอดเสื้อคลุมไว้ที่ปลายเตียง เดินตัวเปล่าไปปิดประตูที่เปิดสู่ระเบียง จัดการรูดม่านที่มีรอยแหวกอยู่น้อยนิดให้สนิทดี หลังจากนั้นก็ปิดไฟและสอดตัวลงระหว่างผ้าห่มไหมสีเทาเข้มและผ้าปูที่นอนสีดำ พอเขานอนลงด้วยท่านอนตะแคง จมูกของเขาก็ได้กลิ่นบางเบาอันไม่คุ้นเคย…กลิ่นสะอาดๆ บริสุทธิ์ของดอกไม้ใบไม้ กลิ่นของความรื่นเริงและสดใสปนกลิ่นของขนมนมเนยราวกับเด็กๆ คิ้วสีดำขมวดย่นเข้าหากัน ดวงตาดุๆ ล้อมกรอบด้วยขนตายาวหนาหรี่ลงในความมืด

นี่มันกลิ่นยายตัวแสบนี่! สงสัยจะมานอนที่เตียงเขาเมื่อคืนนี้ ฮึ วุ่นวายไปทุกที่สิน่า…คอนสแตนตินบ่นในใจ ยิ่งสูดลมหายใจเข้าก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงยายแสบนั่น เขาเลยพลิกตัวนอนหงาย…แต่สายไปแล้ว เพราะเหมือนกลิ่นอ่อนๆ นั้นจะติดจมูก…คอนสแตนตินนอนฮึดฮัดอยู่อย่างนั้นพักหนึ่งก็หลับสนิทตลอดคืน

 

เคร้งงง…เสียงโลหะกังวานใสท่ามกลางความเงียบและมืดสลัวของยามย่ำรุ่งทำให้คอนสแตนตินที่หลับสนิทสะดุ้งตื่นขึ้น ปากหยักเม้มสนิททั้งที่ยังไม่ลืมตา หูของเขาได้ยินเสียงเล็กๆ ของภรรยากำมะลอบ่นอะไรแว่วมาจากห้องข้างๆ…เอะอะตั้งแต่ลืมตาตื่นเลยนะ ยายตัวกวนโทสะ

คอนสแตนตินถอนใจยาวๆ พยายามหลับอีกครั้ง…นึกแล้วก็แปลก เมื่อคืนเขาคิดว่ากว่าจะหลับได้ก็คงหลังตีสามตีสี่ แต่พอหัวถึงหมอนกลับหลับเป็นตายจนได้

แอ๊ดดด…เสียงประตูที่เชื่อมระหว่างสองห้องเปิดออก คอนสแตนตินหรี่ตามองเงาของภรรยาที่เดินผ่านเตียงของเขาไปโดยทำท่าบิดตัวหมุนไหล่เหมือนนักกีฬาวอร์มร่างกายก่อนการซ้อม หญิงสาวเปิดประตูห้องนอนแล้วออกไปสู่ส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่น…เสียงใสทักทายคนสนิทดังลอยเข้ามาในห้องแว่วๆ…ยายตัวป่วนจะรีบตื่นไปไหนกัน

 

ยี่สิบนาทีต่อมาคอนสแตนตินก็ได้รู้คำตอบ เมื่ออยู่ๆ ในขณะที่กำลังเคลิ้มเขาต้องสะดุ้งตื่นสุดตัวด้วยเสียงเพลงจังหวะกระแทกกระทั้นที่ดังก้องไปทั่วราวกับมีใครเอาลำโพงยักษ์มาตั้งอยู่ตามจุดต่างๆ ของปราสาท…ชายหนุ่มปวดหัวจี๊ด สปริงตัวลุกจากที่นอนด้วยแรงโทสะ กระชากประตูเปิดออกจนบานประตูแทบจะปลิวหลุดจากกรอบ…มันจะมากไปแล้วนะ

 

“วัน ทู วัน ทู ทรี…เย้ เย้ เลิฟ ยู เซเว่น เดย์ส…เมก เลิฟ เอฟวรี่เดย์…เย้ เย้”

ร่างเล็กในชุดออกกำลังกายเต้นฮิพฮ็อพด้วยท่าทางที่เคยได้รับการสอนมาจากโรงเรียนสอนเต้นในนิวยอร์กที่ตัวเองอุตส่าห์เจียดเงินค่าขนมไปเรียนระหว่างเรียนการออกแบบ หญิงสาวกระโดดแยกขากลางอากาศอีกครั้งแล้วร้องท่อนโปรดของเพลง

“เมก เลิฟ เซเว่น เดย์ส…ทรี โฟร์ ไฟว์ ไทม์ส อะ เดย์ เย้ เย…วู้ วู้”

“เพลงพิณ!” คอนสแตนตินตะโกนให้หยุดอย่างเหลืออด…แต่หญิงสาวกลับไม่ได้ยิน เพราะเสียงเพลงที่ดังมากและก้องกังวานไปทั่ว

คนตัวโตย่างสามขุมมาหา ไม่สนใจจะชื่นชมในความสามารถของร่างเล็กที่กำลังใช้มือยืนต่างเท้าและดีดขาที่ชี้ฟ้าผลุงๆ ไปด้วย

เขาไม่สนใจจะรอให้เธอจบท่าเต้นพิสดารนั่น คว้าเสื้อยืดเล่นกีฬาของเธอจากด้านหลังแล้วกระชากร่างเล็กให้เข้ามาปะทะกับอกเปลือยเปล่าขณะที่เจ้าตัวร้องวี้ดๆ ตาดุๆ กวาดไปมองคนรับใช้ที่แอบมองอย่างสนใจอยู่ตามจุดต่างๆ จนพากันลนลานหลบวูบ ร่างบึกบึนแข็งแรงที่มีเพียงกางเกงบ็อกเซอร์ตัวเดียวปกปิดหนีบร่างเล็กที่ดิ้นกระแด่วๆ เข้ามาในห้องชุด

“ทำบ้าอะไรหา!” ชายหนุ่มตะคอก

เพลงพิณที่หน้าตาแดง เต็มไปด้วยเหงื่อเกาะพราวสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมแล้วย่นคิ้วใส่คนถามเป็นนัยประมาณว่าถามอะไรโง่ๆ “ออกกำลังกายน่ะสิ…ก็เห็นๆ อยู่”

คอนสแตนตินเห็นท่าทีอวดดีอย่างนั้นก็ยิ่งมันเขี้ยว “ห้าม…ห้ามเปิดเพลงดังๆ อย่างนี้อีก…แล้วถ้าอยากทำท่าพิสดารแบบนั้นก็ไปที่ชั้นหนึ่ง…เข้าใจไหม”

เพลงพิณยังอยากจะเถียง แต่ยังนึกอะไรเหมาะไม่ออก หญิงสาวยกมือขึ้นเสยผมที่ปรกหน้า แต่แล้วก็ต้องร้องวี้ดอีกครั้งเมื่อมือแข็งยังกับคีมตัดลวดกระชากแขนเธอไปดูซะใกล้

“ไปโดนอะไรมาฮึ…ช้ำขนาดนี้” คอนสแตนตินถามด้วยอารมณ์อดกลั้น

เพลงพิณมองแขนของตัวเองแล้วก็นิ่วหน้า…รอยสีม่วงจางค่อนข้างใหญ่ที่เหนือข้อมือเธอเล็กน้อย…เธอเองก็ไม่รู้ว่าเกิดจากอะไร

“ตื่นมาก็เป็นแบบนี้แหละ…ไม่รู้เหมือนกัน อาจกระแทกอะไรเมื่อวานนี้ตอนสำรวจปราสาทคุณมั้ง” หญิงสาวตอบอย่างไม่ใส่ใจมากนัก…ถึงจะช้ำมากจนเป็นรอยขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่ได้เจ็บปวดอะไรเท่าไหร่

“ไปหายาทาซะไป…” ชายหนุ่มกัดกราม “…วุ่นวายจริง บ้ากันไปหมด…จำไว้นะ อย่ามาเปิดเพลงที่ชั้นนี้เด็ดขาด ที่นี่ไม่ใช่ชั้นส่วนตัวของคุณ”

เพลงพิณตาคว่ำ…สั่งแล้วสั่งอีก ยังกับเธอเป็นเด็กอนุบาลยังงั้นแหละ… “แหวะ…คนไม่มีอารมณ์สุนทรีย์ เพลงออกจะเพราะ แล้วก็ดังจะตาย…คนเขาฟังกันทั่วโลก”

ดวงตาสีน้ำเงินมีรอยเยาะ ก้มหน้าคมเข้มลงมาแทบชิดจนคนตัวเล็กเบนหน้าหนีแทบไม่ทัน “ไอ้เพลงจังหวะกระแทกหู คนร้องก็ทำเสียงประหลาดๆ แล้วเนื้อร้องยังมีแต่เรื่องเซ็กซ์เนี่ยนะ…” ดวงตาดุกวาดตามองไล่จากใบหน้ารูปหัวใจดื้อดึง ลงมาตามคอระหง ทรวงอกกลมกลึงในชุดออกกำลังกายรัดรูป หน้าท้องแบนราบจนถึงขาเรียวยาว…ก่อนจะตวัดตาขึ้นมองเจ้าของร่างอีกทีด้วยแววตาที่แปลความหมายไม่ออก

เพลงพิณรู้สึกประหลาดๆ รีบยกแขนเรียวขึ้นกอดอก ก่อนดวงหน้ารูปหัวใจจะเชิดสูงขึ้นอย่างถือดี “…แดร็กคิวล่าเต่าล้านปี…ไม่รู้หรือไงว่าวงการดนตรีเขาไปถึงไหนกันแล้ว” ถึงปากกล้า แต่ใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าผลักดันเขามากไป อีกฝ่ายจะใช้กำลังลงโทษเธอเหมือนเมื่อสองปีก่อนขึ้นมาอีก “…โอเค้ ต่อไปนี้ฉันจะไปเปิดที่ชั้นหนึ่งก็ได้ เชิญนอนหลับให้สบายเลย…ชิ” พูดจบหญิงสาวก็สะบัดตัวจากไปตามทางเดินที่ทอดยาว

คอนสแตนตินมองด้านหลังภรรยาตัวป่วนที่เดินกระแทกเท้าจนผมหยิกๆ เด้งไปมาแล้วก็ขบกราม พอเขาหมุนตัวจะเดินกลับเข้าไปในห้องชุดอีกครั้ง ใบหน้าก็กระทบกับแสงแดดเรื่อเรืองที่ส่องผ่านประตูระเบียงเข้ามา เสียงห้าวทุ้มสบถก่อนจะกระชากประตูเปิดแล้วปิดเสียงดังสนั่น แล้วหมุนตัวกระแทกเท้าเดินเข้าไปในห้องนอนพร้อมกับปิดประตูดังโครม

 

เช้ามืดวันรุ่งขึ้น คอนสแตนตินที่ได้หลับยาวรวดถึงหกชั่วโมงกว่าก็นอนลืมตาอยู่บนเตียง พยายามคิดหาเหตุผลว่าทำไมสองคืนที่ผ่านมาเขาถึงได้นอนหลับสนิทตลอดคืน เขาอยากให้เป็นแบบนี้ตลอดไป เพราะระหว่างวันมันช่วยให้เขาสดชื่น สมองเฉียบคม มีกำลังที่จะแก้ไขจัดการกับปัญหามากมายได้

กลิ่นอ่อนๆ ที่ยังติดหมอนอยู่กรุ่นเข้าจมูกจางๆ…วันนี้แม่บ้านก็คงเอาเครื่องนอนชุดนี้ไปซักแล้ว ดี เขาจะได้ไม่ต้องทนอะไรแบบนี้อีก ชายหนุ่มหลับตาลงอีกครั้งอย่างคนที่กระหายจะตักตวงความสุขที่ไม่ได้เกิดขึ้นนานแล้ว…ใครจะรู้ บางทีพรุ่งนี้เขาคงนอนไม่หลับตลอดคืนก็ได้ แต่ระหว่างที่เขากำลังขยับตัวหาท่าที่สบายนั้นเอง เขาก็ต้องลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงก้องสะท้อนคล้ายโลหะกระทบพื้นหินอ่อนดังมาจากห้องข้างๆ…เสียงกระดิ่งหล่นพื้นอีกแล้ว…ปวดหัวกับตัวปัญหานั่นจริงๆ

ชายหนุ่มเม้มปากอยู่ในความสลัวของห้องที่กรุม่านรอบด้าน นึกเดาฉุนๆ ว่ายายตัวแสบคงนอนดิ้นน่าดู เขาถึงได้ยินเสียงแบบนี้มาสองคืนแล้ว ชายหนุ่มนอนคิดอย่างเดือดดาลก่อนจะพยายามข่มใจ

ราวสิบนาทีต่อมาเพลงพิณก็เปิดประตูห้องที่เชื่อมกันแล้วเดินตัดผ่านห้องเข้ามา แต่แทนที่เธอจะเดินเลยไปยังทางออก เธอกลับเดินตรงมายังเตียงใหญ่ของเจ้าของห้อง คอนสแตนตินที่เห็นการกระทำลับๆ ล่อๆ นั้นแกล้งหรี่ตาปิดลง อยากรู้ว่าเธอจะทำอะไร

“นอนขี้เซาจริงๆ เล้ย…แบร้!” ลิ้นเล็กๆ แลบล้อหลอก ดวงหน้ารูปหัวใจลอยไปลอยมาอยู่ใกล้ร่างใหญ่บนเตียงระยะห่างแค่ศอกเดียว

“ตอนนอนนี่ดูไร้พิษสงเชียวนะ…” เสียงเล็กๆ พึมพำ ขณะเจ้าตัวหันก้นในกางเกงรัดรูปสีสดส่ายไปส่ายมาซ้ำยังเกาล้อเลียนอีก

คอนสแตนตินนอนนิ่งสนิทเหมือนงูพิษที่เตรียมจะฉกเหยื่อ ตาดุหรี่ลงเกือบปิด แต่ก็จับอาการของคนข้างเตียงไว้ไม่พลาด ในใจรอจังหวะเพียงเสี้ยวนาที ก่อนที่มือแข็งแรงจะตวัดไปที่ช่วงแขนของเพลงพิณแล้วกระชากและเหวี่ยงร่างเล็กบางลงบนเตียงดังตุ้บใหญ่

“กรี๊ดดด…” ร่างเล็กแผดเสียงและดิ้นรนหนี แต่ถูกล็อกตัวไว้ด้วยร่างใหญ่กว่าเกือบเท่าตัวที่โถมทับลงมาจนตับไตไส้พุงเธอแทบแตก

“เฮ้ย! นี่เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ยหา” เสียงดุตะคอก สรรพนามเปลี่ยนไปเพราะความหัวเสีย “…นึกว่าโจร นี่ถ้ามีปืน…เธอถูกยิงหัวกระจุยไปแล้ว” คอนสแตนตินเอ็ดตะโรสีหน้าจริงจัง พอเห็นว่าเพลงพิณเริ่มหน้าเขียวหน้าเหลืองเพราะถูกน้ำหนักร่วมร้อยกิโลกรัมทับ ก็ค่อยพลิกตัวลงจากเตียง มุมปากยกนิดๆ เหมือนสาสมใจ “…ตื่นใหม่ๆ ยังมึนอยู่เหรอไง เดินมั่วมาถึงนี่…อ้าว ยังจะนอนอยู่อีก รีบออกไปสิ…”

เพลงพิณกดมือลงกับท้องที่จุกแน่น ก่อนจะกลิ้งตัวลงจากเตียง…มองหน้าดุๆ ในเงาสลัวของเขาแล้วกลืนน้ำลาย…ตั้งใจมาแกล้งล้อเขาแท้ๆ แต่กลับถูกกระชากซะจนแขนเกือบยืด ท้องไส้แทบพัง…คนตัวเล็กลูบท้อง ลูบแขนป้อยๆ แล้วเดินงอตัวกระย่องกระแย่งออกไปจากห้อง

ฝ่ายคนที่เนียนเล่นละครหาเหตุประทุษร้ายคนอื่นก็มีรอยกระหยิ่มใจในดวงตา…สมน้ำหน้า อยากจุ้นจ้านดีนัก…หึๆ

บทที่ 10…เงาปัญหา

 

ตีสามแล้วแต่ดอร์เซียเพิ่งกลับถึงบ้าน เรือนร่างระหงที่อยู่ในชุดเดรสสีดำปักคริสตัลดูเย้ายวนโฉบเฉี่ยวเซไปมาน้อยๆ ขณะเดินเข้ามาในห้องรับแขกของคฤหาสน์ ดวงตาสีฟ้าฉ่ำชื้นที่เพิ่งหยุดหลั่งน้ำตาเบิกกว้างขึ้นเมื่อเห็นว่าในห้องที่หรี่ไฟไว้สลัวๆ ที่เธอคิดว่าควรว่างเปล่ากลับมียายและแม่นั่งรออยู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึง

มาเรียผู้เป็นแม่เปิดฉากขึ้นอย่างไม่ทันให้เธอได้ตั้งตัว “ดาเน่…ทำไมเหลวไหลแบบนี้ นี่มันตีสามแล้วนะ แล้วพรุ่งนี้มีนัดคุยละครเรื่องใหม่ไม่ใช่เหรอ”

ดอร์เซียเดินไปทิ้งตัวนั่งบนโซฟา ความเข้มแข็งที่คิดว่ารวบรวมได้แล้วก่อนลงจากรถแตกกระจายไม่มีเหลือ หญิงสาวปิดหน้าแล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น

สวิตช์ไฟดวงกลางห้องถูกกดเปิดจากมือของโซเฟียทันทีที่เธอได้ยินเสียงร้องไห้ของหลานสาวสุดที่รัก แล้วทั้งผู้เป็นยายและผู้เป็นแม่ก็ต้องยกมือขึ้นปิดปาก เมื่อใบหน้าสวยงามของผู้เป็นดวงใจทั้งซีดเซียว มีรอยคราบน้ำตาเป็นทางยาวเห็นได้ชัดจากเครื่องสำอางที่ถูกชะล้าง ดวงตาคมมีเสน่ห์น่ารักแดงช้ำเลอะไปด้วยคราบมาสคาร่า

“ยายดาเน่…เกิดอะไรขึ้น ลูกเป็นอะไรไป บอกแม่ซิ” มาเรียรีบปราดไปหาพร้อมกับคาดคั้น

ดอร์เซียสะอื้นอย่างปวดร้าว ต้องใช้เวลาอีกครู่หนึ่งกว่าจะเปล่งคำพูดออกมาได้ “มาร์ค…หนูไปหามาร์คมา แล้วเขา…” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า พูดต่อไม่ออก เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงมากจนแทบไม่อยากให้แม่กับยายรู้

โซเฟียอึ้งไปเมื่อหลานเอ่ยชื่อคนที่ควรจะอยู่ห่างที่สุด…ทำไมหลานเธอถึงได้อ่อนแอแบบนี้นะ ทั้งที่ผู้ชายเลวนั่นเป็นฝ่ายสลัดทิ้ง ก็ยังเที่ยวไปวนเวียนหาเขาให้ตัวเองต้องทุกข์ใจ

“ยังจะไปหามันทำไมอีก ลืมแล้วหรือไง มันทำให้ครอบครัวเราหายนะยังไง…แกไม่ควรไปยุ่งกับผู้ชายคนนี้นะ คอนสแตนตินก็สั่งห้ามไว้แล้ว…นี่แกเป็นบ้าไปแล้วหรือไง” มาเรียด่าว่าเป็นชุด มือที่ลูบหลังลูบผมเป็นการปลอบเปลี่ยนเป็นเขย่าไหล่แบบบางจนสั่นไหว

ดอร์เซียหัวเราะเสียงขื่นๆ “แม่กับยายก็รู้กันดีอยู่ว่าสถานการณ์ของเรามันย่ำแย่แค่ไหน…หนูก็เลยไปขอร้องเขา พยายามทำให้เขาใจอ่อน ไหนๆ เราก็เคยมีความสุขด้วยกันมาก แต่…” หญิงสาวเริ่มสะอึกสะอื้นขึ้นมาอีกครั้ง “…เขา เขาช่างใจดำและเลวร้ายเหลือเกิน”

โซเฟียจับกระแสความเจ็บปวดและไม่คาดคิดจากคำพูดปนสะอื้นของหลานสาวได้ หญิงชราใจคอไม่ดี รีบปราดเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้วซักเสียงแข็ง “บอกยายมานะ ไอ้มาร์คนั่นมันทำอะไรหลาน เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า…”

น้ำตาเม็ดโตไหลลงมาตามใบหน้าเป็นทาง ส่งผลให้แม่และยายที่มองอยู่หัวใจเหมือนถูกบีบรัด แล้วก็แทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อฟังประโยคต่อมา “…เขา…มาร์ค เขามีวิดีโอที่เรากำลังร่วมรักกัน เขาบอกว่าจะส่งลงอินเตอร์เน็ต ส่งไปให้พวกแท็บลอยด์ ถ้าเราไม่ให้คอนสแตนตินไปนัดพบกับเขาแล้วเคลียร์เรื่องหนี้สิน”

“ยายดาเน่…” สองเสียงของมาเรียและโซเฟียประสานกัน ก่อนที่คนเป็นแม่จะตรงเข้าไปทุบตีลูกสาวพร้อมกับร้องไห้ฟูมฟาย “แกทำแบบนี้ได้ยังไง…แก ทำไมถึงทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้ แม่กับยายก็ห้ามแกตั้งแต่แรกแล้วไม่ให้ไปยุ่งกับไอ้สารเลวนั่น บอกจนนับไม่ถ้วนว่ามันกำลังหลอกแกอยู่…ทำไม ทำไม” มาเรียสะอื้น “…แล้วแกยังไปมีอะไรกับมัน ซ้ำยังโง่ให้มันถ่ายไว้อีก”

ดอร์เซียปัดป้องมือของแม่ที่ทุบลงบนร่างอ่อนล้าของเธอไม่หยุด เธอเจ็บปวดไปหมดแล้วทั้งใจ แม่ยังมาซ้ำเติมด้วยการทำให้เธอเจ็บปวดทางร่างกายอีก “…หนูตกเป็นเหยื่อของทุกคนเลย” หญิงสาวตะโกน “…มาร์คมาคบหนูเพราะอยากทำลายคอนสแตนติน แต่หนูก็รักเขาและเขาก็ดีกับหนูมากจนหนูคิดว่าบางทีเขาอาจจะรักหนูขึ้นมาจริงๆ …เฮอะ แล้วใครให้พ่อฉวยโอกาสที่หนูกับมาร์คเป็นแฟนกันไปหน้าใหญ่มือเติบเล่นพนันไม่รู้จักประมาณตัวที่บ่อนของเขาล่ะ แล้วตอนนี้เป็นไง…ตอนนี้มันเป็นยังไง…หา?!” ยิ่งพูด ใบหน้าสวยคมก็บิดเบี้ยวด้วยอารมณ์โมโห คลุ้มคลั่ง

ดอร์เซียนึกไปถึงชายที่เคยทำให้เธอมีความสุขเหมือนอยู่ในสวรรค์และตอนนี้ก็ทุกข์ทรมานอยู่ในนรก…มาร์ค ซี เทตทำให้เธอซึ่งเคยคบหากับผู้ชายมาหลายคนรู้สึกหลงใหลรักใคร่อย่างสุดจิตสุดใจเป็นครั้งแรก ด้วยใบหน้าและเรือนร่างที่ราวกับเทพบุตรสักองค์มากกว่าเป็นชายมีเลือดเนื้อ เธอเดตกับเขาครั้งแรกก็ทานเสน่ห์เขาไว้ไม่ไหว ยอมมีสัมพันธ์กับเขาในคืนนั้นเอง และมันก็ทำให้เธอสุขจนแทบสำลัก ช่วงที่คบหากันเธอก็ยิ่งดิ่งลึกลงในเสน่ห์เขา ทั้งการเอาอกเอาใจ วาจาหวานหู และของขวัญดีๆ ที่ประเคนให้ไม่อั้น…เธอชอบไปกาสิโนของเขา ทั้งที่ย่านหรูที่เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ หรือบนเรือสำราญลำมหึมาที่จอดนิ่งอยู่ในทะเลอีเจียน เธอมักไปตั้งแต่หัวค่ำ เฝ้าคลอเคลียเขาไม่ห่าง หลังจากนั้นก็มีสัมพันธ์ร้อนแรงด้วยกันไม่หยุดหย่อนและกลับมาบ้านในเวลาเที่ยงของอีกวัน เป็นอย่างนี้เสมอจนเธอแทบไม่ได้เจอคนในบ้าน ไม่ได้ทำงานทำการ…แต่แล้วทุกอย่างก็จบลงภายในสองเดือนด้วยคำอธิบายง่ายๆ ว่าเขาเบื่อเธอแล้ว…ดอร์เซียใจแทบขาดในตอนนั้น รับความจริงไม่ได้ว่าอยู่ๆ อะไรๆ ที่เป็นไปได้ด้วยดีจะสะบั้นลงด้วยเหตุผลง่ายๆ ข้อเดียว…ตอนเช้าวันนั้นเขายังปรนนิบัติเธอบนเตียงด้วยการนวดน้ำมันหอมหลังอาบน้ำด้วยกันอยู่เลย…เขาช่างเย็นชาเหลือเกิน แต่เธอก็ลุ่มหลงเขาอย่างยิ่ง

นึกไม่ถึงการเลิกกับเขาไม่ใช่สิ่งเลวร้ายที่สุดที่ต้องเผชิญเพราะหลังจากนั้นมาร์คก็ส่งคนมาทวงหนี้ที่พ่อของเธอไปสร้างไว้ที่กาสิโนของเขาจำนวนมหาศาลโดยไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ที่เคยมีร่วมกัน ครอบครัวของเธอยอบแยบเต็มที ไม่มีเงินจะจ่ายคืนได้แม้แต่หนึ่งในสิบส่วน แม่กับพ่อเธอไปขอยืมเงินคอนสแตนติน เขาก็ปฏิเสธที่จะให้ถ้าไม่มีเหตุผลที่ดีพอ ซ้ำความคิดที่จะได้แต่งงานกับเขาก็ล้มเหลวเพราะนังผู้หญิงเอเชียนั่น…พอคนของมาร์คเร่งทวงเงินหนักเข้า เธอจึงไม่มีทางเลือกอื่น พาตัวเองที่ถูกสลัดรัก ถูกกระทำเหมือนสิ่งไร้ค่า บากหน้าไปขอความเห็นใจจากเขา คิดไม่ถึงว่ามาร์คจะเป็นผู้ชายไร้หัวใจ ไร้ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้ขนาดนี้

โซเฟียใบหน้าซีดขาว มองหลานสาวที่นั่งน้ำตานองหน้าอย่างทุกข์ใจ ยังไงก็ตามจะต้องไปหาเงินจำนวนนั้นมาให้ได้ แต่พอคิดถึงคนที่จะช่วยได้ เธอกลับยิ่งอัดอั้น

มาเรียพูดขึ้นในสิ่งที่แม่ของเธอกำลังคิดอยู่ “แล้วเราจะหาเงินมาจากไหนเป็นล้านๆ ยูโร ไอ้คอนสแตนตินใจดำนั่นหาเงินได้เดือนละเป็นสิบๆ ล้าน แต่กระเด็นมาถึงพวกเราไม่เท่าไหร่ ฌองไปขอความช่วยเหลือมันก็ปฏิเสธ บริษัทกำลังจะปิดตัวลง เงินชดเชยที่จะจ่ายให้พนักงานก็ยังไม่พอ บ้านที่โพรวองซ์ อพาร์ตเมนต์ที่ปารีส กับชุดเครื่องเพชรก็คงต้องเอาออกมาขายจนหมด คราวนี้ฉาวโฉ่กันไปทั้งวงสังคมแน่…” มาเรียยกมือขึ้นบีบขมับ ก่อนจะพูดต่อเสียงระโหย “…เราคงต้องขอความช่วยเหลือจากคอนสแตนติน เราต้องเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟัง เราไม่มีทางเลือกอื่น ยังไงเราก็ต้องบอก…”

โซเฟียไม่เห็นด้วย “ถ้าเราบอกคอนสแตนตินไป เรื่องต้องบานปลายแน่ เขาคงโกรธกับการกระทำของพวกเรามาก นิสัยไม่แคร์ใคร ไม่เห็นแก่ใครอย่างนั้น คงจะตัดความช่วยเหลือ ไม่ดูดำดูดีพวกเราอีกต่อไป บริษัทของฌองล้มแล้วแบบนี้ เราจำเป็นต้องหาหลักยึดไว้ อย่าทำให้คอนสแตนตินโกรธ…อีกอย่างคนอย่างคอนสแตนตินไม่ยอมให้ใครมาแบล็กเมล์หรอก…เขาจะต้องไปเผชิญหน้าและแก้แค้นมาร์ค เทต แล้วเราจะมั่นใจได้ยังไงว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาด ไม่มีรูป มีคลิปอัปยศออกมาให้อับอายยิ่งกว่าหมดเนื้อหมดตัวอีก…”

คราวนี้ดอร์เซียกับมาเรียกอดคอกันร้องไห้ หากโซเฟียยังมีสติ นิ่งคิดอะไรครู่หนึ่งก่อนจะพูดเสียงเรียบ

“เราคงต้องพึ่งยอร์โก้เสียแล้ว…”

“คุณยาย” ดอร์เซียอุทาน

“คุณแม่…อย่างยอร์โก้จะทำอะไรได้คะ” มาเรียโพล่งถามเสียงสูงอย่างไม่เชื่อ

สองแม่ลูกมองหน้าคนพูดอย่างขอคำอธิบาย…ยอร์โก้ไม่มีเงินมากขนาดนั้น ตอนนี้ถึงจะเป็นระดับผู้บริหารดูแลธุรกิจที่จีน แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจอะไร ต้องรับคำสั่ง ถูกตรวจสอบการทำงานไม่ต่างกับพวกลูกน้องรับเงินเดือน…แล้วแบบนี้จะมีปัญญาแก้ไขอะไรได้

โซเฟียมองหน้าลูกสาวและหลานสาวนิ่ง ก่อนจะพูดเสียงเรียบๆ อย่างมั่นใจ “ทำไมยอร์โก้จะไม่ดิ้นรนหาทางสุดชีวิตเพื่อช่วยน้องสาวคนเดียวในสถานการณ์แบบนี้…มาเรีย เธออย่าประเมินลูกชายต่ำไป ยอร์โก้ฉลาดและเข้มแข็งกว่าที่เขาแสดงออก ฉันดูหลานชายคนเดียวไม่ผิดหรอก”

 

เพลงพิณเอาจริงเอาจังกับการสำรวจปราสาท เธอเดินไปไหนก็มีผู้ช่วยทั้งสองขนาบซ้ายขวา และห่างออกไปเล็กน้อย บอดี้การ์ดมาดเข้มทั้งสี่ก็ตามติดคอยระวังภัยให้ทุกฝีก้าว และคนสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คืออันน่า หญิงรับใช้ส่วนตัวที่ดูจะช่างสังเกตไม่เบา ถึงได้รู้ว่าเพลงพิณโปรดปรานการกินมาก อันน่าจึงเตรียมขนม น้ำ ใส่ตะกร้าหิ้วตามคณะสำรวจไปด้วย…แต่ด้วยความที่ตะกร้าค่อนข้างหนัก เพลงพิณจึงสั่งให้สตีเฟ่น บอดี้การ์ดร่างใหญ่ที่สุดเป็นคนหิ้ว สตีเฟ่นไม่แย้งอะไร ยอมมาเดินตามหลังเพลงพิณเคียงข้างอันน่า ถือตะกร้าหูหิ้วที่ประดับริมด้วยลูกไม้ละเอียดหน้าตาเฉย และทุกครั้งที่อันน่าวัยยี่สิบหกปีบังเอิญหันไปมองชายหนุ่ม อีกฝ่ายก็มองกลับมาด้วยดวงตาเปล่งประกายกล้า สร้างความสะเทิ้นสะท้านให้หญิงสาวยิ่งนัก

ทั้งผนังและพื้นด้านในของปราสาทเป็นหินอ่อนทั้งหมด ไล่เฉดตั้งแต่สีออกขาว เทาอ่อน ไปจนถึงเทาเข้ม โครงสร้างยังแข็งแรงและเพิ่งมีการติดตั้งระบบไฟฟ้าและน้ำประปาชุดใหม่ที่ทันสมัยมากไปเมื่อสามปีก่อนนี้เอง…เพลงพิณคำนวณเวลาคร่าวๆ ที่ต้องใช้ในการแปลงโฉมปราสาททั้งหลัง คงไม่ต่ำกว่าสามสี่ปี คนที่ยังไม่มีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันอดคิดหวั่นนิดๆ ไม่ได้ว่าเธอเองกำลังทำอะไรที่เกินตัวไปมาก ถึงเธอจะมั่นใจและไฟแรงในความรู้ความสามารถของตัวเอง แต่ทุกครั้งที่แหงนคอตั้งบ่าดูเพดานของสิ่งปลูกสร้างที่กว้างใหญ่อายุหลายร้อยปีนี้ เธอก็อดรู้สึกไม่ได้ว่าตัวเธอนั้นเล็กจ้อยเหลือเกิน

นอกจากพื้นที่ด้านใน สิ่งที่สำคัญมากพอๆ กันคือรอบนอกปราสาทซึ่งกว้างขวางและเต็มไปด้วยรายละเอียด หญิงสาวคิดคร่าวๆ แล้วว่า เธอจะจัดสวนทั้งบนพื้นและบนแนวกำแพง จะเปลี่ยนสะพานเหล็กให้เป็นสะพานหินเพื่อให้เข้ากับกำแพงและตัวปราสาท นอกจากนั้นเธอยังอยากให้คูน้ำที่แห้งขอดกลับมีน้ำขึ้นเต็มอีกครั้ง สร้างจุดสนใจด้วยน้ำพุทรงสวยๆ และอาจเลี้ยงปลาหรือเลี้ยงห่านขาวสักห้าหกคู่…สิ่งที่เธอต้องการดูจะมีมากมายไปหมด แต่เธอก็รู้ว่าถ้าทำเองทั้งหมดจะเป็นเรื่องเหลือมือเกินไป จึงคิดจะปรึกษากับคอนสแตนตินเรื่องการจ้างนักพฤกษศิลปินชื่อดังชาวฝรั่งเศสมาร่วมงานด้วย แต่ช่วงนี้ท่านเคานต์แดร็กคิวล่าดูจะอารมณ์เสีย หน้าตาบูดบึ้งเหลือเกิน เธอคงต้องดูจังหวะให้ดีๆ

หลังจากสำรวจปราสาทหมดทุกชั้นยกเว้นชั้นสี่ที่ทุกวันคอนสแตนตินกับบรรดาผู้ช่วยจะใช้ทำงาน เพลงพิณก็ได้ข้อมูลคร่าวๆ ที่กำหนดไว้ หญิงสาวจดบรรดาข้อมูลและความคิดที่พุ่งปราดไปปราดมาลงในสมุดบันทึกเยินๆ เล่มโต ก่อนจะดึงหูฟังไอพอดที่ติดตัวตลอดเวลาออกจากหูแล้วถามอันน่าในสิ่งที่สงสัย

“อันน่า…ที่พักของอันน่าและคนอื่นๆ อยู่ไหนกันล่ะ ฉันไม่เห็นเลย…หรือว่ากลัวเจ้าของปราสาทอสูรจนต้องซ่อนตัวกันอยู่ในห้องลับ”

อันน่ายิ้มกับการกัดเล็กๆ น้อยๆ นั้น “อยู่ในหุบเขาเลยทุ่งด้านหลังปราสาทออกไปเจ้าค่ะ ใกล้ๆ กับทุ่งปลูกองุ่นเก่า…ที่นั่นจะมีบ้านหลังเล็กๆ และหอพักสี่ชั้นอีกสองหลังสำหรับคนงานทุกคนเจ้าค่ะ…ส่วนคนที่พักชั้นล่างของปราสาทก็จะมีคุณเอวานกับป้าไอริสแล้วก็พวกเชฟเจ้าค่ะ”

เพลงพิณสนใจขึ้นมาทันที “ว้าว ข้างหลังปราสาทมีทุ่งปลูกองุ่นด้วยเหรอ…ปลูกยังไงกัน ลมแรงจะตายไป”

“ถ้าตามเกาะต่างๆ ที่ลมแรง เราจะไม่ทำร้านให้องุ่นไต่เจ้าค่ะ แต่เรามีวิธีการขดต้นองุ่นให้เป็นวง จะได้ไม่โต้ลม พอองุ่นออกผลก็เก็บเกี่ยวได้ง่ายด้วยเจ้าค่ะ” อันน่าอธิบายด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มที่บ่งบอกว่าเจ้าตัวมีความรักในวิถีเก่าแก่ของคนพื้นถิ่น

“ว้าว เยี่ยมกู้ด หุบเขาเหรอ แบบนี้ต้องเอาม้าไปขี่ดูซะหน่อยแล้ว ขี่อยู่แต่ทุ่งข้างหลังนี้เอง ไม่ได้ควบไปไหนเลย น่าเบื่อชะมัด”

อันน่าเริ่มหน้าเสีย กลัวว่าตัวเองจะเป็นสาเหตุให้นายหญิงขัดคำสั่งท่านคอนสแตนติน แค่ทุ่งด้านหลังยังโดนโมโหใส่ไปขนาดนั้น แล้วนี่ไปถึงหุบเขา…อึ๋ย “แต่ท่านคอนสแตนตินไม่ให้คิริอาเพลงพิณขี่ม้าไปที่…”

เพลงพิณหันมาย่นคิ้วใส่ขณะเดินไปยังห้องต่อไป “ถ้าฉันไม่พูด อันน่าไม่พูด…แล้วทีมไม่พูด” ดวงตารูปเม็ดอัลมอนด์มองชายทั้งหกอย่างคาดคั้น ทุกคนก็พยักหน้ารับอย่างจำยอม “…แล้วม้าก็พูดไม่ได้…ท่านเคานต์จะรู้ได้ไงเล่า”

บอดี้การ์ดหันไปสบตากันเอง…รู้สึกขำกับสรรพนามที่นายสาวตัวเล็กใช้ ดูๆ ไปหญิงสาวไม่เหมือนกับเป็นภรรยาของผู้ชายคนไหนเลย ยังทำตัวไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นเลยสักนิด

เสียงเพลงเรียกเข้าทำนองคุ้นเคยดังขึ้น เพลงพิณละสายตาจากหน้าต่างกรุกระจกสีที่พิจารณาอยู่มาควานหาโทรศัพท์มือถือในย่ามที่สะพายเฉียง พอเธอเห็นชื่อคนที่โทรเข้าก็ร้องกรี๊ดกร๊าดเหมือนเด็กๆ “…เฮ้ อลัน…คิดถึงจังเลย”

เพลงพิณพูดไปหัวเราะไปตอบโต้กับปลายสาย สงสัยอลันเพื่อนรักของเธอคงจะเคลียร์งานเรียบร้อยและกำหนดวันเดินทางมาหาเธอได้แล้ว

 

“ทำไมไม่ไปกินกลางวันด้วยกัน…รู้ไหมว่าเอวานสงสัย ป่านนี้รีบแจ้นไปฟ้องย่ากับอาคุณแล้วมั้ง” เพลงพิณบ่นเมื่อเดินเข้ามาในห้องชุดแล้วเห็นคอนสแตนตินที่เบี้ยวข้าวกลางวันนั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเฉย

หญิงสาววางพี่บิ๊กแม็คของตัวเองลงยังโต๊ะเล็กไม่ห่างกันนัก ตั้งใจจะทำงานใกล้เขา เพราะมีเรื่องหลายเรื่องที่ต้องปรึกษาเจ้าของบ้านจอมดุ แต่ด้วยความที่กลัวว่าคอนสแตนตินจะหงุดหงิดโมโหเพราะความหิวแล้วมาพาลเอากับเธอ หญิงสาวเลยควานๆ มือลงไปยังย่ามใบโปรดแล้วหยิบแซนด์วิชแฮมชีสที่ค่อนข้างเบี้ยวแบนเล็กน้อยมาปัดๆ แล้วยื่นไปให้

“อะไร” คอนสแตนตินถามเสียงขุ่นเพราะกำลังต้องการสมาธิ ตอนแรกนึกว่าเธอเปิดเข้ามาแล้วจะเดินทะลุไปห้องนอนตัวเองเสียอีก แต่ดูจากท่าทางที่เปิดโน้ตบุ๊กแล้วคงจะปักหลักอยู่ที่นี่แน่…บ้าจริง

คนให้พ่นลมจากปากดังพรืด “ครัวซองต์มั้ง…โธ่ ก็แซนด์วิชไงเล่า…รีบกินสิ อดข้าวบ่อยๆ แก่เร็วนะรู้เปล่า…อ๊ะ รับไปสิ”

คอนสแตนตินถอนใจ เอื้อมมือไปรับอย่างตัดปัญหา แต่แล้วกลับเห็นสิ่งที่ทำให้ต้องถามออกไปเสียงขุ่นมัว “…แขนไปโดนอะไรมาอีกล่ะ…” มือแข็งแรงกระชากแขนเล็กมาดูรอยช้ำใกล้ๆ แล้วตวัดตามองรอยช้ำแบบเดียวกันที่แขนอีกข้าง “สองรอยเหมือนกันเลย…ไปทำอะไรมา”

เพลงพิณทำปากยื่น ดึงมือออก “ไม่รู้สิ ตอนตื่นก็เป็นแบบนี้แล้ว…แต่บางทีมันอาจเกิดจากที่คุณกระชากแขนแล้วทุ่มฉันลงที่นอนเมื่อวานนี้ก็ได้นะ”

คอนสแตนตินถลึงตาใส่ “ทำอะไรให้ระมัดระวังบ้าง…ร่างกายไม่ได้ทำจากเหล็กนะ”

เพลงพิณยักไหล่ ก่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ “ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกน่า…ฉันสบายดี ไม่มีอาการช้ำในสักกระติ๊ด”

คนตัวโตแย้งเสียงแข็งขึ้นมาทันที “ไม่ได้ห่วง…แต่รำคาญตา แล้วคนใช้ก็จะพากันนินทาว่าผมใช้กำลังกับคุณ”

ปากหยักเป็นกระจับแดงระเรื่อเม้มแน่น ดวงหน้ารูปหัวใจเชิดไปในอากาศ ก่อนจะตอกกลับกวนๆ “โอ๊ย รำคาญก็อย่ามามองสิ…แล้วถ้าเอวานหรือใครถาม ฉันจะบอกว่าเรามีกิจกรรมที่โลดโผนกันมากไปหน่อย ดีไหมล่ะ”

คอนสแตนตินไม่ตอบ เพียงแต่ถลึงตาดุๆ มองแบบไม่แน่ใจว่าจะฆาตกรรมคนปากกล้าเดี๋ยวนี้ดีไหม ฝ่ายเพลงพิณไม่ต้องการให้เขาคิดได้จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วจะกินไหมแซนด์วิชนั่นน่ะ…เสียของหมด”

คนถูกถามไม่ตอบ กลับแกะแซนด์วิชแล้วส่งเข้าปากเฉย เพลงพิณถอนใจเอือมๆ ก่อนจะจัดแจงลากเก้าอี้ตัวเล็กไปไว้บนพรม วางโน้ตบุ๊กชื่อพี่บิ๊กแม็คลงบนเก้าอี้ ส่วนตัวเองนั่งลงบนพื้นพรมแล้วรื้อสมุดสองสามเล่มออกมาจากย่าม เงยหน้าถามคนที่กินเสร็จเรียบร้อยแล้วและกำลังจ้องมองเธอเขม็ง

“ฉันมีอะไรจะถามคุณหน่อยนะ…ก่อนอื่น คุณคิดยังไงเรื่องทำถนนไปบ้านคุณอเล็กซิส”

คอนสแตนตินเลิกคิ้ว “นั่นมันข้ามเขาสองสามลูกและเส้นทางนับสิบๆ กิโลเมตรเลยนะ”

เพลงพิณยักไหล่ “แล้วไง…คุณก็มีเงินนี่…สร้างซะให้มันเสร็จๆ ไป สองครอบครัวจะได้ไปมาหาสู่กันง่ายขึ้น ไม่ใช่จะไปหากันทีก็เอา ฮ. ขึ้นเอา ฮ. ลงอวดรวยแบบนี้…อีกหน่อยคุณอเล็กซิสกับยายณิชก็คงมีลูก คุณก็คงมีครอบครัวมีลูก…เอ่อ” คนเสนอแผนงานแทบตบปากตัวเองสักเปรี้ยง รู้สึกหวั่นๆ เมื่อเห็นว่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยเคราเส้นสั้นๆ สีเข้มนั้นเครียดขรึม…ยายเพลงเอ๋ย แกนี่มันงี่เง่าจริง…ใครเขาพูดเรื่องมีลูกมีเต้ากับพวกเกย์ฮึ…

แต่คอนสแตนตินไม่ได้มีทีท่าจะลุกขึ้นมาทุบอก อ้าปากคำรามอะไร ได้แต่ตอบเสียงเรียบ “ขอคิดดูก่อน…ให้ผู้ช่วยทำรายงานเรื่องนี้มาด้วย จะได้พิจารณาชัดๆ”

เพลงพิณพยักหน้าเร็วๆ จนผมส่ายไปมา…ในใจนึกลุ้นให้เขาตอบตกลง…เธอคิดถึงณิชาเพื่อนรักจะแย่ ตอนนี้ณิชาติดเรียนคอร์สสั้นๆ ที่อังกฤษ อีกสองสามเดือนจึงจะกลับ ถ้าณิชากับอเล็กซิสมาอยู่ที่วิลล่าแล้ว เธอก็คิดจะไปหาเพื่อนบ่อยๆ แต่ดันติดปัญหากลัวการขึ้นเฮลิคอปเตอร์นี่แหละ จะเอาเรือไปก็ไม่ต่างกัน แถมต้องลงเขาวุ่นวายอีก…ถึงเวลาที่ต้องใช้ก่อสร้างจะยาวนานเป็นปี แต่อย่างน้อยหลังจากนั้นจนถึงวันที่สัญญาแต่งงานหมด ชีวิตเธอก็จะสะดวกขึ้น

มัวแต่คิด พอเห็นสายตาคอนสแตนตินจ้องมาแบบรำคาญที่เธอมานิ่งงันอยู่ตรงหน้า เพลงพิณก็รีบพูดเรื่องต่อไป “ก่อนจะไปเรื่องอื่น…ฉันขอบอกเรื่องนี้ก่อนละกัน…เอ่อ ฉันอยากชวนเพื่อนที่อเมริกาของฉันมาพักที่นี่สักสองอาทิตย์เพื่อช่วยงานออกแบบบางส่วน…ได้ไหม…จริงๆ นี่ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในผู้ร่วมงานที่ฉันต้องมีเหมือนกันนะ”

คอนสแตนตินหรี่ตา ถามเสียงห้วน “แล้วจะมาวุ่นวายอะไรกับผมไหม”

ตารูปอัลมอนด์ค้อนปะหลับปะเหลือก…นี่เขาคิดว่าตัวเองเป็นราชาแห่งแวมไพร์หรือไง ถือตัวชะมัด “ไม่หรอกน่า…มาตกแต่งปราสาทนะคะคิริเอคอนสแตนตินขา จะไปยุ่งกับคุณให้โดนกัดทำไมเล่า” หญิงสาวประชด และไม่ลืมหรี่เสียงให้เบาเมื่อถึงท้ายประโยค

“อยากจะทำอะไรก็เชิญ แต่ช่วยระวังกิริยามารยาทด้วย…อย่าให้คนรับใช้นินทาเอาได้” คอนสแตนตินสั่งเสียงแข็ง

แต่เพลงพิณไม่สนใจ ในอกเธอมันเบิกบานไปหมด…ตั้งแต่มาถึงกรีซยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยสักที่ อลันกับเธอชอบอะไรเหมือนๆ กัน ทั้งเรื่องออกแบบ เรื่องงานอดิเรก ซ้ำยังรู้ใจเข้าอกเข้าใจกันแทบจะเท่ากับเพื่อนๆ ในกลุ่มดอกไม้ที่เธอเคยตั้งกันสมัยเรียนประถม ซึ่งความจริงอลันก็เป็นหนึ่งในกลุ่มดอกไม้ได้ เพราะเขาเป็นชายมาดแมนที่มีใจเป็นหญิง เพลงพิณลอบมองคอนสแตนตินที่กำลังรัวนิ้วบนแป้นพิมพ์ด้วยใบหน้าบึ้งตึงสุดๆ…เกย์กับเกย์มาเจอกัน…อะไรมันจะเกิดขึ้นน้า

คอนสแตนตินในชุดคลุมสีดำเดินกลับไปกลับมาอยู่ในห้องนอนอย่างหงุดหงิด…ทำงานก็แล้ว ออกไปว่ายน้ำก็แล้ว ยังไม่รู้สึกเลยว่าความง่วงกำลังจะมาเยือน ดวงตาเขาแสบระคายไปหมดจากการใช้งานติดต่อกันนานเกือบยี่สิบชั่วโมง…พรุ่งนี้เขาก็มีประชุมออนไลน์กับทีมผู้ช่วยที่จีนแต่เช้า ถ้านอนไม่พอ คงไม่มีอารมณ์จะวิเคราะห์อะไร และคงจะหงุดหงิดไปทั้งวัน ใครที่บังเอิญทำเรื่องผิดพลาดต่อหน้าเขา คงเหมือนจุดชนวนระเบิดให้กระเจิดกระเจิงกันไปทั้งบริษัท

เขาต้องนอน…ตอนนี้เลยด้วย

เคร้งงง!

เสียงกระดิ่งตกกระทบพื้นห้องดังมาจากห้องของเพลงพิณอีกแล้ว คนที่หงุดหงิดหัวเสียเพราะนอนไม่หลับโมโหขึ้นมาติดหมัด ก้าวพรวดๆ ไปยังประตูที่เชื่อมระหว่างสองห้อง ประตูไม้ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงก้าวเข้าไปในห้อง แสงไฟอ่อนๆ จากมุมห้องทำให้ดวงตาคมดุเห็นเตียงสี่เสาที่มีมุ้งสีอ่อนล้อมรอบได้ชัดพอควร เจ้าของเตียงที่นอนชิดริมเตียงจนน่าหวาดเสียว ทำท่าควานๆ มือไปยังข้างเตียงคล้ายกับจะหาของ ปากก็บ่นงึมงำ ก่อนจะถอนหายใจเฮือกแล้วพลิกกายเปลี่ยนท่า จากนั้น…

พลั่ก!

เสียงเนื้อกระทบของแข็งดังขึ้นเมื่อแขนของร่างเล็กตวัดไปฟาดโดนเสาเตียง เพลงพิณสะดุ้งแล้วลุกขึ้นนั่งลูบแขนป้อยๆ พร้อมกับบ่นเป็นภาษาไทย

ลมหายใจหนักๆ ที่แสดงความรำคาญดังขึ้น ก่อนที่ร่างสูงจะเดินมาหยุดข้างเตียง “เป็นอะไรมากไหม…พูดภาษาอังกฤษสิเพลงพิณ” เสียงต่ำลึกถามห้วนๆ และออกคำสั่ง พลางแหวกมุ้งลูกไม้ละเอียดออกแล้วถามคำถามเดิมกับเจ้าของห้องอีกครั้ง

เพลงพิณยังคงหลับตา แต่ก็ตอบออกมาเสียงอ้อนเป็นภาษาอังกฤษ “เพลงเจ็บแขนอ่ะ…ตรงนี้ ตรงนี้” แขนเรียวนุ่มเนียนยื่นมาตรงหน้า มืออีกข้างลูบตรงจุดที่เจ็บแล้วร้องงึมงำ

คอนสแตนตินงงไปกับท่าทีของอีกฝ่าย เขาคาดว่าเธอจะร้องกรี๊ดกร๊าดเสียอีกที่เขาถือวิสาสะเข้ามา ซ้ำยังนั่งบนเตียงเธออีก แต่เธอกลับพูดกับเขาเสียงอ่อนเสียงหวาน…หากประโยคต่อมาของเพลงพิณก็ทำให้คอนสแตนตินเข้าใจ

“ปาปา…ใครเอาไม้มาตีเพลงไม่รู้…เจ็บมากเลย”

ยายบ้านี่ละเมอ!

คอนสแตนตินดึงแขนเล็กมาใกล้ๆ แต่กลายเป็นว่าเจ้าของแขนโผเข้าหาเขาพร้อมกับซุกหน้ากับอกกว้างนิ่ง เจ้าของอกถึงกับอึ้งไปหลายวินาทีจนลืมดันร่างเล็กออก สายตาคมกวาดมองสภาพเตียงของเพลงพิณคร่าวๆ เท่าที่แสงไฟอ่อนๆ จะอำนวย…มุ้งด้านหนึ่งเลิกเปิดขึ้น หมอนข้างเธอจะหล่นมิหล่นแหล่อยู่ข้างเตียง ผ้าห่มเป็นก้อนขยุกขยุยอยู่กลางเตียง ถึงแม้ว่าเตียงเธอจะกว้างขวาง แต่หญิงสาวนอนดิ้นผิดมนุษย์จนแขนไปฟาดเอากับเสาไม้แข็งๆ นั้นเข้า…ซ้ำยังขี้เซาไม่ยอมตื่นอีกทั้งที่เจ็บ ตอนเช้าเธอจึงไม่รู้ว่าแขนไปโดนอะไรมา

วิเศษจริงๆ ยายหัวฟูเอ๊ย…

คอนสแตนตินถอนใจ ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกเสียแล้วในการป้องกันไม่ให้เพลงพิณทำการฆาตกรรมตัวเธอเองในขณะหลับ ชายหนุ่มช้อนร่างเล็กที่หลับอุตุขึ้นแนบอกแล้วเดินออกมายังห้องนอนใหญ่ ปากได้รูปเม้มนิดๆ กับความแส่ไม่เข้าเรื่องของตัวเอง…เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ เธอนอนดิ้นขนาดนั้น แล้วเขาจะนอนหลับลงได้ยังไง ที่สำคัญ ตอนเธอตื่นมาจะต้องอาละวาดให้เขาแสบแก้วหูแต่เช้าแน่

…ก็ช่างหัวฟูๆ ของเธอปะไร เธอต้องเรียนรู้ได้แล้วว่าที่ปราสาทนี้เขาเป็นใหญ่ ถ้าเกิดเรื่องมาก ฤทธิ์เยอะนัก จะเอาไปขังในหอคอยตัดความรำคาญเลย…คอยดู

คอนสแตนตินทำท่าจะวางเพลงพิณลงชิดริมเตียง ก่อนจะเปลี่ยนใจขยับเข้าไปอีกนิด คนถูกย้ายที่นอนยังคงหลับตาพริ้มไม่มีทีท่าจะรู้สึกตัวสักนิด มือใหญ่จึงกระตุกผมเป็นลอนไปสองสามทีอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะเดินอ้อมมานอนอีกด้านของเตียง

ดวงตาสีน้ำเงินเข้มปิดลง แต่ยังไม่ทันจะนับแพะนับแกะบังคับให้ตัวเองหลับก็ต้องสบถอย่างหัวเสีย เมื่อเพลงพิณกลิ้งมานอนแนบข้างและยกขาขึ้นก่ายเกยตัวเขา คอนสแตนตินคำรามเบาๆ ใช้มือผลักร่างเล็กให้กลิ้งออกห่างไปอีกสองสามตลบแล้วพยายามทำสมาธิ ครู่เดียวเพลงพิณก็ยังพลิกตัวมาก่ายเกยเขาไว้อีก นอกจากนั้นเธอยังซุกหน้าเข้ามาตรงซอกคอเขาจนลอนผมนุ่มๆ เสียดสีกับปลายคางแกร่งแผ่วเบา ชายหนุ่มเม้มปากอย่างเดือดๆ แล้วผลักเธอแรงขึ้นกว่าเดิมพลางพลิกกายนอนตะแคง แต่เพียงอึดใจเดียวเรียวขาเล็กๆ ก็มาพาดเอวเขา แขนเล็กก็มาเกาะเกี่ยวเขาไว้อีก ใบหน้าเล็กถูไถไปมากับแผ่นหลังเปลือยเปล่า

กรอดดด!

เสียงกัดฟันอย่างข่มใจดังขึ้นเป็นระยะในความมืด ก่อนที่ร่างใหญ่โตจะเข้าสู่นิทราได้ง่ายอย่างไม่น่าเชื่อในเวลาต่อมา

 

“กรี๊ดดด” เสียงกรีดร้องและหมอนใบนุ่มที่ทุบตุ้บๆ มาบนร่างปลุกให้คอนสแตนตินที่กำลังหลับสบายสะดุ้งตื่น แล้วก็พบว่าเพลงพิณกำลังนั่งถือหมอนหน้าตาตื่นอยู่บนเตียงเขา ผมยุ่งชี้โด่ชี้เด่ สายเล็กๆ ของเสื้อเลื่อนหลุดมาที่ต้นแขน ดูน่าตลก

“ทำไมฉันมาอยู่ที่นี่…คุณทำอะไรฉันเนี่ย” เพลงพิณหอบแฮกๆ ถามโวยวาย มองคนที่เพิ่งลืมตาตื่นอย่างเอาเรื่อง แล้วตาก็แทบกระเด้งหลุดจากเบ้าเมื่อเห็นว่าคอนสแตนตินสวมเพียงกางเกงขาสั้นผ้ายืดสีดำที่ปกปิดอะไรแทบไม่มิด…หญิงสาวเลยหลับตาร้องกรี๊ดๆ ทุบหมอนตุ้บตั้บลงไปอีก

“เงียบซะที!” ชายหนุ่มกระชากหมอนเขวี้ยงไปข้างเตียงแล้วตวาดเสียงดัง จนร่างเล็กหยุดชะงักแล้วขยับถอยไปจนชิดริมเตียงเพื่อให้ห่างจากคนใบหน้าถมึงทึงที่ดูน่ากลัวมาก

หากชายหนุ่มเพียงปรายตาเย็นชามอง “คุณนอนละเมอ…”

“ไม่จริง…ฉันอาจจะนอนขี้เซา นอนดิ้น แต่ฉันไม่มีทางนอนละเมอขนาดนี้แน่” เพลงพิณเถียงคอเป็นเอ็น…ให้ตายก็ไม่เชื่อว่าตัวเองจะทำเรื่องขายหน้าแบบนี้

คอนสแตนตินหันมามองคนโวยวายด้วยดวงตาแฝงแววปริศนา ก่อนจะพูดเสียงเย็น “ถ้าไม่ได้ละเมอมาเอง…แล้วเป็นผมรึไงที่นึกพิศวาสไปอุ้มคุณมา”

หญิงสาวผงะไป มองซ้ายมองขวา มองหน้าดุๆ อย่างจับต้นชนปลายไม่ถูก นึกหาคำอธิบายที่มีเหตุผลไม่ได้ ก็เริ่มคิดว่าอาจจะเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ ใบหน้ารูปหัวใจซีดขาวสลับแดงด้วยความรู้สึกอัดอั้นและเก้อกระดาก

“งะ…งั้น ฉันขอโทษก็แล้วกัน ฉันจะกลับห้องแล้ว…แล้วจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก” หญิงสาวพูดตะกุกตะกัก คิ้วเรียวขมวดมุ่นเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่เกิดขึ้นมาจริงๆ…เธอนอนละเมอขนาดนั้นได้ยังไง

ใบหน้าครึ้มไปด้วยหนวดเคราพยักนิดหนึ่ง ก่อนเสียงวางอำนาจจะสำทับต่ออีก “ดี…แล้วเดี๋ยวผมจะให้คนเอาเตียงห้องอื่นมาเปลี่ยนเตียงสี่เสาของห้องคุณซะ”

เพลงพิณงงกับคำสั่งไม่มีที่มาที่ไปนั้น “เตียงเก่ามันเป็นอะไร…ไม่ ฉันไม่ยอมเปลี่ยน ฉันจะนอนเตียงเดิม” เตียงนั้นออกจะน่ารัก ดูเหมือนเตียงเจ้าหญิง เรื่องอะไรเธอจะยอมเปลี่ยน…ฮึ สงสัยตานี่รู้ว่าเธอชอบเตียงนั้นเลยอยากจะหาเรื่องแกล้งแน่ๆ…ร้ายกาจจริงๆ

คอนสแตนตินนิ่งไป คิดในใจว่าถ้าเขาอธิบายเหตุผล เธอคงโวยวายใหญ่โตแน่ เขาเลยทำเสียงรับรู้ในลำคอ ก่อนจะล้มตัวลงนอนเอามือประสานหัว

ถ้าเธออยากจะนอนเอาแขนฟาดเสาเตียงจนกระดูกหักก็เรื่องของเธอ

“ตามใจ…ถ้างั้นก็ออกไปได้แล้ว…ปิดประตูให้สนิทด้วย อย่าให้แสงลอดเข้ามา” เจ้าของเตียงสั่ง ปรายตาไปยังข้างเตียงเหมือนจะไล่คนที่นั่งอยู่

เพลงพิณร้องฮึในคอ รู้สึกหมั่นไส้ท่าทางข่มขวัญ เย็นชาของเขาจริงๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร เลยได้แต่ฮึดฮัดแล้วกลับไปยังห้องนอนตัวเอง

พอเสียงประตูห้องปิดลง ดวงตาของคอนสแตนตินก็วาววับขึ้นอย่างประหลาด…สองครั้งแล้วที่เพลงพิณนอนเตียงเดียวกับเขา และทั้งสองครั้งเช่นกันที่เขาหลับสนิทตลอดคืน…ความเชื่อมโยงระหว่างร่างเล็กบางที่เดินตึงๆ กลับไปนั่นกับการนอนหลับของเขาจะมีอะไรเกี่ยวข้องกันหรือเปล่า เขายังไม่แน่ใจ…คงต้องลองพิสูจน์ดูอีกคืน

 

หลังจากนั้นในทุกเช้า เพลงพิณก็ตื่นขึ้นมาบนเตียงคอนสแตนตินแบบลึกลับ ที่แย่คือเธอตื่นขึ้นมาในสภาพที่ย่ำแย่มาก ร่างกายไปทาบทับก่ายเกยบนตัวหนาๆ บึกบึนที่เกือบจะเปลือยเปล่านั้นราวกับเป็นเถาวัลย์รัดเกาะต้นไม้ยักษ์ แต่เพลงพิณยังขอบคุณสวรรค์อยู่บ้างที่ทุกครั้งที่เธอตื่นขึ้นมา คอนสแตนตินยังนอนหลับสนิท เธอจึงไม่ต้องหน้าแตกมาก…คนนอนละเมอหลุดโลกคิดหัวแทบแตกก็ไม่รู้สึกเลยว่าตัวเองจะอาการหนักขนาดนั้น มันมีหลายขั้นตอนมาก ทั้งลงจากเตียงตัวเอง เปิดประตู แล้วมาปีนขึ้นเตียงสูงๆ นี่อีก…แต่ถ้าไม่ใช่อาการละเมอ เธอก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร และที่น่าไม่สบายใจก็คือเธอเริ่มชินกับสถานการณ์ประหลาดๆ นี้จนไม่ร้องกรี๊ด ไม่โวยวายอะไรอีก ได้แต่ลุกจากตัวเขาอย่างระมัดระวัง คลานลงจากเตียง และกลับไปที่ห้องตัวเองเงียบๆ

หญิงสาวไม่ชอบใจกับเรื่องที่กำลังดำเนินอยู่นี่เลย เธอต้องหาทางแก้ไขให้ได้โดยเร็วที่สุด

 

เพลงพิณขอติดกลอนที่ประตูห้อง หวังว่าเวลาเธอละเมอๆ แล้วถอดกลอนไม่ได้ เธอจะได้กลับไปนอนที่เตียงตัวเองเหมือนเดิม แต่คอนสแตนตินไม่อนุญาต คำรามใส่เธอว่าให้ใช้หัวคิดหน่อยว่าถ้าคนรับใช้หรือเอวานรู้ว่าเธอติดกลอนในห้องนอนตัวเอง…มันจะสะท้อนชีวิตแต่งงานว่ายังไง

หญิงสาวคิดหาวิธีอยู่พักใหญ่ จนในที่สุดก็คิดได้วิธีหนึ่ง

 

คืนที่เจ็ดหลังจากเพลงพิณเป็นโรคนอนละเมอขั้นร้ายแรง คอนสแตนตินกำลังนั่งพิงหัวเตียงอ่านแฟ้มรายงานสามสี่แฟ้มอยู่บนเตียงทั้งที่ปกติชอบทำงานในห้องนั่งเล่นหรือห้องทำงานมากกว่า ดวงตาคมดุตวัดมองนาฬิกาเห็นว่าเกือบห้าทุ่มแล้วก็เผยยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก…เพลงพิณนอนตรงเวลาเสมอ อีกสักชั่วโมงเธอก็หลับสนิท

…แล้วเธอก็คงละเมออีก หึๆ

แต่พักใหญ่ต่อมา คิ้วหนาๆ ก็ต้องเลิกสูงขึ้น เมื่อประตูเชื่อมสองห้องเปิดออก แล้วเพลงพิณในชุดนอนสีส้มสลับขาวพิมพ์ลายลิงยิ้มก็เดินลากผ้าห่มกับหมอนเข้ามาในห้องเขา ก่อนจะโยนสิ่งของทั้งหมดลงบนเตียงอีกด้าน

“จะทำอะไร” เจ้าของห้องและเจ้าของเตียงถามเสียงแข็ง จ้องเขม็งไปยังร่างเล็กผมเป็นลอนเคลียต้นคอที่กำลังง่วนกับการจัดที่จัดทางบนเตียงเขา

ดวงหน้ารูปหัวใจที่ขาวนวลหอมกรุ่นไปด้วยแป้งเด็กงอง้ำ ตบหมอนดังป้าบๆ ระบายอารมณ์ขุ่นข้อง “ฮึ…ขอโทษละกันที่มารบกวน ฉันเบื่อกับการนอนละเมอของตัวเองเต็มทีแล้ว คืนนี้ฉันเลยจะนอนที่นี่”

คอนสแตนตินงงจัด มองหญิงสาวที่กำลังปีนขึ้นเตียงของเขาตาปริบๆ “เธอ…จะทำอะไรนะ”

หญิงสาวถอนหายใจฟืดฟาดอย่างหงุดหงิด ถึงเขาจะรู้ว่าเธอละเมอมานอนที่เตียงเขาและก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่เขาก็ยังไม่ได้รู้ลึกไปว่าเธอทำเรื่องน่าอายขนาดไหนกับร่างเขา พูดแล้วก็น่าแปลกว่าคนที่คอยแต่จะบอกเธอปาวๆ ว่าตัวเองนอนหลับยากและตื่นง่าย ทำไมนอนหลับเป็นตายขนาดนั้น…นี่ถ้าท่านเคานต์แดร็กรู้เข้าว่าเธอใช้ร่างหนาๆ ของเขาต่างที่นอน ใช้เอวเขาต่างหมอนข้าง ใช้ซอกคอเขาต่างตุ๊กตาหมี คงเกิดเรื่องใหญ่โต…เพราะงั้นเธอเลยต้องตัดไฟแต่ต้นคืน

หญิงสาวเหลือบมองหน้าบึ้งๆ ของเพื่อนร่วมเตียง เสียงเล็กใสขุ่นข้อง “แก่แล้วหูตึงหรือไงเล่า…ฉันบอกว่าคืนนี้จะนอนที่นี่”

“ทำแบบนี้ทำไม” เสียงทุ้มห้วนสนิท

เพลงพิณส่งเสียงจิ๊จ๊ะในคอ ล้มตัวลงนอนตะแคงชิดริมเตียงแล้วชักผ้าห่มมาคลุมตัว “…ก็ถ้าฉันนอนอยู่ที่นี่อยู่แล้ว กลางคืนเวลาฉันละเมอก็จะได้เดินกลับไปห้องตัวเองไงเล่า…แค่เนี้ย ทำเป็นคิดไม่ออก”

เธอเอาสมองส่วนไหนคิดวะเนี่ย! คอนสแตนตินอุทานในใจ มองก้อนผ้าห่มเล็กๆ ที่ดิ้นยุกยิกเหมือนหาท่านอนที่ถูกใจแล้วส่ายหน้า ถอนหายใจแล้วหยิบแฟ้มงานที่เหลือมาเปิดอ่าน

มาเองแบบนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องเปลืองพลังงานไปอุ้มมา!

งานที่คอนสแตนตินต้องทำลดลงเรื่อยๆ ตามเวลาที่เดินไป แล้วบุรุษรัตติกาลที่มักจะตื่นอยู่ตลอดคืนก็เริ่มรู้สึกว่าหนังตาหนักขึ้น หนักขึ้น…จนต้องหาวออกมาเสียงเบา แล้วเหลือบมองยานอนหลับส่วนตัวที่ตอนนี้กลิ้งมานอนฝั่งเขาเรียบร้อยแล้วด้วยแววตาล้ำลึกปริศนา

 

โปรดติดตามตอนต่อไป…

หน้าที่แล้ว1 of 16

Comments

comments

Jamsai Editor: