ฮูหยินผู้เฒ่าหานมีความเชื่อเรื่องภูตผีวิญญาณ ด้วยเหตุนี้ทุกครั้งเมื่อถึงวันที่สิบห้าเดือนเจ็ด นางก็จะให้บ่าวรับใช้ไปเผากระดาษเงินกระดาษทองริมแม่น้ำ ลอยเรือพับกระดาษเพื่ออธิษฐานขอพร
ปีนี้ก็เช่นกัน ขณะที่กินมื้อเช้าอยู่นางก็บอกกับบุตรชายว่า “ปีนี้พับเรือให้มากหน่อย เพิ่มพวกโคมไฟด้วย และระหว่างทางต้องคอยเผากระดาษเงินกระดาษทอง”
เจ้าบ้านสกุลหานล้วนรับปาก “อีกเดี๋ยวข้าให้เซี่ยฟั่งไปจัดการ”
ฮูหยินผู้เฒ่าหานเมื่อได้ยินชื่อของเซี่ยฟั่งแล้วก็กล่าวว่า “อิ่มแล้ว อันหมัวมัวพยุงข้ากลับเรือน”
รอฮูหยินผู้เฒ่าไปแล้ว หานฮูหยินจึงบ่น “ท่านแม่ไม่ชอบเซี่ยฟั่ง ก็เพราะส่งตัวญาติห่างๆ ผู้นั้นออกไป แล้วให้เซี่ยฟั่งเป็นพ่อบ้านแทน ท่านแม่ก็ช่างเหลือเกิน ลุงฉางคนนั้นทั้งเลอะเลือนทั้งเชื่องช้า ไม่เหมาะจะเป็นพ่อบ้านสักนิด”
เจ้าบ้านสกุลหานชำเลืองมองนางแกมรำคาญแวบหนึ่ง เมื่อก่อนตอนที่แต่งงานกับนาง นางมิใช่คนช่างพูดช่างบ่นเช่นนี้ ยามนี้เขาจึงยิ่งรำคาญใจ กินไม่กี่คำก็ลุกออกไป
หานฮูหยินเห็นท่าทีหงุดหงิดของสามีแล้วก็มิได้รู้สึกตัวใดๆ นางยังคงกินจนอิ่มหนำเหมือนปกติ
เซี่ยฟั่งให้บ่าวรับใช้ในเรือนกว่าครึ่งไปพับเรือกระดาษตามคำสั่งของฮูหยินผู้เฒ่าหาน และเตรียมกระดาษเงินกระดาษทองให้พร้อม ขณะที่ตรวจงานเหล่าสาวใช้ก็ทยอยเงยหน้าขึ้นแล้วมองเขาด้วยสายตาแปลกๆ ทว่ากลับไม่มีใครพูดอะไร เซี่ยฟังเองก็ไม่รู้ว่าพวกนางอยากบอกอะไรจึงมิได้เก็บมาใส่ใจ
เมื่อถึงช่วงพลบค่ำ สาวใช้เหล่านั้นก็ยิ่งปรากฏตัวต่อหน้าเขาถี่ขึ้น เซี่ยฟังสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ จึงเอ่ยปากถามไป “พวกเจ้ามีเรื่องอะไรจะพูดกับข้าหรือ”
เหล่าสาวใช้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ท้ายที่สุดก็ไม่มีใครได้เอ่ยปาก ต่างพากันแยกย้ายไปด้วยความผิดหวัง
พ่อบ้านผู้เฉียบขาดไม่เห็นแก่หน้าใครผู้นี้ ไม่ว่าจะขอร้องอะไรเขาก็ล้วนเปล่าประโยชน์
เซี่ยฟั่งเมื่อไม่ได้รับคำตอบก็รู้สึกประหลาดใจ ขณะคิดว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นเรื่องที่ข้องใจของตนเองแล้ว จู่ๆ ชุ่ยหรงก็ยกมือขึ้นกุมหน้าอก ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นปิดปากเดินเข้ามาใกล้ ท่าทางของนางดูอิดโรยอ่อนแรง เห็นเขาแล้วดวงตาคู่สวยก็สะท้าน น้ำตาเอ่อคลอเบ้า “พ่อบ้าน…ข้าอยากขอลากับท่าน วันนี้ขอไม่ออกไปลอยเรือพับแล้ว ข้า…ไม่สบาย”
เซี่ยฟั่งคิดแล้วกล่าวตอบ “เช่นนั้นเจ้าอยู่ที่คฤหาสน์”
ชุ่ยหรงคิดไม่ถึงว่าจะสำเร็จโดยง่ายดายเช่นนี้ ใครๆ ต่างก็บอกว่าเซี่ยฟั่งนิสัยประหลาดใจแข็ง ทว่าเขาที่อยู่ตรงหน้านางนี้ไหนเลยจะเป็นคนเช่นนั้นได้ หัวใจดวงน้อยของหญิงสาวจึงเสมือนลอยขึ้นจากธารน้ำเขียวใส “ขอบคุณพ่อบ้าน”
กล่าวจบนางก็ไม่ได้รีบร้อน ยังคงเยื้องย่างอย่างเชื่องช้า เดินไปเพียงสองก้าวก็หันกลับมามองเขา จนเซี่ยฟั่งมึนงง วันนี้สาวใช้ในสกุลหานทำตัวกันแปลกๆ ทั้งนั้น
คิดยังไม่ทันจบก็มีคนหิ้วตะกร้าใส่ธูปเทียนและกระดาษเงินกระดาษทองออกจากเรือนอีกฝั่ง เซี่ยฟั่งมองเห็นนางก่อน แต่เหมือนนางจะมองไม่เห็นเขา เขาอยากทักทายนาง ทว่าไม่รู้ด้วยเหตุผลใดจึงยังลังเล
เวลาชั่วพริบตาที่เซี่ยฟั่งลังเลอยู่นั้น หางตาของอาเหม่าพลันเหลือบมาเห็นว่ามีคนยืนอยู่บนทางแต่กลับไม่พูดจา ทำเอานางสะดุ้งตกใจ ทว่าเมื่อพินิจมองอย่างละเอียดแล้วก็พบว่าเป็นเซี่ยฟั่ง
ความตื่นกลัวบนดวงหน้าสวยจึงหายไปทันที นางตบหน้าอกเบาๆ พลางกล่าว “ตกใจหมดเลย”
เซี่ยฟั่งอดกล่าวไม่ได้ “แสงไฟที่นี่ก็ออกจะสว่างไสว หน้าตาข้าก็ไม่ได้น่าเกลียดน่ากลัวขนาดนั้น”
อาเหม่าหลุดหัวเราะ นัยน์ตาเป็นประกายดุจคลื่นน้ำ “พ่อบ้านลืมแล้วหรือว่าวันนี้เป็นวันอะไร ต่อให้แมวตัวหนึ่งวิ่งผ่าน ข้าก็ยังตกอกตกใจ”
เซี่ยฟั่งถึงเพิ่งรู้สึกตัว เขาเข้าใจท่าทีบ่าวรับใช้วันนี้แล้ว “มิน่าวันนี้พวกเจ้าถึงพากันมองข้า ชุ่ยหรงเองก็แกล้งป่วยอยู่ในคฤหาสน์ เพราะไม่อยากออกไปข้างนอกใช่หรือไม่”
“ท่านเพิ่งมาเข้าใจตอนนี้หรอกหรือ” อาเหม่าตะลึง ที่แท้เซี่ยฟั่งไม่ได้เข้าใจกระจ่างแจ้งไปเสียทุกเรื่องหรอกหรือ แต่เมื่อมาคิดดูแล้ว เรื่องที่เกี่ยวกับหญิงสาวเช่นนี้…นางจึงอดมองสำรวจเขาแวบหนึ่งไม่ได้ ดูท่าทางก็อายุยี่สิบกว่าปีแล้ว เขาไม่เคยสนิทกับหญิงใดมาก่อนเลยหรือ
จู่ๆ เซี่ยฟั่งที่เข้าใจแล้วก็กล่าวถามขึ้น “เจ้ากลัวหรือไม่ ถ้ากลัวก็อยู่ที่คฤหาสน์เถอะ ในคฤหาสน์ยังต้องมีคนอยู่รับใช้ฮูหยินผู้เฒ่า นายท่าน และฮูหยินอีกหลายคน มีเพียงชุ่ยหรงที่ยังอยู่ เช่นนั้นจึงขาดคนที่เรือนฮูหยินผู้เฒ่าอีกหนึ่งคน”
อาเหม่าย่อมกลัวแน่นอน นางกลัวสิ่งลี้ลับพิศวงเหล่านั้นจับใจ ธูปเทียนที่ถืออยู่ในมือก็สะท้อนกลิ่นอายวิเวกวังเวง ทว่านางยังคงกัดฟันตอบ “ไม่กลัว แต่ข้ารู้ว่าเถาฮวาเป็นคนขวัญอ่อนมาก ข้ากลัวว่านางจะตกใจจนเป็นลมล้มพับ…อีกเดี๋ยวกระดาษเงินกระดาษทองต้องปลิวว่อนฟ้า ซ้ำต้องมีแต่คนรำพึงรำพันเต็มถนนแน่ คิดแล้วก็น่ากลัว”
“เช่นนั้นข้าจะให้เถาฮวาอยู่” เซี่ยฟั่งไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าคำพูดของอาเหม่าล้วนบรรยายจากความรู้สึกของนางเอง เขาเพียงหันกลับไปตัดชื่อของเถาฮวาออก
เข้ายามโหย่วเซี่ยฟั่งก็ให้บ่าวรับใช้นำธูปเทียนออกไปสักการะวันสารท