Jamsai
ทดลองอ่าน เกมล่าเดิมพันรัก บทที่ 1
บทนำ
แม่น้ำเทมส์ กรุงลอนดอน
ใบไม้สีเขียวปลิวไหวลู่ลม ไม่บ่อยนักที่จะมีแสงแดดลอดผ่านช่องรับแสงเข้ามาส่องสว่างไปทั้งห้อง
หญิงสาวกำลังแบกบันไดอะลูมิเนียมเดินลงจากดาดฟ้าเรือ เธอมองเห็นแสงแดดที่ส่องสว่างไปทั่ว
หากเทียบกับเรือบรรทุกที่ดัดแปลงมาเป็นบ้านเรือทั่วๆ ไปแล้ว เรือลำนี้จัดว่าดัดแปลงออกมาได้เป็นบ้านเรือขนาดใหญ่ แต่กลับมีรูปแบบที่เรียบง่าย จากดาดฟ้าเรือลงมานั้น ด้านหน้าเรือเป็นออฟฟิศที่ยกพื้นสูง มีห้องอาหารและห้องครัวแบบเปิดโล่ง พื้นที่ด้านหลังมีทางเดินคั่นกลางระหว่างห้องนอนสองห้อง ส่วนท้ายเรือมีห้องอาบน้ำอีกหนึ่งห้อง
ทางซ้ายของออฟฟิศมีตู้ไม้เก่าๆ ที่ยังดูแข็งแรงและมั่นคงตั้งอยู่ ใช้เก็บแฟ้มคดีต่างๆ ในรอบหลายปีที่ผ่านมาไว้อย่างเป็นระเบียบ ถัดจากตู้ไม้ไปก็คือบาร์โหนซึ่งติดอยู่เหนือหน้าต่างเรือ บนพื้นมีดัมเบลล์วางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
ทางขวาของออฟฟิศมีโซฟาหุ้มหนังวัวทรงโบราณตั้งอยู่ มันเป็นโซฟาที่เก่ามาก เก่าถึงขนาดที่สปริงก็ไม่เด้งแล้ว และหนังหุ้มโซฟาก็ไร้ความมันวาว แม้ว่าเธอพยายามตั้งใจดูแลมันเป็นอย่างดี แต่ก็ไม่อาจฝืนกาลเวลาและการใช้งานอย่างสมบุกสมบันของผู้ชายคนนั้นได้ บนโซฟาจึงปรากฏร่องรอยยับย่นเต็มไปหมด
โซฟาไม่อาจรองรับเขาได้ทั้งตัว แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงได้ชอบนอนบนนี้นัก โซฟาตัวนี้ยุบลงเป็นรูปร่างคนก็เพราะเขานี่แหละ
บางทีเธอควรจะเปลี่ยนหนังหุ้มโซฟาและเปลี่ยนสปริงใหม่เสียที
แต่เมื่อมองรอยยุบๆ นั่นเธอก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็แบกบันไดอะลูมิเนียมเดินเข้าไปกางไว้ใต้โคมไฟที่แขวนอยู่ใต้ช่องกระจกรับแสง ปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลอดไฟหลอดใหม่แทนหลอดเก่าที่ชำรุด
จากนั้นเธอก็เก็บบันไดแล้วเปิดช่องรับแสงบานหนึ่งเพื่อให้ลมเข้ามา เธอเดินมาถึงห้องครัวแบบเปิดโล่ง วางผักสดที่เพิ่งล้างสะอาดให้สะเด็ดน้ำ แล้วเริ่มซอยแครอต แตงกวาและหัวหอมให้เป็นเส้นๆ
ฝีมือการทำครัวของเธอไม่ได้ดีมากนัก ทำได้ก็เพียงแค่อาหารพื้นๆ ทั่วไปเท่านั้น สลัดนับเป็นอาหารเพียงไม่กี่อย่างที่เธอถนัด และโชคยังดีที่เขาไม่ใช่คนเลือกกิน
เธอชอบยืนทำสลัดอยู่ตรงนี้เพราะเธอสามารถรับรู้ถึงสายลมที่พัดเข้ามาจากหน้าต่างช่องรับแสง และรู้สึกได้ถึงแดดในฤดูหนาวที่พบได้ไม่บ่อยนักซึ่งส่องลอดมากระทบตัว
เธอหั่นมะเขือเทศเป็นชิ้นๆ พลางแกะผักกาดหอมสีเขียวสดออก แล้วค่อยวางผักทั้งหมดลงไปผสมกันในชามใบใหญ่ เติมน้ำมันมะกอกลงไป ตามด้วยน้ำมะนาวและพริกไทยดำ แล้วค่อยเด็ดใบมิ้นต์กับโหระพาฝรั่งจากกระถางต้นไม้เล็กๆ ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ทำอาหารมา ซอยเป็นชิ้นเล็กๆ โรยลงไป จากนั้นค่อยแบ่งลงกล่อง ใส่เข้าไปในตู้เย็นที่อัดแน่นไปด้วยข้าวของตั้งแต่ต้น
สลัดพวกนี้อย่างมากก็กินได้แค่สามวันเท่านั้น ทว่าในตู้เย็นก็ยังมีอาหารพวกเนื้อตุ๋นกับผักต้มแช่แข็งที่มากพอให้เขากินไปสักสิบวันหรือครึ่งเดือนเลย
หลังจากปิดตู้เย็นเรียบร้อยเธอก็ลงมือทำความสะอาดเคาน์เตอร์ทำอาหาร มองไปรอบๆ ห้องจนแน่ใจว่าได้ทำทุกอย่างที่ควรทำเรียบร้อยแล้ว
สายตาเธอพลันถูกนิตยสารเล่มนั้นดึงดูดไปอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว
หน้าปกของนิตยสารเป็นรูปสาวสวยคนดังที่มีสีหน้าสิ้นหวังคนหนึ่ง กำลังถูกชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่กอดไว้แนบอก
นี่เป็นรูปที่พวกปาปารัซซี่แอบถ่ายมาได้ ปาปารัซซี่ผู้นี้มีฝีมือในการถ่ายภาพที่เป็นเลิศ ภาพคฤหาสน์หรูที่ถูกไฟไหม้กับกลุ่มควันเพลิงที่ลอยขึ้นทำให้ภาพนี้ดูเหมือนโปสเตอร์หนัง แต่น่าเสียดายที่ชายคนนั้นไม่ได้หันมามองกล้อง เขาสามารถหลบการจับภาพของปาปารัซซี่ได้ทัน จึงเห็นเพียงแต่ใบหน้าของเซเลบสาวผู้บอบบางได้ชัดเจนอย่างน่าแปลกใจ อาจเป็นเพราะเป้าหมายสำคัญของพวกปาปารัซซี่ก็คือเธอคนนั้น
ถึงเซเลบสาวในภาพจะยังอยู่ในอาการตกใจ แต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแม้เพียงปลายก้อย ทั้งยังมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่เต็มไปความศรัทธาและไว้ใจ
เธอเข้าใจสายตาเช่นนั้นเป็นอย่างดี และเธอก็คุ้นเคยกับสายตาของผู้คนที่มองเขาอย่างชื่นชมหลังจากที่ตัวเธอเองก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากเขา
เธอเผลอยื่นมือไปสัมผัสรูปชายหนุ่มบนนิตยสารนั่นอย่างไม่รู้ตัว
เขาไม่ได้กลับมาตลอดทั้งคืน เธอรู้ว่าเขาสามารถหาเตียงที่อบอุ่นและพร้อมจะต้อนรับเขาได้ทุกที่ทุกเวลาซึ่งมันช่างแตกต่างกับเธอ เตียงที่อบอุ่นสำหรับเธอคือที่นี่เท่านั้น
ไม่ใช่ว่าบ้านเรือทุกลำในแม่น้ำสายนี้จะมีตู้เย็นและฮีตเตอร์ไฟฟ้า เนื่องจากเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งสองนี้กินไฟมาก เมื่อหลายปีก่อนลูกค้าคนหนึ่งได้มอบตู้เย็นให้ ส่วนลูกค้าใจดีอีกคนก็ช่วยติดตั้งฮีตเตอร์ไฟฟ้า แล้วยังมีลูกค้าอีกคนช่วยติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์บนเรือลำนี้ให้อีก ซ้ำยังมีลูกค้าใจดีอีกคนที่ช่วยตกแต่งเรือทั้งลำให้ฟรีๆ อีกด้วย
ตอนแรกๆ เป็นเพราะมีลูกค้าที่ไม่อาจจ่ายค่าจ้างได้ จึงได้ใช้แรงงานหรือข้าวของมาจ่ายแทน บางครั้งเขาก็เห็นว่าอีกฝ่ายกำลังลำบากจึงไม่ได้เร่งรัดทวงเงิน ต่อมาเมื่อลูกค้าเหล่านั้นผ่านวิกฤติไปได้และร่ำรวยขึ้นมาก็จะนำสิ่งของที่เขาน่าจะต้องการมามอบให้
ไม่ว่าจะเป็นตู้หนังสือ โซฟา ราวแขวนหมวก บันไดอะลูมิเนียม ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นของที่คนอื่นให้มาทั้งนั้น แม้แต่ผักผลไม้สดพวกนี้ก็ยังเป็นของที่คนให้มาเหมือนกัน เขาสามารถอยู่ได้สบายๆ เพียงลำพัง
ก่อนที่เธอจะมา เขาก็มีชีวิตที่อยู่มาได้ด้วยดีโดยตลอด…เธอบอกกับตัวเอง
เธอมาที่นี่เมื่อห้าปีก่อน เขาสอนเรื่องต่างๆ ให้เธอมากมาย ให้เธอจัดการธุระน้อยใหญ่แทนเขา เธอทำหน้าที่เก็บกวาดออฟฟิศบนเรือลำนี้ที่อยู่ในแม่น้ำเทมส์จนสะอาดสะอ้าน ช่วยเขาจัดเก็บเอกสาร รับงานให้ ยื่นภาษีแทน จัดทำบัญชี รวบรวมข้อมูล จัดการกับลูกค้าที่รับมือได้ยาก ซ่อมแซมบ้านเรือ บางครั้งก็ช่วยตามทวงเงินกับลูกค้าที่เหนียวหนี้ที่รู้ว่ามีเงินแต่ไม่ยอมจ่าย
เธอมีความสามารถในการทวงหนี้ ซึ่งก็เป็นความสามารถเพียงไม่กี่อย่างของเธอ
เธอเรียนรู้ทุกเรื่องที่สามารถทำได้ และเธอยังชอบทำงานพวกนี้อีกด้วย ไม่ว่าจะถูพื้น จัดเก็บเอกสาร หรือดูแลให้เรือลำนี้ยังคงเดินเครื่องได้ตามปกติ
เธอเองก็ไม่รู้ว่าเธอยังต้องห่วงอะไรเขา ที่ผ่านมาชายคนนั้นดูจะเข้าใจโลกมากกว่าเธอเสียอีก
ในเวลานั้นเอง หน้าจอโทรศัพท์มือถือบนโต๊ะก็สว่างขึ้น เธอมองเห็นเบอร์ที่โทรเข้ามา แล้วจิตใจก็เกิดปั่นป่วนขึ้นมา
เธอยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองดูเบอร์โทรที่โทรเข้าพลางสูดหายใจลึก ก่อนหยิบมือถือขึ้นมากดรับสาย
“สวัสดีค่ะ”
“คุณเตรียมพร้อมรึยัง” ชายคนนั้นไม่อ้อมค้อม เอ่ยถามตรงประเด็น
เธอมองออฟฟิศเก่าแก่แต่สะอาดสะอ้านนี้อย่างเหม่อลอย
หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะอยู่ที่นี่ต่อไป แต่เธอก็รู้ดีว่าถ้าไม่ใช่เพราะผู้ชายที่พูดโทรศัพท์กับเธอคนนี้ เธอก็คงไม่ได้มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่แรก
ดังนั้นเธอจึงลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าประตู ปีนบันไดขึ้นไป แล้วเปิดประตูบานนั้นออก
เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ เป็นชายที่คุยสายอยู่กับเธอ ในมือของเขากำลังถือโทรศัพท์ เขาสวมเสื้อขนแกะคอเต่าสีดำ สีหน้าสบายๆ ขณะยืนอยู่นอกประตู ใบหน้าหล่อเหลาประดับด้วยรอยยิ้มชวนหลงใหล
เธอกดปุ่มวางสาย มองชายตรงหน้าแล้วเอ่ยปาก
“ฉันต้องปิดหน้าต่างช่องรับแดด”
พูดจบแล้วเธอก็หมุนตัวเดินกลับไปที่ออฟฟิศ คลายเชือกที่มัดอยู่ที่ผนังตรงช่องรับแดดออก ปิดสลักหน้าต่างช่องลมลงมา แล้วก็ผูกเชือกใหม่ให้เรียบร้อย
ชายคนนั้นเดินลงมา หยิบนิตยสารบนโต๊ะทำงานเล่มนั้นเปิดออกดู เผยยิ้มพร้อมพูดว่า “หมอนี่เสน่ห์แรงไม่เบานะ”
เธอข่มความรู้สึกไม่ให้เข้าไปกระชากนิตยสารเล่มนั้นออกจากมือของเขา เพียงเอ่ยเสียงเรียบๆ ว่า “ฉันคิดว่าพวกเรากำลังรีบเสียอีก”
“แน่นอน” เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอพลางฉีกยิ้ม แล้ววางนิตยสารกลับคืนที่โต๊ะ
เธอวางกุญแจลงบนนิตยสารเล่มนั้น ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
ชายหนุ่มมองด้านหลังของเธอแล้วก็ยกมุมปากขึ้นอีกครั้ง เขาหยิบนามบัตรใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าวางลงบนนิตยสารเล่มนั้นข้างๆ กุญแจที่เธอวางไว้ แล้วจึงเดินตามออกไป จงใจถามขึ้นว่า
“เธอไม่ต้องเก็บของหน่อยเหรอ”
“ที่นี่ไม่มีอะไรที่เป็นของฉัน”
เธอตอบด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ เดินขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ ออกจากบ้านเรือที่เธออาศัยอยู่มาห้าปีเต็มๆ โดยไม่หันหลังกลับไปมองอีก
จริงเหรอ จะไม่มีสิ่งของที่เป็นของเธอเลยเหรอ
ครั้งนี้เขาเลิกคิ้วพร้อมกับกดรอยยิ้มลึกขึ้น แต่เขาก็ฉลาดที่จะไม่ถามอะไรต่อ ได้แต่เดินตามผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ดูไม่สะดุดตาคนนี้ขึ้นไปบนดาดฟ้าเรือ เดินข้ามไม้กระดานไป
เมื่อขึ้นฝั่งมาแล้วเขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามอง จากมุมนี้สามารถมองเห็นประตูของเรือบรรทุกที่ดัดแปลงเป็นบ้านเรือซึ่งมีป้ายเล็กๆ แขวนไว้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า
‘สำนักงานนักสืบลักกี้’
เขาคิดว่าถ้าไม่มีผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้แล้ว ป้ายนี้คงจะแขวนอยู่ได้อีกไม่นาน
หากกลับมาแล้วพบว่าเทพธิดาแห่งความโชคดีของตนได้จากไปพร้อมกับเขา ชายคนนั้นจะรู้สึกอย่างไร เขาอยากเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายจนแทบทนไม่ไหว แต่เขาคงต้องอดใจไว้ก่อน
เขาหันกลับแล้วล้วงกุญแจรถออกจากกระเป๋าอย่างมีความสุข เดินจากไปกับเทพธิดาแห่งความโชคดี
ถึงเขาจะไม่ได้มีจุดเด่นอะไร แต่เขาก็มีความอดทนเป็นเลิศไม่แพ้ใคร