Jamsai
ทดลองอ่าน ล่ารักเกมอันตราย ตอนที่ 1
ขณะที่เธอคิดว่าชีวิตน้อยๆ นี้จะจบเห่เสียแล้ว พลันมีคนพุ่งเข้ามากระชากเอวเธอถอยมาด้านหลัง ในขณะเดียวกันเหล็กดำท่อนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้าพร้อมเสียงดังเคร้ง หยุดมีดยาวที่เกือบจะผ่าหัวเธอเอาไว้ได้
ชายไว้เคราแกว่งมีดฟันขวับซ้ำอีก ขวับ! ขวับ! ขวับ!
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
มีดยาวสีเงินส่องประกายอยู่ตรงหน้า เธอมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากประกายของคมมีด แต่ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันดังเคร้งคร้างๆ
เธอตื่นตระหนกจนลมหายใจติดขัด รู้สึกเพียงว่ามีคนเหวี่ยงตัวเธอหันไปหันมาจนหมุนคว้างไปตั้งแต่หัวจรดเท้า
เธอกรีดร้องเสียงหลงท่ามกลางโลกที่หมุนคว้าง
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นคราหนึ่ง
เมื่อเธอรู้ตัวอีกทีก็เห็นชายไว้หนวดที่ถือมีดกวัดแกว่งไปมาคนนั้นถูกเท้าข้างหนึ่งเตะลอยไปชนกับแผงผลไม้
เป็นเท้าของชายที่อยู่ข้างหลังเธอ
เธอหันไปมองทั้งที่ยังอกสั่นขวัญหาย ชายคนนั้นยิ้มยิงฟันให้เธอ จากนั้นก็ทิ้งแท่งเหล็กที่ไม่รู้ว่าไปหยิบมาจากแผงร้านไหนในมือทิ้ง หันหลังวิ่งไปยังอีกทางหนึ่ง
เธอยืนตะลึงอยู่ที่เดิม ชายไว้เคราพลันลุกขึ้นมา เธอตกใจจนถอยหลังไปหลายก้าวด้วยกลัวถูกไล่ฟันอีก ขณะที่เธอคิดจะหันหลังวิ่งหนีเอาตัวรอด ชายไว้เครากลับไม่สนใจเธอ เพียงถือมีดร้องคำรามไล่ตามชายคนนั้นไป
ผ่านไปประมาณสามวินาทีเธอถึงจะตระหนักได้ว่าชายไว้เคราไม่ได้จะฟันเธอตั้งแต่แรก แต่จะฟันชายคนนั้น เธอเพียงแต่โชคไม่ดีไปยืนขวางอยู่ตรงกลางระหว่างพวกเขาพอดีเลยถูกพ่วงเข้าไปด้วย
เธอหอบหายใจทั้งใบหน้าซีดเผือด มองเห็นชายกลุ่มหนึ่งตะโกนโหวกเหวกเป็นภาษาอาหรับไล่ตามไป สองคนในกลุ่มนั้นมีอาวุธปืน
เวลานั้นเธอหลบแนบชิดกำแพง โชคดีที่คนเหล่านั้นไม่ทันสังเกตเห็นเธอ
พอเธอเรียกขวัญกลับคืนมาได้ก็พบว่ามือทั้งสองเธอยังกอดแผ่นดินเหนียวแผ่นนั้นไว้แน่น ผู้คนบนถนนยังคงจ้องมาที่เธอ
เธอเป็นชาวต่างชาติคนหนึ่ง
แม้จะไม่มีผมสีทองตาสีน้ำข้าว เครื่องหน้าโดดเด่น แต่เธอก็รู้ดีว่าเธอดูแตกต่าง เธอรู้ว่าตัวเองดูสะดุดตาแค่ไหนเมื่ออยู่ที่นี่ โดยเฉพาะตอนที่ผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้าเธอหลุดออกมา
ใช่ว่าผู้หญิงทุกคนที่นี่จะสวมผ้าคลุมหน้า บางคนเลือกสวมแบบคลุมแค่ศีรษะ แต่ก็มีไม่น้อยที่เลือกคลุมหน้าไว้เหมือนเธอตอนก่อนหน้านี้ ทว่าผู้หญิงที่ไม่ได้สวมอะไรปิดคลุมเรือนผมเลยมีจำนวนน้อยมาก และเห็นได้เด่นชัดมาก
เธอถือแผ่นดินเหนียวลามาซูในมือไว้แน่นพลางก้มหน้าก้มตารีบเดินจากไป เร่งฝีเท้าให้พ้นจากที่เกิดเหตุอันชุลมุนวุ่นวายโดยเร็วที่สุด
ระหว่างทางเธอยังไม่วายหันกลับไปมองเป็นระยะด้วยกลัวว่าคนพวกนั้นจะตามเธอมา
ชายคนนั้นเป็นคนผิวเหลืองเหมือนกับเธอ มีแต่สวรรค์ที่รู้ว่าคนอื่นจะคิดว่าเธอมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่ ทำให้เธอรู้สึกว่าทุกคนบนถนนเอาแต่จ้องมองมาทางเธอ
หลังจากขึ้นรถประจำทางแล้ว เธอมองดูท้องถนนในเมืองนอกหน้าต่าง ไม่มีใครตามเธอมา ไม่มีใครสนใจเธอ เธอค่อยๆ ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก
เมื่อเธอกลับถึงโรงแรม ปิดประตู ล็อกกุญแจเรียบร้อยแล้วนั่งลงบนเตียงถึงได้พบว่าฝ่ามือเธอเต็มไปด้วยเหงื่อ
เธอวางแผ่นดินเหนียวที่ถือไว้แนบอก รวมทั้งวางกระเป๋าเป้ลงบนเตียง แล้วเปิดเครื่องปรับอากาศ
อากาศกรุงแบกแดดร้อนระอุ เธอสวมชุดยาวออกไปเดินจนเหงื่อชุ่มทั่วทั้งหลัง เธอถอดชุดยาวออก เห็นแผ่นดินเหนียวลามาซูพลอยเปียกชุ่มเพราะเธอ แถมยังมีรอยบิ่นเพิ่มอีกมุมหนึ่ง ก็รู้สึกเจ็บใจและกลัวว่าจะมีรอยบิ่นเพิ่มที่ส่วนอื่นเพราะเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อครู่ เธอจึงรีบนำมันมาวางข้างโต๊ะหนังสือ เปิดโคมไฟตั้งโต๊ะแล้วพิจารณาโดยละเอียด
มองแวบแรกสภาพของมันก็ยังดีอยู่ แต่เพียงครู่เดียวเธอก็พบว่าบริเวณอกของลามาซูมีรอยบิ่น
“บ้าจริง”
เธอสบถ แต่ทันใดนั้นก็พบว่ารอยบิ่นตรงนั้นดูไม่เป็นธรรมชาติ หรือจะพูดให้ถูกก็คือสีของส่วนที่แยกออกกับส่วนที่อยู่รอบข้างไม่ตรงกัน
เธออึ้งไปสักพักก่อนจะโน้มโคมไฟลงมาใกล้ๆ ก้มมองดูอีกที แล้วก็พบว่าส่วนที่แยกออกนั้นมีสีแตกต่างกันจริง ที่จริงแล้วยังมีอีกหลายจุดที่มีสีไม่เหมือน เธอตกตะลึง หยิบแผ่นดินเหนียวมาพลิกดูใต้แสงไฟ ผลปรากฏว่าส่วนที่มีสีเหล่านี้บนแผ่นดินเหนียวมีความแตกต่างกันเพียงนิดเดียว ไม่ได้เป็นแค่ที่ส่วนอกเท่านั้น ที่เคราบนใบหน้าก็มี บริเวณเหล่านี้เดิมก็มีรอยลอกอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ตอนเธอเห็นมันในตลาดยังนึกว่าเป็นการสึกกร่อนตามกาลเวลา การเก็บรักษาจึงสมบูรณ์สู้ชิ้นที่เธอมีอยู่ไม่ได้
แต่มาถึงตอนนี้ เมื่อนำมาส่องใต้แสงไฟโดยละเอียด เธอถึงพบว่านี่ไม่ใช่ร่องรอยจากการสึกกร่อนตามกาลเวลาหรือแรมปี
เธอเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ที่สีของแผ่นดินเหนียวไม่เหมือนกันบางครั้งเพราะว่าเป็นของปลอม แต่นี่ก็ไม่ใช่ของปลอม เธอได้มองแผ่นดินเหนียวที่บ้านมาหลายครั้ง รูปปีกอินทรี มัดกล้ามเหนือกีบเท้า ลวดลายประดับแบบนี้ดูอย่างไรก็เป็นฝีมือช่างคนเดียวกัน
แต่บางทีอาจมีคนปลอมขึ้นมาภายหลังได้สมจริงมากก็ได้
จากนั้นเธอนึกคึกอะไรขึ้นมาไม่รู้ลองเอานิ้วเขี่ยรอยร้าวนั้นดู หินส่วนนั้นก็กะเทาะร่อนออกมาเผยให้เห็นสีที่ไม่เหมือนกับส่วนอื่น มองดูแล้วเหมือนกับมีรอยตรงนั้นมาตั้งแต่แรก
เธอใจเต้นขึ้นมาทันใด
เป็นไปไม่ได้น่า…ไม่ใช่ว่ามันคือ…
เวลานั้นเธอเริ่มตื่นเต้น หลังจากวางแผ่นดินเหนียวลงอย่างระวังก็หยิบถุงอุปกรณ์ออกมาจากกระเป๋าเดินทาง ค้นหาแปรงและคีมหนีบ แล้วอาศัยแสงจากโคมไฟเริ่มทำความสะอาดมันด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่งยวด
แสงแดดนอกหน้าต่างเริ่มเปลี่ยนสี เธอนั่งอยู่ที่โต๊ะ เนื่องจากกำลังมีสมาธิจดจ่อเป็นอย่างมากจึงไม่ทันสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของเวลา
ท้องฟ้าเริ่มมืด พระจันทร์ขึ้นมาประดับอยู่บนฟ้าค่ำคืน
ตอนที่เธอหยุดงานในมือก็เป็นเวลาดึกดื่นค่อนคืน ผู้คนต่างปิดไฟนอนกันหมดแล้ว
แต่เธอยังไม่นอน ทุกส่วนที่สีไม่เท่ากันของแผ่นดินเหนียวในมือเธอถูกทำความสะอาดจนเผยให้เห็นรูปลักษณ์เดิมของมัน
ยามเช้ามืด ขณะที่ท้องฟ้ากำลังอยู่ในช่วงใกล้สว่าง เธอก็ทำงานเสร็จเรียบร้อย
หลังจากเก็บกวาดอีกครึ่งชั่วโมงเธอก็ดูออกแล้วว่ามันคืออะไร เมื่อเธอทำความสะอาดมันจนหมดจด เมื่อเธอหยุดมือวางแปรงและคีมลง วินาทีที่ได้มองดูมันใจก็เต้นระทึก รู้สึกลำคอตีบตันขึ้นมาดื้อๆ
ไม่ใช่ลามาซู
พระเจ้า
เธอกุมอกตัวเอง เพ่งพินิจงานแกะสลักที่งดงามตรงหน้า มองดูส่วนโค้งงามบนช่วงอกของมันกับกรงเล็บราชสีห์ดูแข็งแรง
มันคืออัปซาซู
ลามาซูเฝ้าประตูมักจะมีเป็นคู่ เป็นลามาซูเพศผู้คู่กัน
ที่เป็นลามาซูกับอัปซาซูตัวผู้ตัวเมียคู่กันแบบนี้หาได้ยากมาก เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อนเลย
ดินแดนแถบนี้มีสภาพสังคมชายนำหญิงตามมาหลายพันปี หรือว่าเป็นเพราะแบบนี้ วันดีคืนดีใครสักคนคงนำมันมาแกะใหม่ เปลี่ยนมันจากเพศหญิงเป็นเพศชาย
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะช่วงอกเปลือยเปล่าอันงดงาม เพราะรอยยิ้มเข้มแข็งแฝงความมั่นใจ เพราะท่าทางแข็งแกร่งเปี่ยมไปด้วยพลังของมัน หรือว่าเพื่อรักษาผลงานสลักชิ้นงามนี้ไม่ให้ถูกคนทำลายทิ้ง คนผู้นั้นถึงได้เปลี่ยนรูปโฉมของมันไว้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะทำด้วยเหตุผลอะไร มันถูกซ่อนโดยการปกปิดไว้ด้วยดินเหนียว ถอดแบบคู่ของมันปั้นขึ้นเป็นตัวลามาซู เพราะอย่างนี้ถึงเก็บมันไว้ในสภาพที่สมบูรณ์ได้
อัปซาซูภายใต้แสงไฟตรงหน้าดูราวกับกำลังส่องประกาย
อัปซาซูชิ้นนี้งดงามจริงๆ เมื่อลูบไล้ไปตามรอยแกะสลักเธอก็แทบจะรับรู้ได้ถึงความตั้งใจของช่างที่แกะมันขึ้นมา
ขณะที่เธอกำลังปลาบปลื้มใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ทันใดนั้นก็มีเสียงเบาๆ ดังมาจากทางประตู
เธอเงยหน้าขึ้นโดยอัตโนมัติ เห็นประตูห้องถูกผลักเปิดออก
คนเปิดประตูเห็นเธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะก็ชะงักนิ่งอยู่กับที่
เธอก็เช่นกัน นั่งนิ่งอึ้งอยู่บนเก้าอี้
ผู้มาเยือนยังคงยืนอยู่นอกประตู แสงไฟบนระเบียงสาดส่องให้เห็นรูปลักษณ์เขาอย่างชัดเจน
เป็นชายคนเมื่อตอนกลางวันคนที่แม้ตกอยู่ใต้สถานการณ์คับขันก็ยังยิ้มออกมาได้
อึดใจนั้นเธอไม่รู้ว่าควรร้องตะโกน โทรศัพท์ขอความช่วยเหลือ หรือว่าลุกขึ้นวิ่งหนี
เขาคงจะเห็นเธอเหลือบมองโทรศัพท์บนโต๊ะ จึงยกมุมปากขึ้นพูดว่า