บทที่ 2
คำสาปของพระเจ้าจอมปลอม
“เอาล่ะ ถึงแล้ว”
คงเพราะการถ่ายทำที่ยาวนานถึงสิบชั่วโมงทำให้ชินอ่อนล้าจนนั่งหลับมาตลอดทาง สิ้นเสียงของผู้จัดการชินก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาช้าๆ
“ไม่ได้กลับบ้านหรอกเหรอ”
เขานึกว่าจะได้กลับบ้านอันเงียบสงบ ทว่ากลับเห็นแสงไฟระยิบระยับ เที่ยงคืนกว่าแล้ว ราตรีที่ควรสงบเงียบกลับสว่างไสวราวกับกลางวัน หญิงชายคู่หนึ่งกำลังยืนอิงแอบแนบชิดก่อนจะพากันเดินหายเข้าไปในซอย แค่มองผ่านๆ ก็รับรู้ได้ว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานบันเทิง
ชินเหลือบไปเห็นคนหน้าคุ้นที่หน้าประตู
“พี่ หรือว่า…”
ใบหน้าของชินพลันซีดเผือด แม้ตารางงานจะแน่นมากจนได้นอนเพียงวันละไม่เกินสามชั่วโมง บางวันถึงกับต้องนอนเอาแรงในรถ จนสุขภาพย่ำแย่ ทรุดโทรม แต่เหตุผลที่เขาหน้าซีดในครั้งนี้ไม่ใช่ด้วยเรื่องนั้น
“ขอโทษนะชิน ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียวได้มั้ย”
ใบหน้าชินค่อยๆ ปรากฏความโกรธขึ้น ดวงตาที่อุตส่าห์ฝืนความอ่อนล้าพลันถลึงตาจ้องอีกฝ่าย หัวใจเต้นแรง ปลายนิ้วมือสั่นระริก ร่างกายที่จดจำความหวาดกลัวกำลังแสดงปฏิกิริยา ชินกัดริมฝีปากแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองแสดงอาการเครียดออกมา
“คราวที่แล้วพี่ก็บอกว่าเป็นครั้งสุดท้ายไม่ใช่เหรอ”
เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าจะต้องมาเหยียบสถานที่ที่ไม่ต้องการจะมาอีก
“ตั้งแต่นี้ไปพี่ไม่ใช่ผู้จัดการของผมอีกต่อไปแล้ว!”
ชินตะโกนเสียงดังแล้วเอื้อมมือไปเปิดประตูรถ ทันทีที่กระโดดลงจากรถ ร่างกายก็ปะทะกับความหนาวเหน็บ เนื้อตัวสั่นระริกด้วยความหนาวไม่ต่างไปจากภายในที่สั่นระริกด้วยความหวาดกลัว หากแต่เขาไม่มีเวลามากพอที่จะหยิบเสื้อโค้ตติดมือมาด้วย เพราะเขาต้องการไปจากสถานที่แห่งนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้
“ชิน รอก่อน ชิน”
ชินวิ่งเข้าไปในซอยแคบ ทิ้งเสียงตะโกนเรียกชื่อเขาไว้ด้านหลัง แต่หลังจากวิ่งไปได้ไม่เท่าไหร่ ร่างของเขาก็ถูกมือของชายร่างโตสองสามคนลากกลับมา
“ปล่อย! บอกว่าให้ปล่อยไงเล่า”
แววตาที่โกรธแค้นของชินได้เปลี่ยนเป็นแววตาสิ้นหวัง มือขนาดใหญ่ปิดปากที่กำลังร้องตะโกนของชิน แล้วคนที่เหลือก็รีบเอาผ้าสีดำคลุมหัวของชินเพื่อไม่ให้ใครมาเห็น
“ชิน…”
ผู้จัดการที่ไม่รู้ว่าตนควรจะทำอย่างไรดีได้แต่เรียกชื่อชินเบาๆ
เสียงเพลงดังกระหึ่มไปทั่วจนเยื่อแก้วหูแทบทะลุ ชินในสภาพที่มือถูกมัดและร่างเปลือยเปล่ากำลังเดินตามพวกมันไปท่ามกลางความมืดมิด พอขึ้นบันไดไปไม่กี่ขั้น ผ้าที่คลุมหัวอยู่ก็ถูกถอดออก ตอนนี้เขากำลังยืนอยู่หน้าห้อง VVIP ชั้นสาม แม้ผ้าคลุมจะถูกดึงออก แต่ร่างของเขาก็ยังไม่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ พวกมันใช้เศษผ้าเล็กๆ ปิดตาของเขาอีกครั้ง ก่อนจะผลักร่างของเขาไปด้านหน้า แล้วเสียงเปิดประตูก็ดังขึ้น
“ว้าว”
“อุ๊ยตาย”
เสียงอุทานของผู้หญิงหลายคนดังขึ้น เมื่อร่างของชินที่ไร้ซึ่งเสื้อผ้าปรากฏตัวก่อนจะถูกจับไปนอนบนโต๊ะกลางห้อง
“นี่มันเหนือกว่าที่คาดเอาไว้อีกนะ”
“นึกว่าจะอ้อนแอ้นเหมือนผู้หญิงเสียอีก ที่ไหนได้ดูกล้ามเนื้อมัดเล็กตรงนี้สิ”
“ท่าทางจะเป็นคนที่ดูแลตัวเองดีมาก”
เสียงเหล่านั้นกำลังวิจารณ์ร่างที่เปลือยเปล่าของชินอย่างสนุกสนาน
“ว่าแต่พวกเราทำอย่างนี้ได้เหรอ”
“…”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังแทรกขึ้นมา ห้องนี้ถูกสร้างให้เป็นห้องที่ป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอก แถมยังมีการป้องกันที่แน่นหนาเพื่อไม่ให้ผู้ใดเข้ามารบกวนการละเล่นอันลึกลับของพวกเธอได้
“ฉันมอบเงินมากมายให้แก่ท่านประธานลี หยุดกังวล แล้วมาสนุกกันดีกว่า”
“เหรอ งั้นมาสนุกกันเถอะ”
ชินรู้สึกได้ถึงน้ำเสียงเหยียดหยาม บรรยากาศในห้องชวนให้อึดอัดจนหายใจไม่ออก
“ปล่อย บอกให้ปล่อย”
ชินตะคอกใส่ผู้ชายที่จับขาทั้งสองของเขาเอาไว้
“นี่เธอดูสิ ตรงนี้น่ารักเหลือเกิน”
แต่พวกผู้หญิงก็ไม่ได้แยแสการดิ้นรนขัดขืนของชินเลย
แกร๊ก…
ชินหันหน้าไปตามเสียงที่ดังขึ้นท่ามกลางความมืดมิด ขาของเขาพ้นพันธนาการจากมือของผู้ชายสองคนนั้นแล้ว เมื่อเหลือชินเพียงคนเดียว บทสนทนาของพวกเธอก็ยิ่งประเจิดประเจ้อขึ้นเรื่อยๆ
“อุ๊ยตาย ตรงนี้ยังเฉาอยู่เลย ที่นี่มีผู้หญิงอยู่ตั้งสี่คน ผู้ชายอย่างนายจะมาเฉาแบบนี้ได้ยังไง”
สิ้นเสียงเธอคนนั้นก็มีอะไรเย็นๆ สัมผัสที่กลางตัวของชินทันที
“อึก”
เสียงครางสั้นๆ ดังออกมาจากปากของชินที่ถูกปิดตา
มันคือน้ำแข็ง เพียงแค่น้ำแข็งเย็นเฉียบหนึ่งก้อนก็สามารถปลุกความเป็นชายของเขาขึ้นมาได้ พวกเธอพากันหัวเราะคิกคักเมื่อเห็นปฏิกิริยาของสิ่งนั้นที่กำลังตื่นจากการหลับใหล
“ใครจะเริ่มก่อนดี”
ร่างของชินสั่นระริกเมื่อความเป็นชายของตัวเองกำลังถูกปลายนิ้วของผู้หญิงแตะต้อง
“ไหนๆ ก็จะทำแล้ว ฉันอยากจ้องตาระหว่างทำด้วยน่ะ แกะที่ปิดตาออกได้มั้ย”
“อืม”
“ไม่ได้ ลืมกฎของที่นี่แล้วเหรอ ให้ชินเห็นหน้าพวกเราคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ เอาเป็นว่าพอใจกันแค่ตรงนี้ก็พอนะ”
ความหนาวเหน็บและแสนจะเย็นชาบางอย่างกระทบความรู้สึกของเขาทันทีเมื่อได้ยินเสียงพูดนั้น
“อึก…อา”
ทันทีที่ความเป็นชายถูกส่งเข้าปากของผู้หญิงคนหนึ่ง เสียงร้องทรมานพลันหลุดออกจากปาก ชินรับรู้ถึงใบหน้าหยามเหยียดของพวกเธอที่กำลังใช้ร่างเปลือยเปล่าของเขาเป็นของเล่น
ช่างน่าอัปยศเหลือเกิน
“อึก…”
พอเห็นอาการตอบสนองของชิน คนที่กำลังดื่มด่ำกับความเป็นชายของเขาก็เงยหน้าขึ้นแล้วระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“เดี๋ยวจะช่วยทำให้มีความสุขมากกว่านี้ ไม่ต้องเกร็งนะ บางทีอาจเพราะยังเด็ก ขืนยังเกร็งอยู่แบบนี้จะไม่สนุกเอานะ”
หญิงคนเดิมค่อยๆ ลูบคลำต้นขาก่อนจะบิดเนื้อของชินเบาๆ แต่ชินกลับรู้สึกโกรธมากกว่าสุขสม กัดริมฝีปากแน่นจนเลือดซึม ร่างกายสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธ สมองเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
‘พี่ฮะ เมื่อไหร่พี่จะมาหาพวกผมอีกเหรอฮะ’
เขานึกถึง ‘บ้านแห่งสันติสุข’ ที่เขา ฮยอน และน้องๆ อาศัยอยู่ ใบหน้าอันบริสุทธิ์และงดงามของเด็กๆ ปรากฏขึ้น
“อึก”
ใช่ ต้องทนให้ได้ ทนให้ได้เพื่อเด็กๆ ที่กำลังรอเขาอยู่…
“สุดยอด นี่คือความเมตตาของพระเจ้า”
มือผู้หญิงคนเดิมจับความเป็นชายที่แดงก่ำและขยายใหญ่อย่างเต็มที่เอาไว้ ก่อนจะค่อยๆ พามันเข้าไปในช่องทางของตน แล้วเริ่มต้นขยับอย่างหนักหน่วงจนร่างของชินโยกไหว
ความเมตตาของพระเจ้างั้นเหรอ
“อึก”
คำสาปเสียมากกว่า คำสาปของพระเจ้าจอมปลอม
ชินถึงกับกลั้นเสียงร้องไม่อยู่เมื่อถูกกระตุ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
***
“ชิน โอเคมั้ย”
พอเสียงสวมใส่เสื้อผ้าของผู้หญิงพวกนั้นเงียบลงไปได้ห้านาที ผู้จัดการก็วิ่งเข้ามา เขารู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานมาก ขาทั้งสองไร้ความรู้สึกไปนานแล้ว สองมือของผู้จัดการช่วยแก้มัดแขนขาของเขา ก่อนจะปลดผ้าปิดตาออกให้
“อา…”
เมื่อดวงตาที่ถูกปิดอยู่นานกระทบกับแสงไฟ ความรู้สึกปวดก็จี๊ดขึ้นมา
สว่างขนาดนี้เชียวเหรอ สถานที่ที่นึกว่ามืดกลับสว่างถึงเพียงนี้ ความอดสูทำให้ใบหน้าของชินแดงก่ำ
“ขอโทษนะ ขอโทษ…”
ผู้จัดการช่วยใส่เสื้อผ้าให้ชินอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพยุงขึ้นมา
“กลับบ้าน”
“ได้ๆ กลับบ้านกันนะ”
เสียงสะอื้นของผู้จัดการทำให้ชินหันไปมอง เขาพยายามเพ่งสายตาที่พร่ามัวก่อนจะสังเกตเห็นรอยช้ำสีม่วงบริเวณรอบดวงตา
“ดูท่าพี่ก็คงช่วยอะไรไม่ได้สินะ”
ชินค่อยๆ ยกมือวางบนไหล่ของผู้จัดการอย่างยากเย็นแล้วลากสังขารของตัวเองขึ้นรถเพื่อไปจากสถานที่แห่งนี้ เมื่อหวนคืนสู่รถที่คุ้นเคยและประตูถูกปิดลง ในที่สุดก็ปลอดภัยเสียที น้ำตาไหลรินโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น เขารีบยกมือเช็ดทันที แล้วรถก็ถูกสตาร์ตก่อนจะเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว
เอี๊ยด
แต่แล้วรถก็พลันหยุดชะงัก
“ล็อกประตูรถ!”
เสียงร้อนรนของผู้จัดการตะโกนขึ้น
“เกิดเรื่องอะ…”
ชินที่กำลังงุนงงหันไปมองผู้จัดการก่อนจะพยายามพยุงร่างของตัวเองขึ้น ทันใดนั้นเองเขาก็มองเห็นผู้ชายสวมเสื้อกันฝนสีดำและสวมหมวกปิดบังใบหน้ากำลังยืนขวางหน้ารถ เขารู้สึกได้ว่าชายคนนั้นกำลังจ้องเขาอยู่ เมื่อเห็นอาวุธแหลมคมที่กำแน่นอยู่ในมือ ชินถึงได้รู้ว่าคนคนนี้เป็นใคร
แม้ไม่รู้ถึงสาเหตุของการกระทำ แต่ชินเคยเห็นข่าวดาราที่ตายด้วยน้ำมือของเขาไปแล้วถึงสองคน
และจากคำให้การของผู้พบเห็น ทุกคนต่างเรียกฆาตกรว่าชายเสื้อกันฝน…
สวมหน้ากากปิดบังใบหน้า มือถืออาวุธแหลมคม และยังใช้หมวกช่วยในการอำพราง ทำให้ไม่อาจเห็นใบหน้าได้ ชินจินตนาการได้ว่าอีกฝ่ายวิ่งเข้ามาเปิดประตูแล้วแทงอาวุธแหลมนั่นใส่เขา แต่ที่น่าประหลาดใจก็คือในขณะที่เขากำลังจินตนาการถึงเหตุการณ์น่าหวาดเสียว แทนที่จะรู้สึกกลัวเขากลับรู้สึกโล่งอก
ชินรู้ว่าวินาทีนี้หากเขาเปิดประตูเพื่อให้ฆาตกรที่ยืนจ้องหน้าเข้ามาถึงตัวได้ เขาก็คงบ้าไปแล้ว และเขาก็รู้อีกด้วยว่าคงไม่มีใครเข้าใจเลย ถ้าเขาจะรู้สึกอยากระบายยิ้มออกมามากกว่าที่จะรู้สึกหวาดผวาเมื่อเห็นอีกฝ่ายพุ่งกระโจนเข้าหา
“จับให้ดีๆ นะ”
เสียงร้อนรนของผู้จัดการดังขึ้นพร้อมกับเสียงถอยรถ หากแต่วินาทีนั้นเองประตูรถกลับถูกเปิดออก ชั่ววินาทีที่มือซึ่งสวมถุงมือสีดำยื่นเข้ามา ชินก็หลับตาลง แรงมหาศาลที่กระชากเสื้อทำให้ร่างของชินร่วงลงจากรถ
ในที่สุดวินาทีนี้ก็มาถึง บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้ ลมหายใจของตัวเองที่เขาไม่กล้าทำลาย ถ้ามีใครสักคนมาช่วยกำจัดให้ อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้
แต่เขายังมีห่วง เขายังไม่อาจทิ้งเด็กๆ พวกนั้นไปได้ ทว่าอีกใจก็กระซิบว่าหากเขาเสียชีวิต ณ ที่แห่งนี้จริงๆ บางทีมันอาจจะเป็นเรื่องที่น่ายินดีก็ได้
“ชิน!”
เสียงตกใจของผู้จัดการดังเข้ามาในหู ชายในเสื้อกันฝนรีบปรี่เข้ามาหาชินที่นอนนิ่งอยู่บนพื้น
ชีวิตเขาจะจบลงแค่นี้เหรอ
ก็คงเหมือนละครที่ต้องมีวันปิดกล้อง เมื่อละครเรื่องหนึ่งจบ ทุกคนต่างก็รู้ว่าเสร็จสิ้น เมื่อบทบาทที่ได้รับมอบหมายจบก็จะได้รับบทใหม่อีกครั้ง พร้อมกับชีวิตใหม่ที่ต้องดำเนินต่อ หากแต่จุดหมายปลายทางชีวิตย่อมมีวันมาถึง
ชีวิตนี้คงถึงกาลอวสานแล้ว
ชินฝืนร่างลุกขึ้นเพื่อรอจุดจบนั้น ร่างนี้ไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะหนีแล้ว ไม่สิ เราไม่ต้องการหนีต่างหาก เขายิ้มแล้วรอให้อาวุธแหลมคมของอีกฝ่ายจู่โจมเข้ามา
“ชิน! ไม่ได้นะ!”
ผู้จัดการพุ่งเข้าหาชายในเสื้อกันฝน แต่หมอนั่นกลับเบี่ยงร่างหลบได้อย่างรวดเร็ว ผู้จัดการเสียสมดุลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตั้งหลักได้ และทำท่าจะพุ่งใส่อีกครั้ง แต่ก็ต้องผงะเมื่อเห็นอาวุธในมืออีกฝ่าย แล้วทันใดนั้นเองอะไรบางอย่างก็เข้ามาขวางหน้า
“คุณ…”
ชินเบิกตากว้างมองบุรุษผู้สวมหน้ากากและชุดสีดำ มือใหญ่ของเขาคว้าต้นคอของชายในเสื้อกันฝนไว้ได้อย่างรวดเร็ว แล้วโยนไปกระแทกกำแพงของลานจอดรถอย่างแรง
โครม
เสียงโครมครามดังขึ้นทันทีที่ร่างของชายเสื้อกันฝนกระแทกกำแพง
ทั้งที่มีขนาดร่างกายพอๆ กันแต่เขาคนนี้กลับสามารถโยนร่างของอีกฝ่ายได้ด้วยมือเดียวเท่านั้น ช่างเป็นคนที่มีเรี่ยวแรงมหาศาลเหลือเกิน
ชายที่ถูกโยนใส่กำแพงยกมือลูบหัวของตัวเองพลางส่งเสียงคราง แต่ไม่นานนักก็รีบตั้งสติหยิบอาวุธที่ตกอยู่กับพื้นแล้วลุกขึ้นอย่างว่องไว ระหว่างนั้นเสียงไซเรนดังก้องมาแต่ไกล
“ตำรวจมาแล้ว”
ผู้จัดการตะโกนเสียงดัง ขณะนั้นเองที่ดวงตาของพวกเขาทั้งคู่ก็เบนมาสบกับดวงตาของชินในชั่วเสี้ยววินาที ดวงตาคู่หนึ่งซึ่งอยู่ภายใต้หมวกมีแววเย็นเยียบ อีกคู่หนึ่งเป็นดวงตาของชายผู้สวมหน้ากากสีดำปกปิดใบหน้า
“ทางนี้ครับ ทางนี้”
พอเห็นรถตำรวจคันหนึ่งแล่นใกล้เข้ามา ผู้จัดการก็รีบโบกไม้โบกมือ เมื่อชินหันกลับไปมองอีกครั้ง เงาของชายทั้งสองก็หายไปเสียแล้ว
***
‘อุ๊ย ดูเหมือนว่าชินของเรากำลังร้องไห้นะ’
‘ร้องไห้ จริงเหรอ’
‘โอ๊ย น่ารักสุดๆ ไปเลย’
ชินบิดตัวพลางส่ายหน้าไปมาบนที่นอนชื้นเหงื่อ ขนาดในฝันเขายังรู้สึกได้ถึงนิ้วมือของพวกเธอที่ลวนลามเขา เสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างเพลิดเพลินขณะสัมผัสร่างของเขา คงเป็นฤทธิ์ยาที่ถูกผู้ชายพวกนั้นกรอกปากก่อนจับชินไปหาพวกเธอ ร่างกายของเขาจึงยังคงร้อนรุ่มราวกับถูกเปลวเพลิงแผดเผา
‘หยุด!’
“ได้โปรด…หยุดเดี๋ยวนี้”
ชินแผดร้องเสียงดัง น้ำตารินไหลออกมาจากเปลือกตาที่กำลังปิดสนิท ชินค่อยๆ ฝืนลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก พร้อมกับยกมือขึ้นบังแสงแดดที่สาดส่องเข้ามา
เมื่อเห็นห้องที่คุ้นเคยชินก็รู้ว่าตัวเองตื่นจากฝันร้ายอันแสนเจ็บปวดแล้ว คิ้วที่ขมวดแน่นบนใบหน้าอันรวดร้าวค่อยๆ คลายออก ลมหายใจหอบกระชั้น
แต่ฝันร้ายครั้งใหม่พร้อมที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ปลายนิ้วและสัมผัสของผู้หญิงที่มองไม่เห็นใบหน้าพวกนั้นคล้ายกับว่ายังวนเวียนอยู่บนร่างกายสร้างความทรมานจนแทบอยากหยุดลมหายใจ แม้ตอนนี้จะลืมตาตื่นแล้วแต่สติยังคงงุนงงสับสน ยากจะแยกได้ว่าอะไรคือความฝันและอะไรคือความจริง
ชินสะบัดผ้าห่มผืนบางที่คลุมร่างออกก่อนจะลุกขึ้นแล้วหย่อนเท้าลงจากเตียง แต่เขารู้สึกหน้ามืด สองขาไร้เรี่ยวแรงจนต้องทรุดตัวลงนั่งกับพื้น
อา…
เหตุการณ์เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมาผุดขึ้นในสมองของเขาอย่างชัดเจน ร่างนี้ถูกสังเวยเป็นเครื่องบำบัดความใคร่ให้แก่ผู้หญิงพวกนั้นหลายต่อหลายครั้ง กลิ่นและสัมผัสจากปลายนิ้วของพวกเธอที่แตะต้องผิวเนื้อของเขาช่างน่าสะอิดสะเอียนเหลือเกิน ชินยกมือทั้งสองกุมศีรษะ
อยากให้เป็นเพียงแค่ความฝัน…
“ชิน!”
ผู้จัดการเปิดประตูห้องแล้ววิ่งมาหาชินที่ทรุดนั่งอยู่กับพื้น เมื่อคืนพอกลับมาถึงบ้านปุ๊บชินก็นอนหลับราวกับหมดสติ
“ยังเจ็บอยู่เหรอ”
ชินจ้องใบหน้าของผู้จัดการก่อนจะค่อยๆ ยกมือข้างหนึ่งขึ้นลูบใบหน้านั้น
“ทำไมหน้าเป็นแบบนี้ล่ะ”
รอยช้ำที่ปรากฏอยู่บริเวณรอบดวงตาของผู้จัดการเด่นชัดยิ่งกว่าเมื่อคืนนี้
“ฉันน่ะเหรอ…”
“ใบหน้าของผู้จัดการท็อปสตาร์กลายเป็นแบบนี้ แสดงว่าท่านประธานลีคงโกรธมากแน่ๆ”
อีกฝ่ายไม่ได้ตอบคำใดกลับมา ชินจึงเอ่ยถามต่อ
“ทำไมไม่บอกผม”
“…”
“หลังจากถ่ายทำเสร็จ เรามีเวลาเหลือเฟือพอที่จะหนีไม่ใช่เหรอ”
“เพราะจองฮวัน…ขอโทษนะชิน ทั้งๆ ที่ฉันบอกแล้วว่าจะไปแทนนายเอง ถ้าฉันทำได้ล่ะก็ ถ้าพวกเธอเหล่านั้นต้องการ ฉัน…ฉันคิดจะทำอย่างนั้นจริงๆ นะ แต่…”
“เพราะจองฮวันอีกแล้วเหรอ”
รอยยิ้มเย็นชาปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิน
“พี่เอาแต่พูดถึงจองฮวันและให้ผมเป็นฝ่ายเสียสละ แล้วผมล่ะ ผมก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกันนะ”
ชินยกมือข้างหนึ่งค้ำเตียง ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ บทสนทนาแบบนี้ก็จะย้อนกลับมาอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบอยากจะอาเจียน
“ลุกขึ้นได้มั้ย”
มือของผู้จัดการสอดเข้ามาใต้รักแร้ของชิน
“ปล่อย แค่นี้ผมทำเองได้”
ชินปัดมือของผู้จัดการออก
“ถ้าเพลียมากก็พักสักวันมั้ย”
“พี่มีความสามารถมากขนาดนั้นเลยเหรอ”
แววตาของชินยังคงเย็นชาเช่นเดิม
“หากขอร้องท่านประธานลี…”
“หยุดเถอะ” ชินตะโกน ความแค้นพลุ่งพล่านภายในอกทันทีที่ได้ยินชื่อของประธานลี “อย่ามาทำเป็นอวดดีต่อหน้าผม”
“…”
แล้วชินก็พยุงตัวลุกขึ้นอย่างยากเย็นพลางหันไปถาม “วันนี้ตารางงานของผมมีอะไรบ้าง”
“เอ่อ…” ผู้จัดการมีสีหน้าลังเลเล็กน้อย “จำคฤหาสน์ที่เคยพูดคราวที่แล้วได้มั้ย วันนี้…จะมีถ่ายฉากเลิฟซีนที่นั่น”
ผู้จัดการค่อยๆ เอ่ยออกมาอย่างระมัดระวัง เพราะตอนแรกที่เริ่มถ่ายทำไม่ได้มีการพูดถึงฉากเลิฟซีน และหากรู้ว่ามีฉากนี้อยู่ในละคร ชินคงปฏิเสธหัวชนฝา ไม่ยอมรับแสดงเป็นแน่ แม้ประธานลีจะกุมอำนาจทั้งหมดไว้แต่ชินก็ยังมีสิทธิ์ในการเลือกรับงานที่ตนจะแสดงได้อย่างอิสระ หลายครั้งที่พอเริ่มแสดงไปแล้วก็มักจะมีฉากเลิฟซีนที่ไม่มีในข้อตกลงโผล่เพิ่มขึ้นมา
ถึงแม้ชินกับนักแสดงหญิงคนนั้นจะต่อต้านเพียงใด แต่ด้วยความที่ผู้ชมทางบ้านต้องการดูฉากแบบนี้มาก ทีมงานละครจึงติดต่อไปยังประธานในสังกัดของคนทั้งคู่เพื่อให้เพิ่มฉากนี้ขึ้นมาจนได้ เมื่อประธานตกลง ความคิดเห็นของทั้งสองนักแสดงจึงไม่ถือว่ามีความสำคัญอันใดอีก
“ร่างกายของนายตอนนี้คงไม่ไหวนะ หรือว่านายทำได้”
ผู้กำกับได้ทำการเสาะหาคฤหาสน์อันงดงามที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลเพื่อการถ่ายทำฉากนี้โดยเฉพาะ เขาพยายามติดต่อเจ้าของบ้านหลายครั้งหลายคราเพื่อโน้มน้าวให้เขายอมอนุญาตถ่ายทำ แต่ถึงกระนั้นเจ้าของบ้านก็ให้ยืมสถานที่เพียงแค่หกชั่วโมงเท่านั้น แต่ฉากที่ต้องถ่ายมีตั้งสามซีน ดังนั้นการถ่ายทำในวันนี้จะไม่มีเวลาให้พักแม้แต่นิดเดียว
แม้การถ่ายทำจะสำคัญขนาดไหน แต่ร่างกายของชินอยู่ในสภาพที่น่าเป็นห่วง
“ถ่ายเถอะ” ชินกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
“ชิน”
ชินนั่งหมิ่นเหม่อยู่ปลายเตียง ใบหน้าซีดเผือด ช่วงขาเรียวช่างดูไร้เรี่ยวแรง
“ถ่ายให้มันจบๆ ไป”
ชินเอ่ยก่อนจะพยุงร่างตัวเองมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
***
“ถึงแล้วเหรอ”
ฮเยรีนักแสดงสาวหันไปถามผู้จัดการพลางมองลอดประตูห้องพักที่ถูกเปิดแง้มเอาไว้
“รถตู้สีขาวใช่มั้ย ดูหรูหราอลังการเนอะ ตอนนี้คงกำลังจอดอยู่ อีกเดี๋ยวก็เดินมา”
“เหรอๆ”
ผู้จัดการมองฮเยรีที่กำลังยกสองมือขึ้นกุมแก้มที่แดงก่ำ
“ฮเยรี เธออย่าลืมว่านี่เป็นเพียงแค่การแสดงนะ อย่าคิดจริงจังเชียว”
ฮเยรีทำปากยื่นเมื่อได้ยินคำนั้นของผู้จัดการ ก่อนจะหันไปมองกระจกแล้วลุกขึ้น เพียงแค่รู้ว่าชินมาถึงแล้ว หัวใจก็เต้นโครมคราม ใบหน้าแดงก่ำราวถูกย้อมสี
คังฮเยรีคือนักแสดงสาววัยยี่สิบห้าที่ก้าวขึ้นมาเป็นซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของวงการ แต่กระนั้นเธอก็ยังเป็นแฟนคลับของชิน นั่นเป็นเพราะเขาคือเจ้าชายในฝันของสาวๆ ใบหน้างดงามราวกับถูกแกะสลัก ผิวขาวไร้ที่ติ แม้ร่างจะดูผอมบาง แต่พอได้อยู่ใกล้ๆ ก็จะเห็นกล้ามเล็กๆ อย่างคนออกกำลังกาย ทั้งหมดที่ประกอบเป็นตัวเขาช่างงดงามราวกับประติมากรรมที่สวรรค์สร้าง แล้วไหนจะดวงตาที่สามารถทำให้หิมะละลายเพียงแค่ชำเลืองมอง และน้ำเสียงของเขาที่…
“กรี๊ด”
ฮเยรีกรีดร้องเบาๆ ไม่มีใครที่ไม่ตกหลุมรักเขา แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้หญิงคนใดได้รับความสนใจจากเขาเลย นอกจากนี้หลังเสร็จจากการถ่ายทำก็ไม่มีใครหาตัวชินเจอ ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรอยู่ที่ไหน…เขาจะปรากฏตัวก็แค่สถานที่ถ่ายทำเท่านั้น
เรื่องราวของชินจึงได้อยู่ในบทสนทนาของเหล่านักแสดงสาวอยู่เสมอ
นักแสดงหนุ่มผู้ชอบทำตัวลึกลับ
“คุณคังฮเยรีครับ ถ้าพร้อมแล้วก็ขอเชิญได้เลยนะครับ”
เมื่อเสียงของทีมงานที่ยืนอยู่นอกห้องรับรองดังขึ้น มือของสไตลิสต์ก็ขยับกันให้วุ่น
วันนี้เธอมีฉากเลิฟซีนกับชิน ดังนั้นก่อนจะมาถึงที่นี่เธอได้อาบน้ำฉีดน้ำหอม แล้วก็อาบใหม่ฉีดน้ำหอมใหม่ถึงสามรอบด้วยความไม่มั่นใจและตื่นเต้น
ในที่สุดก็ถึงวันที่รอคอย สมกับที่เธอต่อสู้ฟาดฟันจนถึงขั้นลงมือขู่คังฮเยอินผู้เป็นทั้งผู้จัดการและพี่สาวของตน
“เบดซีน…”
ริมฝีปากสีแดงของเธอพลันแห้งผาก
***
“ออกไปให้หมด!”
“ประธานลี”
ผู้จัดการลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจเมื่อเห็นประธานลีเตะประตูห้องรับรองนักแสดงเข้ามา ขณะที่มือของสไตลิสต์เพิ่งเกลี่ยครีมรองพื้นลงบนใบหน้าของชิน
“ไม่ได้ยินที่บอกให้ออกไปรึไง”
ปลายนิ้วของสไตลิสต์ชะงัก จวนจะถึงเวลาถ่ายแล้ว แถมเวลาของสถานที่ถ่ายทำก็มีจำกัด สไตลิสต์จึงได้แต่ถอนหายใจ ก่อนจะเก็บรองพื้นลงกระเป๋าแล้วรีบเดินออกไปนอกห้องรับรอง
“นายก็ด้วย”
ประธานลีหันไปสั่งผู้จัดการ
“อีกเดี๋ยวก็จะถึงคิวถ่ายแล้วครับ ถ้ามีเรื่องจะพูด…”
“อย่ามาอวดดี”
นัยน์ตาสีดำเข้มเพ่งมอง แต่ผู้จัดการกลับไม่หลบสายตา
“ตอนนี้ร่างกายของชินไม่ค่อยดีเท่าไหร่ วันนี้ได้โปรดปล่อยชินไปเถอะครับ”
คำพูดของผู้จัดการทำให้ประธานลีระเบิดเสียงหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเงื้อมือขึ้นสูงแล้วฟาดลงเต็มแรง แต่กลับชะงักหยุดอยู่เหนือกกหูของอีกฝ่ายเพียงแค่ไม่กี่มิลลิเมตร แล้วมือนั้นก็เปลี่ยนเป็นตบเบาๆ สองสามครั้งที่แก้มของผู้จัดการ
“อยากลองดีรึไง อย่าให้ต้องพูดซ้ำ ออกไป!”
“แต่ว่า…”
“ออกไปก่อนเถอะพี่”
ชินไม่อาจทนดูได้อีกต่อไปจึงเอ่ยแทรกขึ้นระหว่างคนทั้งคู่
“ชิน!”
“ถ้ามีอะไรจะพูดก็พูดกับผมเถอะครับ อย่าทำอะไรพี่เขาเลย พี่ออกไปเถอะ”
ชินยิ้มเล็กน้อยเพื่อให้ผู้จัดการคลายความกังวล ทันทีที่ผู้จัดการเดินออกไปแล้วปิดประตูลง ชินก็หันไปมองประธานลีด้วยสีหน้าที่เย็นชา
“ดูเหมือนนายพอจะรู้ว่าตัวเองทำผิดอยู่สินะ”
ประธานลีมองชินก่อนจะเอ่ยออกมา
“ขอโทษที่มาถ่ายทำช้า แต่ผมมีเหตุ…”
“เมื่อทำผิดก็ต้องถูกทำโทษไม่ใช่เหรอ”
พอเห็นว่าประธานลีขยับเข้ามาทีละก้าว ดวงตาของชินก็สั่นระริกแต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ขยับถอยหนี ได้แต่กำมือแน่น
มือของประธานลีเอื้อมแตะชายเสื้อด้านหน้าของชิน เขามองสบดวงตาที่เบิกกว้างของชินก่อนจะอ้อมไปยืนด้านหลัง ชินถึงกับดิ้นทันทีเมื่อถูกมือข้างหนึ่งจับที่หน้าอกและอีกมือสอดมาที่หว่างขา
“จะทำอะไร…”
“เมื่อวานจะหนีเหรอ”
มือที่จับหน้าอกเลื่อนลงมาจับที่เอว ชินสะดุ้งแล้วเผลอตีมือนั้นเต็มแรง
“ผมทำในสิ่งที่คุณต้องการมาจนถึงเดี๋ยวนี้ แล้วคุณรู้มั้ยว่าคุณทำให้ผมต้องเจอกับอะไรบ้าง ผมถูกปิดตาและพาไปอยู่ต่อหน้าผู้หญิงพวกนั้น! รู้มั้ยว่าผมรู้สึกรังเกียจตัวเองมากแค่ไหน”
ชินกัดริมฝีปากพลางกำมือทั้งสองข้างแน่น
“เรื่องนี้ทำให้นายอายมากงั้นเหรอ”
ประธานลีแนบหน้าอกไปกับแผ่นหลังบาง แววตาของชินพลันเย็นเยียบเมื่อใบหน้าถูกมือของอีกฝ่ายลูบคลำ
“ถอยไป”
ชินพยายามดึงมือของประธานลีออก
“ทำตามที่ฉันสั่งทั้งหมดงั้นเหรอ ถ้าใครมาได้ยินเข้าคงคิดว่านายทำเพื่อฉันสินะ”
ประธานลีกระชับร่างของตัวเองให้ชิดร่างของชินมากยิ่งขึ้น
“นายยังต้องตอบแทนฉันไม่ใช่เหรอ มีหนี้แล้วก็ต้องใช้คืนสิ จะทำงานตลอดชีวิตเพื่อหามาคืน หรือขายร่างกายนี้แล้วใช้คืนก็ได้”
เมื่อมือของอีกฝ่ายลูบลงต่ำอีกครั้ง ชินก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดสะบัดตัวเขาออก ก่อนจะเหวี่ยงฝ่ามือใส่
“อย่ามาอวดดี ฉันไม่ได้เลี้ยงนายมาให้เป็นแบบนี้”
ทว่าประธานลีคว้ามือของชินไว้ก่อนจะดันร่างกระแทกผนังอย่างแรง ตอนนี้แววตาของประธานลีกระด้างและเย็นชา มองชินที่พยายามขัดขืนก่อนที่จะกระแทกเข่าไปที่หว่างขาของชินอย่างรวดเร็วและรุนแรง
“อยู่นิ่งๆ”
“โอ๊ย! อึก”
ชินถึงกับครางอย่างทรมานเมื่อถูกกระแทกเข้าที่กลางร่างกาย คิ้วของเขาขมวดมุ่น หน้าผากยับย่นด้วยความเจ็บปวด
“ฉันไม่กลัวคำขู่ของนายหรอก จะให้บอกเหตุผลเอามั้ย”
ประธานลีจับไหล่ของชินหมุนให้หันหน้าเข้าหาผนัง ก่อนที่จะกระแทกใบหน้านั้นเข้ากับผนังแล้วกดค้างเอาไว้ ชินพยายามดิ้นอีกครั้ง
“ปล่อย บอกให้ปล่อยไง”
มือของประธานลีเลื่อนลงมารูดซิปกางเกงของชินแล้วล้วงเข้าไปข้างใน
สองขาของชินไร้เรี่ยวแรงขัดขืนทันทีเมื่อมือของอีกฝ่ายล้วงเข้ามาจับส่วนอ่อนไหวอย่างแรง พอเห็นสีหน้าที่เจ็บปวดและทรมานของชิน ประธานลีก็พึงพอใจ
“อึก”
ยิ่งเห็นชินมีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาก็ยิ่งกระตุ้นมากขึ้น ทุกครั้งที่ชินพยายามบิดตัวไปมา เขาก็ยิ่งเพิ่มแรงบีบให้หนักขึ้นอีก
“ยะ…หยุด”
ลมหายใจคล้ายจะหยุดนิ่ง ร่างกายสั่นระริกคล้ายถูกไฟช็อต
ประธานลีมองชินด้วยสีหน้าพึงใจ
“เมื่อวานนี้ฮยอนก่อเรื่องอีกแล้ว”
“อึก”
ชินร้องครางด้วยความเจ็บปวดเมื่อประธานลีเพิ่มแรงบีบ
“นึกว่าจะยอมรับการรักษาอย่างว่าง่ายที่โรงพยาบาล แต่ที่ไหนได้เขากลับปฏิเสธยาและหนีไป เพราะอะไรนะ”
ประธานลีมองหน้าชินที่หายใจกระเส่า ก่อนที่จะขยับอีกมือไปรูดซิปกางเกงของตัวเอง
“ทั้งที่ยังอยู่ในอาการน่าเป็นห่วง สงสัยเขาคงไม่อยากอยู่แล้วมั้ง คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามที่เขาต้องการแล้วสิ ว่ามั้ย”
“ปะ…ปล่อย…มือนะ ไอ้โรคจิต…อึก”
“ผิดแล้ว ขืนยังทำตัวแบบนี้ก็คงไม่เกิดผลดีต่อชีวิตฮยอนสักเท่าไหร่ ปล่อยออกมาสิ ชิน”
ทันทีที่ความเป็นชายของชินถูกปล่อยจากมือข้างนั้น ชินก็รีบหมุนตัวกลับไป ตอนนี้กางเกงของประธานลีหลุดร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น
“เอาล่ะ คราวนี้ก็มารับโทษจริงๆ จังๆ เสียที…มานี่”
ประธานลีเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้แล้วกวักมือเรียกชิน แต่ชินส่ายหน้าเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่บริเวณหว่างขานั้น
“คุณมันบ้าไปแล้ว”
ไม่มีค่าอะไรให้ต้องเจอะเจอกันอีกต่อไปแล้ว ชินหมุนตัวกลับ เขาคิดอย่างนี้ตลอดไม่ว่าจะเป็นตอนที่ถูกโยนตารางงานนรกให้ หรือตอนที่อีกฝ่ายส่งตัวเขาไปหาผู้หญิงพวกนั้น พยายามบอกตัวเองให้อดทนกับความเลวร้ายที่สุดเหล่านั้นเพราะไม่มีอะไรเลวร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว
แต่มาวันนี้เขาเพิ่งรู้ว่าเขาคิดผิด เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของที่สุดยังมีอยู่ และมันพร้อมที่จะพุ่งมาหาเขาได้ตลอดเวลา
“หยุด”
ประธานลีตะโกนใส่ชินที่กำลังจับลูกบิดประตู
“…”
“ฉันบอกนายไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าอาการของฮยอนกำลังอยู่ในขั้นวิกฤต”
“คิดว่าผมจะเชื่อคำพูดของคุณงั้นเหรอ แล้วเขาเกี่ยวอะไรกับผม จากนี้ไปไม่ต้องเอาเรื่องนั้นมา…”
“นายไม่น่าจะมีเวลาขนาดนั้นนะ”
ประธานลีหัวเราะหยันพลางหยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ทันทีที่กดโทรออกและกดเปิดสปีกเกอร์โฟนปุ๊บก็มีเสียงคนรับสายปั๊บ
[ฮัลโหล] เสียงหนึ่งดังออกมาจากมือถือ
“ผมประธานลีครับ ไม่ทราบว่าฮยอนเป็นยังไงบ้างครับ”
รอยยิ้มลามกปรากฏขึ้นบนใบหน้าผิดกับน้ำเสียงจริงจังที่เอ่ยถามอีกฝั่ง
[ทำไมเพิ่งติดต่อมาล่ะครับ ตอนนี้เขาต้องได้รับการรักษาโดยด่วน คนไข้เริ่มหายใจติดขัดแล้วนะครับ หากปล่อยเขาไว้นานกว่านี้การรักษาคงยากขึ้น ผมไม่รู้หรอกนะว่าทำไมการรักษาถึงถูกสั่งระงับ แต่…]
“ลงมือรักษาเขาเดี๋ยวนี้!”
ทันทีที่ชินตะโกน ประธานลีก็หัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ
“ได้โปรดหยุดการรักษาไว้ก่อนนะครับจนกว่าผมจะติดต่อไปอีกครั้ง”
ประธานลีกล่าวก่อนจะกดวางสาย
“ว่าไง คราวนี้เชื่อฉันแล้วล่ะสิ”
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฮยอน ผมจะไม่ยกโทษให้คุณ”
“อา…อย่าเข้าใจผิด ฉันเองก็อยากช่วยเขา ไม่อยากพรากชีวิตที่อุตส่าห์ประคับประคองไปหรอกนะ แต่นายก็น่าจะรู้ใช่มั้ยว่าโลกนี้ไม่มีของฟรี ผลลัพธ์มันจะดีหรือร้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวนายเองนะ ชิน”
“คุณเอาชีวิตของคนมาขู่ผมเหรอ คุณมันชั่วช้าที่สุด”
เขาระเบิดเสียงหัวเราะเมื่อเห็นชินกำสองหมัดแน่น
“ทำไม จะไปหาทนายที่ไหนอีกเหรอ จะฟ้องฉันเรื่องสัญญาทาสอีกเหรอ เปล่าประโยชน์ นายก็รู้ดีนี่ การตัดสินคดีไม่ได้จบภายในครั้งเดียวนะ กว่าใครสักคนจะได้รับชัยชนะ พวกเขาก็ต้องคอยหาโอกาสตั้งสามครั้งกว่าจะได้มาซึ่งชัยชนะนั้น บางทีนายอาจจะได้รับการตัดสินให้ชนะและแก้ไขสัญญาทาสนิดๆ หน่อยๆ แต่ว่านะชิน ถ้าในระหว่างการดำเนินการนั้นฉันสั่งระงับการรักษาฮยอนล่ะก็…จะเป็นยังไงนะ แล้วไหนจะมีจองฮวันอีกคนด้วยสิ”
มือของประธานลีกวักเรียกชินอีกครั้ง
“มานี่”
“…”
ประธานลีลุกขึ้นพลางมองจ้องดวงตาที่เต็มไปด้วยเปลวไฟแห่งความเคียดแค้นของชิน
“ชินของฉันเติบโตขึ้นมากเลยนะ ทำให้ฉันเป็นฝ่ายเดินไปหานายก่อนได้”
เขาค่อยๆ สาวเท้าเดินมาหยุดยืนตรงหน้า แล้วใช้มือข้างหนึ่งกระชากผมของชินอย่างแรง
“คุณมันบ้า” ชินกล่าว
“อะไรที่บ้ากันแน่ระหว่างจิตใจที่หวังอยากจะช่วยชีวิตฮยอน หรือฉันที่เป็นผู้ชายแต่กลับรู้สึกปรารถนาร่างกายของนาย”
มืออีกข้างกดไหล่ของชินให้ทรุดลงนั่งกับพื้น
“ฉันจะบอกอะไรสนุกๆ ให้เอามั้ย หมู่นี้ฉันไม่ค่อยชอบกอดผู้หญิงเลย แต่กลับอยากทำอย่างนี้มากกว่า”
ประธานลีออกแรงกดบ่าของชินอีกครั้งเมื่อเห็นว่าชินกำลังจะลุกขึ้น ชินรีบเบือนหน้าหนีเมื่อความแข็งขึงที่แทบจะทิ่มหน้า
“ดูดมันซะ”
“ว่าไงนะ”
ประธานลีชี้สิ่งที่กำลังตื่นตัวเต็มที่พร้อมกับแอ่นเอวมาด้านหน้า
“อีกไม่นานก็จะถ่ายทำแล้วไม่ใช่เหรอ รีบๆ ทำเข้าสิ”
“อุบาทว์…”
“ไม่อยากช่วยฮยอนแล้วเหรอ”
ประธานลีหัวเราะเย้ยหยันทันทีที่เห็นแววตาของชินวูบไหวเมื่อได้ยินชื่อของฮยอน
“ให้เวลาแค่ห้านาที ทำให้ฉันสนุก แล้วฉันจะช่วยฮยอน”
“ไม่คิดว่ามันทุเรศไปหน่อยเหรอ”
“ถ้าอยากช่วยคนก็ต้องรีบลงมือหน่อยนะ ตอนนี้ผ่านไปหนึ่งนาทีแล้ว ถ้านายไม่สามารถทำให้ฉันเสร็จภายในเวลาที่เหลือล่ะก็ ฉันไม่รับประกันว่าชีวิตของฮยอนจะเป็นยังไง เพราะฉะนั้น…”
ชินขยับหน้าเข้าไปใกล้แล้วคว้ามันไว้ แค่คิดว่าจะต้องใส่เข้าปาก ชินก็รู้สึกพะอืดพะอมคล้ายจะอาเจียน แต่ในที่สุดเขาก็รีบหลับตาทำสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ
“อุ๊บ…”
เมื่อชินอ้าปากและค่อยๆ อมสิ่งนั้นอย่างเชื่องช้า ประธานลีก็ขยับเอวดันมันเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดในปากของชิน แล้วก็ใช้มืออีกข้างจับต้นคอของชินเอาไว้
“อื้อ”
ทันทีที่ประธานลีกระแทกเอวอย่างแรง อาการคลื่นไส้ของชินก็พลันรุนแรงขึ้น น้ำตาเริ่มคลอเบ้า ความใหญ่โตนั้นขยับเข้าออกแรงๆ หมายจะเข้าไปให้ลึกสุดเท่าที่จะทำได้
“อึก”
เสียงครางอย่างทรมานดังลอดออกจากปากของชินทุกครั้งที่อีกฝ่ายขยับเอว
ประธานลีมองชินด้วยสายตาเร่าร้อนขณะกระแทกความเป็นชายเข้าออก ใบหน้าขาวและริมฝีปากแดงที่กำลังโอบรอบตัวตนของเขาอยู่ช่างเป็นภาพที่เย้ายวนจนแทบทนไม่ไหว
“อึก…อึก…”
ประธานลีดันต้นคอของชินเข้าหาตัวและขยับสะโพกไม่หยุด
“อึก!”
แล้วความสุขสมของประธานลีก็ทะลักเต็มปากชินทั้งที่ยังไม่ถึงสามนาทีดีนัก
โปรดติดตามตอนต่อไป…
Comments
comments