กระวานน้อยแรกรัก
ทดลองอ่าน กระวานน้อยแรกรัก บทที่ 3
“อาถาน รีบนั่งสิ ข้าได้บอกให้พวกเขาเตรียมชากับอาหารว่างเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว มีแต่ของที่เจ้าชอบกินทั้งนั้นเลย อ้อ จริงสิ เมื่อครู่นี้พูดถึงเรื่องใดแล้วนะ”
ไป๋หมินหมิ่นเป็นคนช่างพูด นางพูดมาตลอดทางไม่ยอมหยุด พูดตั้งแต่เรื่องน่ากลัดกลุ้มในจวนตนเองยาวรวดไปจนถึงเรื่องงานเลี้ยงในอุทยานยงหยวน
“งานเลี้ยง ใช่ เรื่องงานเลี้ยงในวัง สาวใช้ในจวนพวกเจ้านี่ก็ปากเปราะจริงๆ เสิ่นฮว่าน่ะหรือจะไต่เต้าเข้าจวนติ้งเป่ยอ๋องได้ ถึงเสิ่นอวี้พี่ชายของนางจะได้รับความไว้วางใจจากติ้งเป่ยอ๋อง แต่ก็ไม่ใช่ไว้ใจผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วจะแต่งน้องสาวของผู้ใต้บังคับบัญชาเข้าจวนเป็นชายาได้กระมัง ขนาดกู้จิ่วโหรวยังถูกฉีกหน้ากลางงานเลย พูดถึงเรื่องนี้แล้ว กู้จิ่วโหรวนี่ก็ช่างกล้าจริงๆ ฮ่องเต้กับฮองเฮาก็ประทับอยู่ด้วย ไม่เพียงกล้าพูดโพล่งชื่นชมออกมา ยังจะบรรเลงเพลงต่อหน้าทุกคนอีก คิดอย่างไรของนางกันแน่”
“กู้จิ่วโหรวทำตัวใจกล้าบ้าบิ่นไปหน่อยก็จริง แต่ติ้งเป่ยอ๋องผู้นั้นก็ออกจะอวดดีไร้มารยาทเกินไปเหมือนกัน” ยามอยู่กับไป๋หมินหมิ่น หมิงถานมักจะทำตัวผ่อนคลายสบายใจ กอปรกับมีลวี่เอ้อเฝ้าระวังอยู่ข้างนอก นางเอามือเท้าแก้ม เอ่ยต่อว่าต่อขานอย่างไม่มีความระแวดระวัง “พวกดีแต่ใช้กำลังล้วนแต่โอหังหยาบกระด้าง ข้าว่าเขาคงจะไม่ใช่คนจิตใจดีอันใดหรอก”
“…” จางไหวอวี้ ลู่ถิง และซูจิ่งหรานไร้คำพูดเอื้อนเอ่ยโดยพร้อมเพรียงกัน
‘คนดีแต่ใช้กำลังโอหังหยาบกระด้าง’ เองก็ชะงักนิ่งไปเช่นกัน
หมิงถานไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย นางจิบชาหนึ่งอึกอย่างสง่างาม ในที่สุดก็นึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “จริงสิ สองวันมานี้เจ้าสืบรู้บ้างหรือไม่ว่าท่านลุงคิดจะทำอย่างไรต่อ”
ไป๋หมินหมิ่นเอาแต่รู้สึกว่าตนเองเหมือนกับลืมเรื่องสำคัญอันใดบางอย่างไป ยามนี้หมิงถานเอ่ยถามขึ้นเองนางถึงนึกขึ้นมาได้ “อ๊ะ ยังไม่มีเลย วันนั้นเจ้าเองก็เห็นแล้ว ท่าทางของท่านพ่อข้าอย่างกับอยากจะถือมีดไปฟันคนที่จวนลิ่งกั๋วกงใจแทบขาด แต่เพราะถูกอาจารย์โจวโน้มน้าวเอาไว้ หลายวันมานี้จึงเก็บอารมณ์เอาไว้ได้ ข้าคิดว่าคงอยากจะรอบิดาเจ้ากลับมาเมืองหลวงก่อนค่อยปรึกษาหารือกัน”
หมิงถานได้ยินดังนั้นคิ้วงามก็ขมวดมุ่นน้อยๆ
ที่หมิงถานรู้เรื่องสกปรกโสมมของคู่หมั้นนางได้ก็เพราะเมื่อหลายวันก่อนนางไปคารวะญาติผู้ใหญ่ที่จวนชางกั๋วกง ต่อมาถูกไป๋หมินหมิ่นลากไปแอบหยิบนิยายในห้องหนังสือ
เดิมทีหานิยายเจอแล้ว แต่ไม่คาดคิดว่าตอนกำลังจะแอบหนีออกไป ไป๋จิ้งหยวนซึ่งเป็นท่านลุงของหมิงถานกับอาจารย์โจวซึ่งเป็นที่ปรึกษากลับเดินเข้ามาในห้องหนังสือพร้อมกัน พอเข้าประตูมาก็ระเบิดโทสะอย่างรุนแรง ขว้างปาจานรองหมึกชั้นดีทันที ซ้ำยังด่าทอบรรพบุรุษสิบแปดรุ่นของจวนลิ่งกั๋วกงพร้อมกันอย่างสาดเสียเทเสีย ไม่ให้โอกาสพวกนางได้ปฏิเสธไม่รับฟังเลยสักนิด
‘ภรรยาเอกยังไม่ทันแต่งเข้าจวนก็แอบได้เสียกับญาติผู้น้องซ้ำยังมีบุตรนอกสมรสด้วยกันอีก เรื่องโสโครกโสมมพรรค์นี้มีแต่สกุลเหลียงของพวกเขาเท่านั้นกระมังที่ทำได้! เจ้าเด็กสารเลวนั่นแค่เลื่อนฐานะขึ้นมาได้หน่อยก็คิดว่าตนเองเป็นเชื้อพระวงศ์จริงๆ แล้วอย่างนั้นหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะการหมั้นหมายนี้กำหนดเอาไว้นานแล้ว ลำพังความทุเรศเหลวแหลกของพวกเขาต่อให้รอไปถึงแปดรุ่นก็ไม่คู่ควรกับอาถานหรอก! เขาคิดว่าจวนจิ้งอันโหวหรือจวนชางกั๋วกงตายกันหมดจวนแล้วหรือไร มีอย่างนี้ที่ไหนกัน!’
ตอนนั้นหมิงถานกับไป๋หมินหมิ่นต่างก็ตกใจจนตะลึงงันไป หลบซ่อนอยู่ที่เดิมไม่กล้าขยับเขยื้อนอยู่พักใหญ่
พอค่อยๆ ได้สติกลับคืนมาแล้ว ไป๋จิ้งหยวนกับอาจารย์โจวก็ออกไปจากห้องหนังสือราวกับสายลมพัดโหม
จริงๆ แล้วในตอนนั้นพอเริ่มรู้ตัว ไป๋หมินหมิ่นก็โมโหจนจะปรี่ออกไปหาไป๋จิ้งหยวนบิดาของนาง ให้เขาไปที่จวนลิ่งกั๋วกงเพื่อทวงความยุติธรรมให้หมิงถานทันที
แต่ก็เหมือนดั่งที่อาจารย์โจวโน้มน้าว เรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ดีไม่งามสักเท่าไร โวยวายใหญ่โตไปก็ไม่เกิดประโยชน์ต่อทั้งสองฝ่าย นอกจากนั้นบิดาของหมิงถานก็อยู่ระหว่างทางกลับมารายงานสถานการณ์ที่เมืองหลวงแล้ว หากบ้านฝ่ายลุงออกหน้าโดยพลการอาจจะถูกครหาว่าทำเกินขอบเขตได้
ก่อนหน้านี้ลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะเลยไม่ได้รู้สึกอันใด แต่ยามนี้พอคิดขึ้นมา ไป๋หมินหมิ่นก็ยังโกรธแค้นยากจะทน
นางกินขนมไปสามชิ้นติดๆ กัน ด่าทอต่อว่าจวนลิ่งกั๋วกงเหมือนกับบิดานาง จากนั้นก็ตบโต๊ะเอ่ยรับปากกับหมิงถานว่า “เรื่องนี้เป็นความผิดสกุลเหลียงของเขาทั้งสิ้น ความประพฤติต่ำทรามเช่นนี้ไหนเลยจะเอามาเป็นคู่ครองของเจ้าได้! อาถาน เจ้าไม่ต้องกังวลไป มีท่านพ่อข้าอยู่ทั้งคน อย่างไรก็ต้องถอนหมั้นครั้งนี้ให้จงได้!”
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าคนผู้นี้เอามาเป็นคู่ครองไม่ได้ แต่ว่าเรื่องถอนหมั้น…”
หมิงถานไม่ได้เอ่ยต่อไป ทว่าไป๋หมินหมิ่นกับคนที่อยู่ห้องข้างๆ ต่างก็เข้าใจดีว่าโลกนี้โหดร้ายทารุณกับสตรียิ่งนัก ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใด หากถอนหมั้นก็จะต้องทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างแน่นอน
หมิงถานชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่านึกอันใดอยู่ จู่ๆ นางก็เท้าคางแล้วขยับเข้าไปใกล้ๆ ไป๋หมินหมิ่นเอ่ยถามหยั่งเชิงว่า “หมินหมิ่น เจ้าว่าพอถึงตอนนั้นถ้าถอนหมั้นแล้ว…ข้าควรจะแสดงออกเช่นไรดีถึงจะดูเป็นผู้บริสุทธิ์หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี”
“บริสุทธิ์หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี?”
ไป๋หมินหมิ่นวางขนมในมือลง ซ้ำยังตั้งอกตั้งใจย้อนนึกจริงๆ
“ข้าจำได้ว่าตอนคุณหนูห้าสกุลหลี่ถูกถอนหมั้น นางไปหั่นผมประชดที่บ้านคู่หมั้นด้วยตนเอง ยังมีคุณหนูสามสกุลฟางที่อยู่ทางตะวันออกของเมือง คู่หมั้นของนางไถ่ตัวสตรีจากหอโคมเขียวผู้หนึ่งกลับมาก่อนจะถึงวันแต่งงาน เหตุผลเพราะนางผู้นั้นตั้งครรภ์ ซ้ำยังจะรับนางเข้าจวนตามขนบการแต่งอนุภรรยาสุจริตชน* อีกด้วย คุณหนูสามสกุลฟางทราบเรื่องนี้เข้า จึงใช้ผ้าขาวผูกกับขื่อห้อง แขวนคอฆ่าตัวตาย”
“ไม่ต้องหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีถึงเพียงนี้ก็ได้”