ท่ามกลางเสียงโห่ร้องยินดีของราษฎร ในที่สุดดอกไม้ไฟของเรือหลวงก็ลอยขึ้นฟ้าทีละลูกๆ บนฝั่งก็มีจวนของคหบดีร่ำรวยจุดดอกไม้ไฟร่วมด้วยเช่นเดียวกัน ทันใดนั้นท้องนภายามราตรีก็ดูเหมือนถูกแสงสีเจิดจ้าสดใสนี้ส่องสว่างราวกับเป็นเวลากลางวัน
หมิงถานกับไป๋หมินหมิ่นถือกำเนิดจากตระกูลสูงศักดิ์ พบเจอของดีๆ มาไม่น้อย แต่อย่างไรพวกนางก็เป็นเด็กสาวที่ยังเยาว์วัยใสซื่อ ยามนี้จึงต่างกลั้นลมหายใจจดจ้อง ไม่ยอมกะพริบตาแม้แต่แวบเดียว
“งดงามจริงๆ” หมิงถานเท้าคางพลางมองไปยังท้องนภายามรัตติกาล อุทานออกมาเสียงแผ่วเบา
ไป๋หมินหมิ่นพยักหน้า เอ่ยด้วยความสุขสำราญว่า “ข้าชอบอันที่เป็นรูปกระต่ายเมื่อครู่นี้ที่สุดเลย น่ารักยิ่ง!”
“ข้าชอบดอกไม้ไฟสีทองที่โปรยปรายลงมาเป็นระยะๆ พวกนั้น เสียงแผ่วๆ เบาๆ เสนาะหูเหลือเกิน เหมือนกับ… รีบดูเร็วเข้า มาอีกแล้ว!”
สุ้มเสียงนุ่มนวลแฝงความลิงโลดของเด็กสาวไม่เพียงแต่ดึงดูดให้สหายหันไปมองอย่างตั้งอกตั้งใจ ยังดึงดูดให้คนหลายคนที่อยู่ในห้องอุ่นข้างๆ มองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน
เจียงซวี่มิได้ขยับกาย เขายังคงรินสุราดื่มเองอยู่เหมือนเดิม ทว่าตำแหน่งของเขาอยู่ตรงข้ามกับหน้าต่างพอดี เมื่อเงยหน้าขึ้น สายพิรุณสีทองที่ดุจดังภาพฝันมายาท่ามกลางม่านราตรีก็ถูกกักเก็บเข้าสู่ในดวงตาของเขาจนหมดสิ้นพอดิบพอดี
แม้ดอกไม้ไฟสุดแสนงามล้ำปานใด แต่ก็เกิดขึ้นเพียงแค่ช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น ไม่นานท้องนภายามราตรีก็กลับคืนสู่ความสงบเงียบ หมิงถานยืนอยู่ริมหน้าต่าง เนิ่นนานก็ยังไม่ได้สติคืนกลับมา ซ้ำยังดูทุกข์ระทมอย่างไม่มีสาเหตุอีกด้วย
โชคดีที่ยามนี้ยังไม่ถือว่าดึกมาก ไป๋หมินหมิ่นอยากจะไปเดินเที่ยวที่ถนนริมน้ำหนานอวี้ จึงยุให้หมิงถานไปด้วยกันอย่างสุดความสามารถ
ความเศร้าสร้อยของหมิงถานพลันถูกภาพการแห่รถบุปผา โคมไฟมากมายหลากสีสันที่ไป๋หมินหมิ่นพรรณนาให้ฟังขับไล่จนหายเกลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้หมิงถานไม่เคยเดินเที่ยวถนนริมน้ำหนานอวี้ในคืนเทศกาลซั่งหยวนมาก่อน ถนนสายยาวริมแม่น้ำเส้นนี้ครื้นเครงรื่นเริงไม่ธรรมดา ทั้งยังมีผู้คนหลากประเภทปะปนกันไป ช่วงเทศกาลซั่งหยวนในแต่ละปีมักจะมีหญิงสาวหรือเด็กน้อยเกิดเรื่องในแถบนี้เป็นประจำ ดังนั้นตระกูลผู้สูงศักดิ์จึงต่างห้ามไม่ให้บุตรสาวของตนเองเหยียบย่างมาที่นี่
หญิงสาวทั้งสองใช้ผ้าโปร่งปกปิดใบหน้าอย่างระมัดระวัง ยามลงจากรถม้าเบื้องหน้าก็มีแสงจากโคมไฟสว่างไสวโชติช่วง เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ รื่นเริงคึกคักจนทำให้หมิงถานเผลอมองเหม่อไปชั่วขณะ
ไป๋หมินหมิ่นแอบแวะมาที่นี่ติดต่อกันหลายปี จึงไม่ได้รู้สึกอัศจรรย์ใจแต่อย่างใด นางมองไปรอบๆ ไม่รู้ว่าพบเห็นสิ่งใดกัน อยู่ๆ ก็อุทานออกมาหนึ่งเสียง “เอ๊ะ?”
“มีอันใดหรือ” หมิงถานเอ่ยถาม
“ไม่มีอะไรหรอก แค่ข้าดูเหมือนจะเห็นคุณชายรองสกุลซูเข้า” ไป๋หมินหมิ่นจ้องมองออกไปข้างหน้า สีหน้าดูสนใจใคร่รู้เล็กน้อย
คุณชายรองสกุลซูเป็นบุตรชายของอัครเสนาบดีฝ่ายขวา บุคลิกสูงส่งสง่างาม มีความรู้ความสามารถโดดเด่น สตรีในเมืองหลวงที่ชมชอบเขามีอยู่ไม่น้อย
ได้ยินว่าการสอบขุนนางช่วงฤดูใบไม้ผลิเขาก็เข้าร่วมสอบด้วย ชาวบ้านร้านตลาดต่างก็พูดกันว่าด้วยรูปโฉมและความสามารถอย่างคุณชายรองสกุลซูคงจะเป็นตัวเต็งตำแหน่งทั่นฮวา* ของการสอบในปีนี้แน่ๆ
หมิงถานเองก็เคยพบเห็นเขาอยู่ไกลๆ ในงานเลี้ยงของสกุลซู เขาถือว่าเป็นคุณชายสูงศักดิ์นุ่มนวลผู้มีความสามารถอนาคตยาวไกลคนหนึ่งจริงๆ ถ้านางไม่ได้มีการหมั้นหมายแย่ๆ กับจวนลิ่งกั๋วกงอยู่ คิดว่าเจรจาเรื่องการแต่งงานกับคนสกุลซูก็ไม่เลวเช่นกัน จะว่าไปไม่ช้าก็เร็วนางย่อมต้องถอนหมั้นอยู่แล้ว นางก็ควรเริ่มครุ่นคิดเรื่องมองหาคู่ครองดีๆ ใหม่เอาไว้ล่วงหน้าได้แล้วกระมัง