ผ่านไปครู่หนึ่ง นางพลันคิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “จริงสิ ช่วงนี้อาถานมีอันใดผิดปกติหรือไม่ หลายวันก่อนตอนเข้าวัง นางเอาแต่จ้องหญิงสาวครอบครัวสกุลเหลียงอยู่เป็นนาน ยามอยู่ข้างนอกนางรู้กฎระเบียบดียิ่ง ถ้าหากไม่มีเรื่องอันใด คงไม่มีทางลืมตัวเช่นนี้ แล้วก็ที่ตกน้ำเมื่อคืนเทศกาลซั่งหยวนนั่นอีก… ภายหลังสกุลเหลียงส่งของกำนัลแสดงความห่วงใยมาให้ นางก็กลับเฉยชา ดูเหมือนไม่ได้ชื่นชอบสักเท่าไร”
แม่นมจางเอ่ยตอบว่า “คุณหนูสี่อายุยังน้อย ฮูหยินคนก่อนให้นางหมั้นหมายกับสกุลเหลียงตั้งแต่ยังเล็ก ปกติทั้งสองสกุลไปมาหาสู่กันน้อยครั้ง จะสนใจใคร่รู้ก็มิใช่เรื่องแปลกหรอกเจ้าค่ะ ส่วนการที่สกุลเหลียงมอบของกำนัลเพื่อแสดงความห่วงใย ได้เป็นที่ชื่นชอบของบ้านสามีในอนาคต ในใจของคุณหนูสี่ต้องปลาบปลื้มยินดีแน่นอนเจ้าค่ะ แต่ว่าเด็กสาวอายุน้อยนั้นหน้าบาง ไม่กล้าแสดงออกมาก็เท่านั้นเอง”
ทว่าเผยซื่อยังคงรู้สึกผิดปกติอยู่ดี แต่ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดมาก
หากเทียบกับจวนจิ้งอันโหวที่กำลังรอคอยผู้เป็นนายของตระกูลเดินทางกลับเมืองหลวง เรื่องที่เหล่าชนชั้นสูงในเมืองหลวงให้ความสนใจในระยะนี้กลับเป็นเรื่องใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่มีลางบอกเหตุมาก่อน…
เฉิงเอินโหวกู้จิ้นจงยึดครองที่ดินผู้อื่น ลักลอบเปิดเหมืองเกลือ ความผิดมากมายหลายกระทง ตอนนี้ถูกริบบรรดาศักดิ์ยึดทรัพย์สิน ถูกตัดสินให้เนรเทศไปยังดินแดนห่างไกลพันลี้* อวี้กุ้ยเฟยผู้เป็นที่โปรดปรานเสมอมาก็ได้รับผลกระทบจากคดีนี้ด้วยเช่นเดียวกันจนต้องถูกขับไล่เข้าตำหนักเย็น เคราะห์ดีที่ความผิดไม่พัวพันไปถึงคนในครอบครัว ดังนั้นนอกจากคนที่เกี่ยวข้องแล้ว คนอื่นๆ เพียงแค่ถูกลดฐานะเป็นสามัญชน บุรุษไม่สามารถเข้าร่วมการสอบขุนนางได้
ยามทุกคนพูดคุยถึงเรื่องนี้ก็อดสะท้อนใจมิได้
“ลดฐานะเป็นสามัญชนห้ามเข้าร่วมการสอบขุนนาง สกุลกู้ไม่มีหวังกลับมารุ่งเรืองดังเดิมได้ภายในสามรุ่นแน่นอน” ไป๋หมินหมิ่นถอนหายใจเฮือกใหญ่ “งานเลี้ยงในวังช่วงเทศกาลซั่งหยวนกู้จิ่วโหรวยังใจกล้าถวายบทเพลงอยู่เลย นี่เพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเอง เหตุใดถึงกะทันหันเช่นนี้เล่า”
โจวจิ้งหว่านบุตรสาวราชบัณฑิตสำนักฮั่นหลิน* ซึ่งเป็นสหายรักกับหมิงถานและไป๋หมินหมิ่นเอ่ยเสียงแผ่วเบาว่า “ไม่กะทันหันหรอก วันนั้นข้าโดนลมหนาวจนเป็นหวัด ต้องพักผ่อนอยู่ในบ้านเลยมิได้ไปร่วมงานเลี้ยง ภายหลังก็พอจะได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นในตำหนักอยู่บ้าง อันที่จริงสถานการณ์ในตำหนักตอนนั้นก็บอกใบ้ได้หลายเรื่องแล้ว”
หมิงถานเข้าใจจุดสำคัญได้อย่างทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรกแล้ว คำพูดของโจวจิ้งหว่านก็ตรงกับสิ่งที่นางคิดอยู่เช่นกัน
มีเพียงไป๋หมินหมิ่นเท่านั้นที่ฉงนงงงวย “อาถาน เจ้าฟังเข้าใจด้วยหรือ เหตุใดถึงไม่กะทันหัน เหตุใดถึงมีการบอกใบ้เอาไว้แล้วเล่า”
หมิงถานคร้านจะอธิบาย นางดันถั่วเหอเถา** บนโต๊ะไปตรงหน้าไป๋หมินหมิ่น “กินเยอะๆ หน่อย จะได้บำรุงสมอง”