บทที่ 7
เมื่อเกลี้ยกล่อมหมิงฉู่ได้แล้ว หลิ่วอี๋เหนียงก็ฝืนยิ้มมองไปทางหมิงถาน “คุณหนูสี่ ฉูฉู่นาง…”
หมิงถานคร้านจะฟัง จึงเอ่ยพูดตัดบททันที “นี่ก็ช้ามากแล้ว ข้ายังต้องไปคารวะท่านแม่อีก ขอตัวก่อน”
เสิ่นฮว่าเห็นดังนั้นจึงเดินตามไป “น้องสี่ ข้าจะไปกับเจ้าด้วย”
ที่ผ่านๆ มาเสิ่นฮว่าไม่ชอบหน้าหมิงถาน แต่วันนี้พอมีหมิงฉู่มาเป็นตัวเปรียบเทียบ นางกลับรู้สึกว่าคู่ปรับตัวฉกาจผู้นี้น่ามองน่าชมขึ้นไม่น้อย
คำโบราณกล่าวได้ดีว่าคนชั่วย่อมโดนคนชั่วยิ่งกว่าเล่นงาน น้องสี่ของนางเสียดสีคนได้แสบสันเหลือเกิน ประเดี๋ยวบอกไม่ดีไม่งาม ประเดี๋ยวบอกไม่รู้จักกฎระเบียบ ซ้ำยังยัดเยียดความผิดฐาน ‘ไม่ทะนุถนอมน้องสาวเยาว์วัย’ อันใดนั่นใส่อีก อายุห่างกันแค่ปีเดียว เยาว์วัยที่ใดกัน ความสามารถในการพูดดีเข้าตัวให้ตนเองช่างล้ำเลิศไร้ที่ติจริงๆ
แต่ผ่านไปได้แค่ครู่เดียวเสิ่นฮว่าก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดไปเสียแล้ว
หากเทียบกับความสามารถในการพูดดีเข้าตัว ความสามารถในการแสดงละครของคุณหนูสี่สกุลหมิงยิ่งสามารถทำให้นักแสดงละครชื่อดังจากคณะละครฝูชุนตกงานได้เลยทีเดียว
หลังจากทั้งสองมาถึงเรือนของเผยซื่อ นั่งไปได้ไม่นาน ข้างนอกก็มีคนเข้ามารายงานว่าท่านโหวกลับถึงจวนแล้ว กำลังมุ่งหน้ามายังเรือนหลันซิน
ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนต้อนรับ
เสิ่นฮว่าเผลอเหลือบไปเห็นหมิงถานหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาจากในแขนเสื้อกว้างแล้วกดไปที่ดวงตาเล็กน้อย ทันใดนั้นขอบตาก็เริ่มแดงระเรื่อ หยาดน้ำตาเอ่อคลอวาววับ
ขณะที่เสิ่นฮว่ากำลังคิดว่า ปกติก็ไม่ได้เห็นว่าหมิงถานมีความรักฉันบิดาบุตรสาวกับจิ้งอันโหวอย่างลึกซึ้งอันใดเสียหน่อย…ฉับพลันนางก็เห็นหมิงถานยกชายกระโปรงขึ้น วิ่งถลาออกไปหาบุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ไว้หนวดสั้นที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในลานเรือน ทั้งยังร้องเรียกว่า “ท่านพ่อ”
สุ้มเสียงของหมิงถานนุ่มนวลและใสกังวาน เจือด้วยแววสะอึกสะอื้นที่แสร้งทำเป็นอดกลั้นเอาไว้ สามารถทำให้คนเกิดความรู้สึกอยากจะปกป้องขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
และแล้วก็เป็นอย่างที่หมิงถานคาดคิดเอาไว้ หมิงถิงหย่วนซึ่งไม่ได้พบหน้าบุตรสาวคนเล็กมาห้าปี เดิมทีแม้แต่ใบหน้านางก็ไม่น่าจะจดจำได้ในทันทีทันใดก็ตบบ่าเรียวบางของหมิงถานเบาๆ ทันที เอ่ยปลอบประโลมด้วยเสียงอบอุ่น “บุตรสาวคนดีของพ่อ เจ้าเป็นอันใดไป มีใครรังแกเจ้าใช่หรือไม่”
หมิงถานเงยศีรษะเล็กๆ ขึ้นมา ดวงตาแดงระเรื่อ ส่ายศีรษะพร้อมเอ่ยว่า “ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ อาถานแค่คิดถึงท่านพ่อเหลือเกิน” วาจาเพิ่งจะสิ้น หยาดน้ำตาใสๆ ก็หลั่งรินลงมาตามขอบตา
นางรีบใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาเล็กน้อย ต่อมาก็ถอยออกไปครึ่งก้าวอย่างอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะยอบกายคารวะพลางเอ่ย “อาถานคารวะท่านพ่อเจ้าค่ะ อาถานเสียกิริยา ลืมกฎระเบียบไปชั่วขณะ ขอท่านพ่อโปรดลงโทษด้วย”
ในใจหมิงถิงหย่วนปลาบปลื้มดีใจยิ่งนัก
บุตรสาวคนเล็กของเขาที่ไม่ได้เจอกันมาห้าปีผู้นี้ทั้งกตัญญูรู้ประสีประสา มีมารยาทเคารพขนบธรรมเนียม ที่สำคัญที่สุดคือยังเติบโตมามีรูปโฉมงดงามราวกับเทพธิดา อืม สมกับเป็นบุตรสาวของข้าหมิงถิงหย่วน!
ละครฉากอบอุ่นที่นอกเรือนแสดงมาถึงตรงนี้ เผยซื่อก็เดินนำคนที่อยู่ในเรือนออกมาต้อนรับพอดี
“ท่านโหว” เผยซื่อขานเรียกสามี จากนั้นก็พยุงหมิงถานขึ้นมา เอ่ยยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงอบอุ่นนุ่มนวลว่า “ไม่เจอกันมาตั้งห้าปี อาถานคงคิดถึงท่านโหวมากจริงๆ ดูสิ ร้องไห้เป็นลูกแมวน้อยเชียว”
หมิงถิงหย่วนลูบศีรษะหมิงถานเบาๆ เอ่ยยิ้มๆ ด้วยน้ำเสียงสดใสเช่นเดียวกัน “ข้าว่าฮูหยินคงอบรมสั่งสอนลูกแมวน้อยตัวนี้มาเป็นอย่างดียิ่ง!”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเผยซื่อฉีกกว้างขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นางกำลังจะเอ่ยตอบอันใดบางอย่าง ทันใดนั้นก็มีคนพุ่งเข้ามาในลานเรือน ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ท่านพ่อ!”
…เป็นหมิงฉู่