เพราะเมื่อก่อนตอนอยู่ที่เขตหยางซี พวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกต่างก็กินอาหารร่วมกัน ทว่าวันนี้นั่งลงกินอาหารไม่ได้ก็ช่างปะไร นี่ยังต้องมาปรนนิบัติสตรีที่ออกไข่ไม่ได้ซึ่งยึดครองตำแหน่งนายหญิงของจวนไปอีก! เพียงคิดถึงจุดนี้หมิงฉู่ก็รู้สึกว่าอาหารเลิศรสตรงหน้าจืดชืดไปในทันที
ยามนี้หมิงถานกลับคีบเอ็นกวางตุ๋นให้หมิงถิงหย่วนหนึ่งชิ้น “ท่านพ่อ ลองชิมดูสิเจ้าคะ”
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเอ็นกวางตุ๋นจานนี้รสชาติเป็นอย่างไร ลำพังแค่การเคลื่อนไหวยามนางคีบเอ็นกวางตุ๋นเช่นการกดแขนเสื้อ เปลี่ยนตะเกียบ วางเอ็นกวางตุ๋นลงในจานเล็กข้างถ้วยโดยที่ไม่เปรอะเปื้อนน้ำปรุงรสเลยแม้แต่เศษเสี้ยว ก็ทำให้หมิงถิงหย่วนพึงพอใจเป็นอย่างมากแล้ว
เขาเป็นคนหยาบกระด้างที่มีความรู้ความเข้าใจในสุนทรียศาสตร์อย่างจำกัด แต่นี่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการใฝ่รู้ชื่นชมความงดงามของเขา หาไม่แล้ว ในบรรดาอนุภรรยาทั้งหลายเขาคงไม่โปรดปรานหลิ่วอี๋เหนียงที่มีความรู้ความสามารถมากที่สุดผู้นี้หรอก
เมื่อเห็นว่าคนที่งามสง่าเช่นนี้คือบุตรสาวของตนเอง ในใจของเขาก็ยิ่งบังเกิดความรู้สึกปลาบปลื้มชื่นชมราวตนเองก็พลอยได้หน้าได้ตาไปด้วย เขาชิมเอ็นกวางตุ๋นเข้าไปหนึ่งคำ จากนั้นก็พยักหน้า เอ่ยชมไม่ขาดปากว่า “อืม อ่อนนิ่มสดใหม่ รสชาติไม่เลว!”
“ท่านพ่อชอบก็ดีแล้วเจ้าค่ะ” หมิงถานยิ้มตาหยี
“จะไม่ชอบได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่ออาถานอุตส่าห์ตั้งใจทำเอ็นกวางตุ๋นจานนี้ให้ท่านโหวโดยเฉพาะเลยนะเจ้าคะ” เผยซื่อเองก็คีบให้หมิงถิงหย่วนเพิ่มอีกหนึ่งชิ้น “เอ็นกวางยากจะตุ๋นให้อ่อนนุ่มได้ ได้ยินว่าต้องต้มก่อนเนิ่นๆ หลายวัน แล้วก็ตุ๋นด้วยน้ำแกงเนื้อรอบหนึ่ง ไหนยังต้องตุ๋นด้วยน้ำแกงไก่ที่ตั้งทิ้งเอาไว้หนึ่งวันเต็มๆ อีกหนึ่งรอบ น้ำแกงเนื้อกับน้ำแกงไก่ที่นำมาใช้ตุ๋นต้องปรุงอย่างพิถีพิถันมากเช่นกัน เพื่ออาหารจานนี้แล้ว หลายวันมานี้อาถานต้องคอยจับตาดูอย่างละเอียดเชียวเจ้าค่ะ”
หมิงถิงหย่วนกินชิ้นที่เผยซื่อคีบให้อีกคำเป็นการให้เกียรตินางอย่างมาก ในใจรู้สึกชื่นชมอย่างเปี่ยมล้น “อาถานว่านอนสอนง่ายกตัญญูรู้คุณมาตั้งแต่ยังเล็ก แน่นอนว่าเป็นความโชคดีที่ได้ฮูหยินคอยช่วยอบรมสั่งสอนอย่างเอาใจใส่มาตลอดหลายปีนี้ด้วย”
พูดจบเขาก็คีบลูกชิ้นไข่มุกให้หมิงถานกับเผยซื่อคนละลูก “อย่ามัวแต่สนใจข้าเลย อาหารจานนี้ปรุงได้ยอดเยี่ยมยิ่ง พวกเจ้าเองก็ลองชิมด้วยสิ”
“ขอบคุณท่านพ่อ”
“ขอบคุณท่านโหว”
หมิงฉู่ “…”
ผีสางเท่านั้นล่ะที่เชื่อว่าคุณหนูอ้อนแอ้นบอบบางมือไม่เคยแตะงานบ้านผู้นี้จะลงมือทำเอ็นกวางตุ๋นอันใดนั่นด้วยตนเอง! อย่างมากก็แค่กำชับบอกห้องครัวว่าอาหารจานนี้ทำให้บิดาของนาง เรื่องที่ใช้แค่ปากพูดกลับเติมแต่งจนกลายเป็นว่าบุตรสาวยอดกตัญญูเข้าครัวทำอาหารด้วยตนเองนี้ นางแม่ไก่ไม่ออกไข่อย่างเผยซื่อก็ช่างเสกสรรปั้นแต่งคำพูดได้เก่งจริงๆ!
บรรยากาศบนโต๊ะแฝงด้วยคลื่นใต้น้ำสาดซัด มีคนบางคนพูดคุยหยอกล้อกัน มีบางคนเอาแต่จิ้มข้าวในถ้วยจนไอร้อนเหือดหาย
ขณะเดียวกันนั้นเอง ซู่ซินที่มิได้ติดตามหมิงถานมาที่เรือนหลันซินด้วยกันก็แจ้งรายงานแก่บ่าวรับใช้ที่นอกประตู แล้วเดินเข้ามาในห้องเงียบๆ อย่างกะทันหัน
ซู่ซินเดินฝีก้าวเล็กๆ เข้าไปหาหมิงถาน ต่อมาก็เข้าไปแทนที่ลวี่เอ้อที่ยืนอยู่ด้านหลัง ปรนนิบัติหมิงถานกินอาหารพลางกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูหมิงถานสองสามประโยค
หมิงฉู่เอาแต่จ้องมองหมิงถาน ดังนั้นจึงย่อมไม่พลาดภาพเหตุการณ์ฉากนี้
ครั้นเห็นว่าซู่ซินกระซิบข้างหูหมิงถานพร้อมกับยื่นจดหมายให้หมิงถานที่ใต้โต๊ะ ทางหมิงถานยังรับไว้โดยหน้าไม่เปลี่ยนสี นางก็มีลางสังหรณ์ว่าจะต้องมีเรื่องอันใดแน่นอน รีบจึงเปิดโปงเสียงดังลั่นขึ้นมา “น้องสี่ มีคนส่งจดหมายให้เจ้าหรือ ใครส่งมาเล่า เจ้าถึงได้ทำท่าทางลับๆ ล่อๆ”
ทุกคนบนโต๊ะต่างก็หันมองไปตามสายตาของหมิงฉู่
“ไม่มีอันใด ญาติผู้พี่สกุลไป๋ส่งมา ก่อนหน้านี้ข้าไหว้วานญาติผู้พี่ให้ช่วยจัดการเรื่องเล็กๆ น้อยๆ คิดว่าคงจะได้ความแล้ว นางจึงส่งจดหมายมาแจ้งข้า” หมิงถานเอ่ยชี้แจงเรียบๆ
หมิงฉู่ไม่ยอมเลิกรา “ในเมื่อถึงขนาดส่งมาให้ตอนกินอาหาร หมายความว่าเรื่องที่ญาติผู้พี่สกุลไป๋จัดการคงจะเร่งด่วนยิ่ง น้องสี่อ่านจดหมายก่อนค่อยกินไม่ดีกว่าหรือ ถ้าหากนางรอเจ้ารีบตอบกลับ จะได้ส่งคนไปแจ้งเลย”