บทที่ 56
สายตามองตะปูวิญญาณชั่วร้ายตัวนี้เคลื่อนเข้ามาจะปักที่ดวงจิตของตน เมิ่งถังนัยน์ตาทั้งสองเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกหวาดกลัว
คงไม่ใช่ศิษย์พี่ยังไม่ทันมาช่วยนาง นางก็ตายด้วยน้ำมือของฟ่านตูผู้นี้ก่อนแล้วกระมัง
อย่านะ! นางยังไม่อยากตาย!
ความปรารถนาที่จะมีชีวิตรอดยิ่งใหญ่เหนือสิ่งอื่นใด พริบตานั้นเมิ่งถังไม่รู้เอาเรี่ยวแรงมาจากที่ใด หันศีรษะเข้าพุ่งชนฟ่านตู
ความจริงแล้วการพุ่งชนในครั้งนี้ของนางก็ไม่มีกำลังสักเท่าใด แต่ฟ่านตูไม่ได้เตรียมป้องกันจึงถูกนางชนเข้าที่จมูก
จมูกเป็นอวัยวะที่บอบบาง ชั่วขณะนั้นฟ่านตูก็รู้สึกเจ็บแปลบที่จมูกขึ้นมา จากนั้นก็มีของเหลวเหนียวข้นไหลออกมา
ยกมือขึ้นลูบถึงกับเป็นเลือดกำเดาสายหนึ่ง
ฟ่านตูเดือดดาลมาก ยกมือขึ้นตบเมิ่งถังอย่างแรงทีหนึ่ง ตบจนบนใบหน้าขาวผ่องนวลเนียนของเมิ่งถังมีรอยนิ้วมือสีแดงสดปรากฏขึ้นมาห้านิ้ว
“หญิงสารเลว!”
ฟ่านตูด่าออกมาอย่างเกรี้ยวกราดคำหนึ่ง ดวงตาสาดประกายดุดัน
เดิมเขาคิดจะสังหารเมิ่งถังเสียที่นี่ จากนั้นก็หาที่หลบซ่อนตัวสักแห่งในเมืองเหิงหยางฉวยโอกาสตอนเผ่ามารบุกมาโจมตีในคืนนี้ หนีออกจากเมืองไปในช่วงชุลมุน มุ่งหน้าไปเมืองฝูเหลียงในตำนาน ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่เหนือการควบคุมของแดนบำเพ็ญเซียน แดนมาร แดนปีศาจ ถึงตอนนั้นผู้ใดยังจะทำอะไรเขาได้
แต่คิดไม่ถึงว่าถูกเมิ่งถังพุ่งชนเมื่อครู่เขาถึงกับเสียหลักไปที่ด้านข้าง แม้แต่ตะปูวิญญาณชั่วร้ายก็หลุดจากมือร่วงลงไปที่พื้น
หลังจากตบเมิ่งถังไปฉาดหนึ่ง ฟ่านตูก็เก็บตะปูวิญญาณชั่วร้ายขึ้นมาใหม่ หน้าตาดุดันจะปักตะปูลงไปที่ดวงจิตของเมิ่งถัง
แต่พลันมีเสียงดังขึ้นมาที่ด้านนอกประตู
ฟ่านตูสะดุ้งเฮือก
เขารู้ว่ามู่หวาฮุยศิษย์พี่ของเมิ่งถังพลังวัตรสูงส่งล้ำลึก วันนั้นมู่หวาฮุยเพียงปรายตามองมาอย่างเฉยเมยแวบเดียว พลังกดข่มคุกคามที่อยู่ในสายตาก็เพียงพอที่จะทำให้หัวใจเขาเต้นเร็วขึ้น แขนขาอ่อนยวบแล้ว
อีกทั้งเขาก็มองออกมู่หวาฮุยให้ความสำคัญต่อเมิ่งถังอย่างมาก
ความจริงฟ่านตูกระจ่างแก่ใจดี ถ้าเขาสังหารเมิ่งถัง ไม่เพียงมู่หวาฮุย สำนักหมิงหวาก็ไม่มีทางละเว้นเขา แต่ช่วยไม่ได้ อาวุธเทพมีเสน่ห์ดึงดูดใจเขามากเกินไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ความจริงแล้วในใจของเขาหวาดผวายิ่ง ยามนี้เมื่อได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวจากข้างนอก ไหนเลยยังจะกล้าอยู่ในห้องนี้
แต่จากไปเช่นนี้ก็ออกจะน่าเสียดายไปสักหน่อย ครั้นแล้วเขาก็กัดฟันเก็บตะปูวิญญาณชั่วร้าย ช้อนตัวเมิ่งถังขึ้นมาไว้บนบ่าแล้ววิ่งไปด้านหลัง
ผนังห้องด้านหลังมีหน้าต่างอยู่บานหนึ่งปิดอยู่
ฟ่านตูผลักหน้าต่างให้เปิดออก แบกเมิ่งถังกระโดดออกไป
หลายวันมานี้เขาสำรวจดูสถานที่ต่างๆ ในเมืองเหิงหยางมาตลอด รู้ว่าภูเขาด้านหลังมีเขตหวงห้ามอยู่แห่งหนึ่ง
เล่าลือกันว่าหลายปีก่อนเมืองเหิงหยางมีสัตว์ร้ายออกมาอาละวาด บรรพบุรุษสกุลโจวเข้าต่อต้าน แต่เสียดายไม่อาจสังหารได้หมดสิ้น ได้แต่กำราบและปิดผนึกไว้
สถานที่ที่กำราบและปิดผนึกสัตว์ร้ายไว้ก็คือเขตหวงห้ามในปัจจุบัน รอบนอกเขตหวงห้ามยังมีม่านอาคมที่แข็งแกร่งยิ่ง ปกติไม่มีใครไปที่นั่น
ฟ่านตูแม้พลังวัตรไม่สูง แต่เขาล้มลุกคลุกคลานอยู่ในแดนบำเพ็ญเซียนมานานปี เข้าออกแดนปีศาจ แดนมารในที่ต่างๆ อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ในแหวนเก็บทรัพย์ของเขาจึงมี ‘ของดี’ อยู่จำนวนมาก
มีเสื้อคลุมที่เมื่อคลุมอยู่บนร่างก็สามารถอำพรางลมหายใจทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็น แต่ใช้ได้เพียงครั้งเดียว และมีอาวุธวิเศษที่สามารถกรีดม่านอาคมขาดออกเป็นช่องให้เขาเข้าออกได้อย่างอิสระ
เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงแบกเมิ่งถังกระโดดออกจากหน้าต่าง และวิ่งตะบึงไปยังเขตหวงห้ามทันที
ขอเพียงเขาหลบซ่อนอยู่ในเขตหวงห้ามอยู่ตลอดไม่ออกมาก็จะไม่มีคนหาเขาพบ รอเผ่ามารมาโจมตีเมือง เขาก็จะฉวยโอกาสในช่วงชุลมุนหนีไป