เมิ่งถังรูม่านตาขยายเล็กน้อย
เขาเอาโลหิตที่หัวใจของตนออกมาทำอะไร
หรือเขาไม่รู้ว่ากล่าวสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนแล้ว โลหิตที่หัวใจมีความสำคัญมากเพียงใด
ในใจของเมิ่งถังมีข้อสงสัยมากมาย กระทั่งถ้าตอนนี้นางสามารถเอ่ยปากได้ นางจะต้องด่ามู่หวาฮุยสักสองคำ
แต่พริบตาถัดมานางก็เห็นมู่หวาฮุยใช้มือควบคุมโลหิตจากหัวใจหยดนั้นเข้ามาใกล้ดวงจิตของนาง
เมิ่งถังนัยน์ตาทั้งสองเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง
นี่เขาจะ…
ไม่นานการคาดเดาของนางก็ได้รับการยืนยัน
ก็ไม่รู้มู่หวาฮุยควบคุมอย่างไร เมิ่งถังเพียงรู้สึกภาพเบื้องหน้าพร่าลาย โลหิตจากหัวใจหยดนั้นก็ซึมเข้าไปในหน้าอกข้างซ้ายของนางราวกับสิ่งมีชีวิต
แทบจะในเวลาชั่วพริบตาเดียวนางรู้สึกอุ่นวาบที่ดวงจิต มีปราณวิเศษที่แข็งแกร่งทรงพลังจำนวนมหาศาลเติมเต็มเข้ามา
ปราณวิเศษเหล่านี้ประดุจกระแสน้ำไหลบ่าไปทั่วร่างของนางด้วยความรวดเร็วรุนแรงไม่อาจขวางกั้น
เส้นชีพจรปราณที่เดิมยังเปิดโล่งไม่เต็มที่ถูกการโหมซัดในครั้งนี้ ทำให้ทะลุโล่งไปทั้งหมดในทันที
ครั้นแล้วเมิ่งถังก็พบว่าตนเองสามารถขยับตัวและพูดได้แล้ว
“ศิษย์พี่”
นางเปิดปากอย่างยากลำบาก “นี่ท่านทำอะไรลงไป”
เอาโลหิตจากหัวใจของตนออกมาให้นาง
เขารู้หรือไม่เมื่อครู่ถ้าเขาไม่ระวังเพียงนิดเดียวก็จะทำลายพลังวัตรของตนเองได้ กระทั่งยังอาจมีอันตรายถึงชีวิตของเขา
มู่หวาฮุยไม่ได้ตอบ หยิบเสื้อคลุมตัวหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บทรัพย์ของตนคลุมไว้บนร่างของนาง แล้วบอกนาง “อย่าพูด หลับตา สงบใจ”
ในเวลาเดียวกันเขาก็หลับตาลง มือแนบอยู่ตรงดวงจิตของนาง นำพาการโคจรของปราณวิเศษในร่างของนาง
เมิ่งถังลอบทอดถอนใจออกมาทีหนึ่ง
เรื่องมาถึงขั้นนี้นางก็ไม่อาจเอาโลหิตจากหัวใจหยดนั้นคืนให้มู่หวาฮุยได้แล้ว ได้แต่ทำตามคำพูดของมู่หวาฮุยหลับตาลง สงบใจ เริ่มเข้าฌาน ค่อยๆ หลอมรวมโลหิตจากหัวใจหยดนั้น
กล่าวสำหรับเมิ่งถัง ทันทีที่เข้าฌานนางก็จะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกอีก กระทั่งเวลาที่ล่วงเลยผ่านไปนางก็ไม่รับรู้
แต่มู่หวาฮุยหลังจากนำพาการโคจรของปราณวิเศษในร่างเมิ่งถังเรียบร้อยแล้ว เขาก็ลืมตาขึ้น หลุบตาลงมองเมิ่งถัง
บนใบหน้ามีละอองฝุ่น บนแก้มข้างหนึ่งยังมีรอยนิ้วมือห้านิ้วที่ยังจางหายไปไม่หมด
มู่หวาฮุยอยากจะลูบแก้มนางยิ่งนัก ถามสักคำว่าเจ็บหรือไม่ แต่เขาเกรงว่าจะรบกวนนาง จำต้องค่อยๆ ลดมือที่ยกขึ้นมาลง
แต่ยังคงจับตามองเมิ่งถังอยู่ตลอด
เงาตะวันคล้อยไปทางทิศตะวันตก ในที่สุดเมิ่งถังก็โคจรพลังลมปราณเสร็จสิ้น จึงลืมตาทั้งสองขึ้น
ไม่เพียงพลังวัตรทั้งหมดจะกลับมาแล้ว นางกระทั่งยังทะลวงผ่านเข้าสู่ขั้นหยวนอิงในคราเดียว
นางกระจ่างแก่ใจดี ทั้งหมดนี้เป็นเพราะได้โลหิตจากหัวใจของมู่หวาฮุยหยดนั้น
แต่มู่หวาฮุยเอาโลหิตหยดนั้นออกมาจะมีผลเสียต่อพลังวัตรกับร่างกายของเขาหรือไม่
รีบเอ่ยถามถึงเรื่องที่ตนใส่ใจมากที่สุดพลางมองมู่หวาฮุยด้วยสีหน้าห่วงกังวล
มู่หวาฮุยกลับมีสีหน้าเฉยเมย ยังมีรอยยิ้มแฝงอยู่ในดวงตา ยกมือขึ้นลูบศีรษะนางเบาๆ บอกด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลอ่อนโยน “ไม่เป็นไร เจ้าวางใจได้”
นั่นเป็นโลหิตจากหัวใจที่ล้ำค่ายากจะหาใดเทียมเชียวนะ! แต่เหตุใดพูดออกมาจากปากท่านจึงดูไม่สำคัญอะไรเหมือนผักกาดขาวข้างทางเช่นนั้นเล่า
แต่ว่าช่างเถิด อย่างไรเสียโลหิตจากหัวใจนี้พอเข้าไปในดวงจิตของนางแล้ว คิดจะเอาออกมาก็เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ต่อไปนางยังคงตั้งใจฝึกฝน เพิ่มพูนพลังวัตร พยายามปกป้องมู่หวาฮุยอย่างสุดความสามารถของตนเถิด
จึงพยักหน้า “อืม เช่นนั้นก็ดี”
มู่หวาฮุยมองนาง รอยยิ้มอบอุ่นที่ฝากแฝงอยู่ในดวงตาดำสนิทคู่นั้นไม่จางหายไปแม้แต่ครึ่งส่วน
ราวกับว่าคนที่ดวงตาทั้งสองแดงฉานดั่งดวงเนตรโลหิตในช่วงก่อนหน้านี้ไม่ใช่เขาเช่นนั้น
นอกจากนี้ที่มู่หวาฮุยไม่ได้บอกเมิ่งถังก็คือโลหิตจากหัวใจหยดนั้นของเขาไม่เพียงสามารถซ่อมแซมเส้นชีพจรปราณที่ติดขัดของเมิ่งถังให้กลับสู่สภาพเดิมได้อย่างรวดเร็ว เลื่อนขั้นพลังวัตรของนาง แต่ต่อไปไม่ว่าเมิ่งถังจะอยู่ที่ใด ต่อให้อยู่ห่างออกไปเป็นพันหมื่นหลี่ เขาก็สามารถรับรู้ได้
รวมถึงความปลอดภัยของนาง
เขาจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องเช่นในวันนี้ขึ้นอีกครั้งเป็นอันขาด
เมิ่งถังไม่ได้ถามมู่หวาฮุยว่าฟ่านตูผู้นั้นไปที่ใดเสียแล้ว
ตอนมู่หวาฮุยใช้มือเปล่าฉีกม่านอาคมเดินเข้ามาในถ้ำ นางก็เห็นจิตสังหารในดวงตาของเขาแล้ว ดังนั้นนางรู้ ฟ่านตูไม่มีทางมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว
ทว่าคนเช่นฟ่านตู เมิ่งถังรู้สึกว่าเขาไม่มีความจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปแล้ว
คนเลวมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เป็นภัยต่อคนดี
วันนี้คนที่ฟ่านตูจะทำร้ายคือนาง ถ้าให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป ครั้งหน้าคนที่เขาจะทำร้ายก็ย่อมเป็นผู้อื่น
เมิ่งถังบอกให้มู่หวาฮุยหมุนตัวไป แล้วหยิบชุดกระโปรงจากในแหวนเก็บทรัพย์ออกมาผลัดเปลี่ยน
จากนั้นนางก็เรียกมู่หวาฮุย “เสร็จแล้ว ศิษย์พี่ เราไปกันเถิด”
นางในเวลานี้รู้สึกว่าทั่วร่างเต็มไปด้วยพละกำลังจะกวัดแกว่งกระบี่ฟาดฟันสัตว์ร้ายก็ไม่เป็นปัญหา
ดังคำพูดที่ว่าคิดถึงอะไรสิ่งนั้นก็มา พริบตาถัดมานางก็ได้ยินเสียงตึงๆ ดังสนั่นมาจากนอกถ้ำ
พื้นดินสั่นสะเทือนไม่หยุดประหนึ่งมังกรใต้ดินพลิกตัวเช่นนั้น บนผนังถ้ำเหนือศีรษะเองก็มีเศษหินร่วงหล่นลงมาตลอดเวลา
* ยอมเป็นหยกที่แตกดีกว่าเป็นกระเบื้องที่สมบูรณ์ เป็นสำนวน หมายถึงยึดมั่นในความเชื่อ หลักการ หรืออุดมการณ์ของตนอย่างแน่วแน่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
* ชั่ง (จิน) เป็นหน่วยชั่งของจีนที่มีน้ำหนักประมาณครึ่งกิโลกรัม
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 7 ก.พ. 66 เวลา 12.00 น.