ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา บทที่ 60-61 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา บทที่ 60-61

แต่โม่เซียวที่ยืนอยู่บนแท่นสูงกลับเมินเฉยต่อภาพทั้งหมดนี้ สองมือไพล่หลัง สายตาจับจ้องอยู่ที่มู่หวาฮุยซึ่งค่อยๆ รุกประชิดเข้ามาทุกที

รอจนมู่หวาฮุยเข้ามาใกล้แท่นสูงก็มีลูกสมุนของอีกฝ่ายหลายตนจะเข้าไปสกัด ยังถูกโม่เซียวยกมือห้ามไว้

ครั้งก่อนเขาประมือกับมู่หวาฮุย กำลังความสามารถของมู่หวาฮุยเดิมสู้เขาไม่ได้ แต่ภายหลังเขาอาศัยเมิ่งถัง ใช้คำพูดไม่กี่คำยั่วยุมู่หวาฮุยจนสูญเสียการควบคุมอารมณ์ ไอมารโหมทะลักขึ้นมา พอพลั้งเผลอไม่ระมัดระวังไปชั่วขณะ เพียงแค่กระบวนท่ามือเดียวเขาก็ถูกมู่หวาฮุยจู่โจมเข้าที่กลางอกจนเลือดลมสับสนพลุ่งพล่าน ต้องกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บอยู่หลายวัน

ตอนนั้นผนึกที่ปิดอยู่ในร่างของมู่หวาฮุยแม้จะมีรอยแยก ยามที่ควบคุมตนเองไม่อยู่ก็จะมีไอมารทะลักออกมา แต่จะอย่างไรไอมารที่ออกมาก็ยังเป็นส่วนน้อย

แต่ถึงกระนั้นการโจมตีของมู่หวาฮุยก็ยังมีอานุภาพถึงปานนั้น

ถ้ามู่หวาฮุยเข้าสู่ความเป็นมารอย่างสมบูรณ์ กำลังความสามารถของเขาจะน่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงเพียงใด

ไม่เสียทีที่เป็นร่างมารสวรรค์ยากจะพบเจอในรอบพันปีหมื่นปีอย่างแท้จริง ไม่ใช่สิ่งที่มารอื่นๆ จะเทียบเคียงได้

คิดมาถึงตรงนี้สายตาของโม่เซียวที่มองมู่หวาฮุยก็ยิ่งเร่าร้อนขึ้นมา

เมืองเหิงหยางอะไร ยาวิเศษที่ช่วยให้คนทะลวงผ่านคอขวดอันใด ความจริงแล้วล้วนเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

ความจริงแล้วเขามาเพื่อมู่หวาฮุย

ยามนี้เห็นมู่หวาฮุยพุ่งตรงมาหาเขาก็ปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ไหนเลยยังจะยอมให้คนขัดขวาง

เห็นมู่หวาฮุยทะยานร่างขึ้นมาบนแท่นสูง เรือนร่างสูงโปร่ง ชายเสื้อสีครามถูกสายลมเจือกลิ่นอายโลหิตพัดกระพือขึ้น ดวงตาดำสนิทคู่นั้นสงบนิ่งดุจผิวน้ำลึก ท่วงทำนองทั่วร่างโปร่งใสและซื่อตรง โม่เซียวเห็นแล้วรู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง

มารก็ควรมีท่าทีอย่างมาร

เขาควรมีนัยน์ตาแดงเรื่อเจือความกระหายเลือดคู่หนึ่ง ทั่วร่างควรมีกลิ่นอายของความเหี้ยมโหด เห็นใครขวางหูขวางตาก็ยื่นมือไปเอาชีวิตผู้นั้นทันที

สำนักฝ่ายธรรมะเหล่านั้นสอนมู่หวาฮุยจนผิดพลาดไปหมดแล้ว นับแต่นี้ไปเขาจะเริ่มแก้ไขให้ถูกต้อง

ครั้นแล้วโม่เซียวก็ก้าวช้าๆ ไปข้างหน้าสองก้าว ส่งยิ้มกำเริบเสิบสานให้มู่หวาฮุย

“ไม่ได้พบกันมาระยะหนึ่ง ให้ข้าลองทดสอบดูว่าพลังวัตรของเจ้าได้ก้าวหน้าขึ้นหรือไม่”

มู่หวาฮุยไม่กล้าประมาท

กำลังความสามารถของโม่เซียวผู้นี้ยังนับเป็นเรื่องรอง ที่สำคัญที่สุดคือเขามีความสามารถในการอ่านใจคนอย่างทะลุปรุโปร่งและใช้คำพูดในการปลุกปั่นใจคน

วันนั้นเขาเพียงเสียสมาธิไปชั่วขณะ โม่เซียวก็มองออกถึงน้ำหนักของเมิ่งถังในใจของเขา จากนั้นก็ใช้เมิ่งถังมายั่วยุเขา

ดังนั้นเวลานี้ถึงเขาจะยังคงเป็นห่วงเมิ่งถัง แต่กลับไม่กล้าหันกลับไปมองข้างหลังแม้แต่แวบเดียว

แต่โม่เซียวเจ้าเล่ห์เกินไปแล้วจริงๆ ถึงแม้มู่หวาฮุยจะทำเช่นนี้ โม่เซียวยังคงมองออกว่าความรู้สึกที่เขามีต่อเมิ่งถังต่างจากคนอื่น

โม่เซียวยังรู้สึกได้กระทั่งว่าเปรียบกับตอนประมือกันคราวก่อนแล้ว ยามนี้ความยึดมั่นที่มู่หวาฮุยมีต่อเมิ่งถังยิ่งลึกซึ้งมากขึ้น

ครั้นแล้วหลังจากประมือกับมู่หวาฮุยไปได้หลายกระบวนท่า โม่เซียวก็ยิ้มบอก “พลังวัตรของเจ้าในเวลานี้เปรียบกับวันนั้นแล้ว ไม่เพียงไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นกลับดูจะลดต่ำลง หลายวันมานี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”

มู่หวาฮุยไม่พูด เพียงมุ่งมั่นบุกเข้าโจมตี

แม้ตอนเอาโลหิตจากหัวใจเขาจะบอกเมิ่งถังว่าไม่เป็นไร แต่จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะไม่เป็นไรจริงๆ เขายอมสูญเสียพลังวัตรของตนให้เมิ่งถังก้าวสู่ขั้นสูงขึ้นได้สำเร็จ

โม่เซียวย่อมคิดไม่ถึงว่ามู่หวาฮุยจะทำเรื่องที่บ้าระห่ำเช่นนั้น ถ้ารู้ยามนี้เขาจะต้องสังหารเมิ่งถังในที่นี้เป็นแน่

แต่ต่อให้ยามนี้โม่เซียวไม่มีความคิดจะสังหารเมิ่งถัง แต่คิดจะเก็บเมิ่งถังไว้เพื่อจู่โจมมู่หวาฮุยขั้นเด็ดขาด ผลักอีกฝ่ายเข้าสู่ความเป็นมารคราเดียวในภายหลัง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการที่เขาจะใช้เมิ่งถังมายั่วยุมู่หวาฮุยในขณะนี้

“พลังวัตรของเจ้าถดถอย พลังวัตรของศิษย์น้องแสนดีผู้นั้นของเจ้ากลับเลื่อนสูงขึ้นแล้ว บุรุษหนุ่มที่อยู่ข้างๆ นางผู้นั้นก็เป็นศิษย์พี่ของนางกระมัง เปรียบกับวันนั้นที่ไม่อาจต้านรับการจู่โจมของข้าแล้ว มาบัดนี้พลังวัตรของเขาก็เพิ่มสูงขึ้นไม่น้อย จุๆ คนผู้นั้นดูแล้วก็เป็นศิษย์พี่ที่ดีคนหนึ่ง รักและทะนุถนอมศิษย์น้องแสนดีของเจ้ายิ่งนัก

มู่หวาฮุย เจ้าหันกลับไปมองสักครา ศิษย์น้องแสนดีผู้นั้นของเจ้ากำลังหันหลังชนกันกับศิษย์พี่ผู้นั้นของนาง ดูแล้วในใจของเจ้ามีเพียงศิษย์น้องแสนดีผู้นี้ แต่ในใจของศิษย์น้องแสนดีผู้นั้น ศิษย์พี่ที่ดีของนางหาได้มีเจ้าเพียงคนเดียว”

ถ้าเมิ่งถังได้ยินคำพูดเหล่านี้ของอีกฝ่ายจะต้องแทบอยากจะถ่มน้ำลายใส่หน้าเขา

นางยืนหันหลังชนกันกับหลิงซิงเหยาตั้งแต่เมื่อใด

แน่นอนว่าพวกนางสองคนต่างมอบด้านหลังของตนให้กับอีกฝ่ายจริง เพราะภายใต้การโอบล้อมของเหล่ามารและมารอสูร การทำเช่นนี้ไม่เพียงสามารถรับรองว่าทั้งสองคนจะไม่ถูกทำร้ายในจุดบอดที่สายตามองไม่เห็น ยังช่วยให้การโจมตีของทั้งสองแข็งแกร่งที่สุดอีกด้วย

แต่ฟ้าดินเป็นพยาน พวกนางสองคนเพียงยืนเช่นนี้เท่านั้นไม่ได้หันหลังชนกันแม้แต่น้อย

กระทั่งแตะถูกกันก็ไม่มี!

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com