ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา บทที่ 62-63 – หน้า 3 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

ทดลองอ่าน ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา บทที่ 62-63

จิตใจร้ายกาจยิ่งนัก

แต่ขอเพียงนางกับมู่หวาฮุยยังไม่ได้ยกเลิกการหมั้นหมายหนึ่งวัน มู่หวาฮุยก็คือคู่หมั้นของนางอวิ๋นชูเยวี่ยหนึ่งวัน เมิ่งถังก็อย่าได้หวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะไล่นางไปจากข้างกายมู่หวาฮุยได้

นางติดตามอยู่ข้างกายมู่หวาฮุยเป็นสิ่งที่ถูกต้องตามหลักการฟ้าดิน!

ทว่าภายนอกนางกลับพูดอย่างนุ่มนวลแผ่วเบา “ท่านพ่อท่านแม่ทราบว่าข้ากราบอาจารย์เข้าสำนักหมิงหวา ในใจดีใจยิ่งนัก พี่ชายเองก็เคยบอก ยามนี้ข้าควรมุ่งมั่นฝึกวิชาบำเพ็ญเพียร เรื่องกลับไปเยี่ยมท่านพ่อท่านแม่ รอให้เสร็จสิ้นการลงจากเขามาฝึกฝนหาประสบการณ์ในครั้งนี้แล้วค่อยกลับไปก็ไม่ช้า”

เมิ่งถังยังจะพูดอะไรได้

ได้แต่ปลอบตนเอง อวิ๋นชูเยวี่ยน่าจะมีรัศมีของนางเอก หาไม่ครั้งก่อนที่ดินแดนลี้ลับแห่งนั้น เหตุใดนางเพียงนั่งยองลงไปที่ข้างสระน้ำล้างมือดินแดนลี้ลับก็เปิดออกแล้ว

เช่นนั้นพานางไปด้วยก็แล้วกัน ไม่แน่ถึงเวลาอาศัยรัศมีนางเอกของนางก็จะหาดินแดนบุปผาในคันฉ่อง ดวงจันทร์กลางน้ำพบได้อย่างง่ายดาย

ครั้นแล้วเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาก็ไปจากเมืองเหิงหยาง มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านชาวประมงเล็กๆ ตามเส้นทางที่โจวเฉินเฟยเขียนไว้ในบันทึกการเดินทาง

ตอนจากมาได้ยินว่าโจวอิ้งเสวี่ยได้เรียนให้เจ้าเมืองโจวทราบถึงเรื่องที่ตนคิดจะไปกราบอาจารย์ที่สำนักหมิงหวาแล้ว เจ้าเมืองโจวให้การสนับสนุนอย่างมาก

ยังบอกจะเอายาวิเศษเม็ดสุดท้ายเม็ดนั้นมอบให้สำนักหมิงหวาเป็นของขวัญกราบอาจารย์ของโจวอิ้งเสวี่ย

การกระทำนี้ย่อมสะท้อนให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญต่อเรื่องที่โจวอิ้งเสวี่ยจะกราบอาจารย์ แต่เมิ่งถังกลับรู้สึกว่าเขาออกจะตั้งใจผลักภัยพิบัติไปให้

เมื่อวานแดนมารยกทัพใหญ่มาโจมตีก็ไม่ใช่เพื่อยาวิเศษเม็ดนั้นหรือ เวลานี้เจ้าเมืองโจวคงรู้ถึงความหมายของคำว่าคนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยกแล้ว และรู้ว่าเพียงอาศัยเมืองเหิงหยางของพวกเขาไม่อาจปกป้องยาวิเศษเม็ดนี้ไว้ได้

แทนที่จะถูกแดนมารเฝ้าคิดถึงยาวิเศษเม็ดนี้ตลอดเวลา ไม่แน่วันใดอาจยกทัพใหญ่มาโจมตีอีกครั้ง ไม่สู้ส่งยาวิเศษเม็ดนี้ออกไป

ไม่เพียงจะได้รับชื่อเสียงว่าใจกว้าง ต่อไปยังรักษาความสงบสุขของเมืองเหิงหยางไว้ได้อีกด้วย

ทว่าเช่นนี้ก็ดียิ่ง ถ้ายาวิเศษเม็ดนั้นอยู่ที่สำนักหมิงหวา แดนมารคิดจะโจมตีสำนักหมิงหวาก็ยังต้องชั่งน้ำหนักไตร่ตรองดู

เรื่องของเมืองเหิงหยางก็ลุล่วงไปขั้นตอนหนึ่งแล้ว เมิ่งถังเพราะเป็นห่วงเรื่องผนึกในร่างของมู่หวาฮุยมีรอยแยก แทบอยากจะเดินทางทั้งวันทั้งคืน เร่งไปให้ถึงหมู่บ้านชาวประมงแห่งนั้นโดยไม่หยุดพักแม้แต่เค่อเดียว

พูดถึงเรื่องนี้ก็ต้องโทษมู่หวาฮุย จะต้องปฏิบัติตามกฎของสำนัก บอกศิษย์ในสำนักที่ลงจากเขามาฝึกฝนหาประสบการณ์ ถ้าไม่ใช่พบเรื่องคับขันอันตรายล้วนไม่อาจขี่กระบี่ได้แต่เดินเท้า หาไม่ถ้าขี่กระบี่ไปคิดว่าใช้เวลาเพียงครึ่งวันก็พอแล้วกระมัง ไหนเลยยังจะได้แต่พึ่งพาการเดินเท้าเช่นในตอนนี้

ดีที่หลังจากนั้นครึ่งเดือน ในที่สุดพวกนางก็มาถึงหมู่บ้านชาวประมงที่พูดถึงในบันทึกการเดินทางแห่งนั้น

ไม่นับว่าเป็นหมู่บ้านใหญ่ ในหมู่บ้านยังมีบ้านร้างใกล้จะพังอยู่หลายหลัง

ถามคนในหมู่บ้านบอกมีคนบ่นว่าหาเลี้ยงปากท้องด้วยการประมงลำบากทั้งอันตราย จึงย้ายครอบครัวไปอยู่ในเมือง หาเลี้ยงครอบครัวด้วยอาชีพอื่น บ้านที่เหลืออยู่ไม่มีคนต้องการจึงทิ้งว่างไว้

พวกเมิ่งถังจึงเลือกบ้านที่ดูแล้วผุพังไม่มากนักหลังหนึ่ง คิดว่าคืนนี้จะถูไถพักที่นี่ก่อนสักคืน

เจ้าของบ้านหลังนี้คงตัดสินใจเด็ดขาดจะไม่กลับมาอีกแล้ว ดังนั้นประตูใหญ่จึงไม่ได้ใส่กุญแจ เพียงหับไว้

เมิ่งถังยื่นมือไปผลักประตู จากนั้นฉากอิหลักอิเหลื่อฉากหนึ่งก็เกิดขึ้นแล้ว

ประตูบานหนึ่งถึงกับถูกนางผลักโค่นลงไปทั้งเช่นนั้น ตอนลงถึงพื้นเกิดเสียงโครมดังสนั่น ฝุ่นปลิวคละคลุ้ง

ประตูอีกบานหนึ่งแม้จะไม่ได้โค่นลงไป แต่ก็ห้อยร่องแร่งไปมาอยู่ที่นั่น เมิ่งถังรู้สึกว่ายามนี้ถ้ามีลมพัดโชยมาเบาๆ ประตูข้างนั้นจะต้องโค่นลงไปอย่างแน่นอน

หันหน้ามาด้วยลำคอที่แข็งทื่อ นางชี้มือไปยังประตูบานที่โค่นลงไป ยิ้มแหยพลางบอก “ประตูนี่ดูเหมือนจะไม่ค่อยแข็งแรง”

เพิ่งกล่าวจบก็ได้ยินเสียงโครมดังขึ้นอีกครั้ง

หันหน้ากลับไปมอง ดียิ่งนักประตูอีกข้างที่เหลืออยู่ในที่สุดก็โค่นลงไปแล้ว

ติงเล่อเซวียนกลั้นไม่อยู่ หัวเราะพรืดเสียงดังออกมา

ระยะหลังมานี้นางเป็นฝ่ายทำตัวห่างเหินจากอวิ๋นชูเยวี่ย กับเมิ่งถังกลับนับวันยิ่งใกล้ชิดสนิทสนม

อีกทั้งยิ่งใกล้ชิดสนิทสนม นางก็ยิ่งรู้สึกว่าเมิ่งถังดียิ่ง

เมิ่งถังเป็นคนใจกว้างมองโลกในแง่ดีทั้งจิตใจเปิดเผย อยู่กับนางถึงเจ้าจะมีอะไรล่วงเกินนาง ขอเพียงไม่แตะถูกขีดต่ำสุดของนาง อย่างมากนางก็บ่นว่าเจ้าสองคำ ผ่านไปแล้วก็ลืม ไม่เคยเก็บมาใส่ใจ

ยิ่งไม่ต้องห่วงว่านางจะทำร้ายเจ้าลับหลัง อยู่กับคนเช่นนี้สบายใจยิ่งนัก

แม้แต่หลิงซิงเหยายังอดหัวเราะไม่ได้

ส่วนมู่หวาฮุยไม่ว่าที่ใดเวลาใด ยามเขามองไปที่เมิ่งถังล้วนดูเหมือนจะมีแสงสว่างในดวงตา

มีเพียงอวิ๋นชูเยวี่ยที่ยืนอยู่ด้านข้างได้แต่มองดูพวกเขาไม่พูดอะไร

หลิงซิงเหยาก็ดี ติงเล่อเซวียนก็ดี แต่ก่อนล้วนแต่ห้อมล้อมอยู่ข้างกายนาง ไม่ว่าเรื่องอะไรล้วนคิดเพื่อนาง แต่ยามนี้พวกเขาสองคนล้วนทำตัวห่างเหินจากนางกลับไปใกล้ชิดสนิทสนมกับเมิ่งถัง

ในใจก็รู้สึกว่าเมิ่งถังแย่งชิงทุกอย่างไปจากนาง

เมิ่งถังกระทั่งคู่หมั้นของนางก็ยังแย่งชิง!

ชอบหรือไม่ชอบใคร เพียงมองดวงตาก็รู้แล้ว ยามมู่หวาฮุยมองเมิ่งถัง ประกายในดวงตาของเขาไม่อาจโกหกคนได้

แต่ในช่วงเวลานี้กระทั่งจะมองนางสักแวบ มู่หวาฮุยก็ยังตระหนี่ถี่เหนียว

นี่ก็คือจุดที่ในใจของอวิ๋นชูเยวี่ยไม่อาจยอมรับได้

เมิ่งถังกับติงเล่อเซวียนพวกนางเดินเข้าไปในบ้านแล้ว

บ้านหลังนี้ไม่รู้ไม่มีคนอยู่อาศัยมานานเพียงใดแล้ว ในบ้านเต็มไปด้วยฝุ่นผงและหยากไย่ เนื่องจากตอนนี้เป็นฤดูร้อน ดังนั้นแมลงต่างๆ จึงมีมาก

อวิ๋นชูเยวี่ยเพียงเดินเข้าไปมองแวบเดียวก็ย่นหัวคิ้วแล้วถอยออกมา

ในบ้านมีบรรยากาศคล้ายเปลวไฟลุกโชนสู่ท้องฟ้า*

แม้จะมีอาคมทำความสะอาด แต่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีส่วนที่ตกหล่นตามมุมตามซอก ในเวลาเช่นนี้ก็จำเป็นต้องใช้แรงคนลงมือทำด้วยตนเอง

เมิ่งถังรู้มู่หวาฮุยรักความสะอาด ตอนเก็บกวาดจึงทำอย่างละเอียดลออยิ่ง กระทั่งฝุ่นผงในซอกกระเบื้องก็แทบจะเช็ดจนสะอาดสะอ้าน

หลังจากลงมือเก็บกวาดอย่างเหน็ดเหนื่อย บ้านหลังนี้แม้จะยังดูชำรุดผุพัง แต่อย่างน้อยก็สะอาดสะอ้าน มีที่ให้พักผ่อนหลับนอนแล้ว

น้อยครั้งที่เมิ่งถังจะมีอารมณ์สนุกสนานเช่นนี้ เรียกติงเล่อเซวียน “มา…มา เราสองคนไปเก็บฟืนด้วยกัน ตอนค่ำก่อกองไฟกันแล้วไปจับปลาที่ทะเลมาสักหลายตัว ประเดี๋ยวเรามาย่างปลากินกัน”

ติงเล่อเซวียนยามนี้ก็อยู่ช่วงวัยรักสนุก เมื่อก่อนตอนอยู่สำนักหมิงหวาก็เอาแต่ฝึกวิชาทั้งวัน เก็บฟืน จับปลา เรื่องพวกนี้ไม่เคยทำมาก่อนเลย

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ข้าต้องปกป้องศิษย์พี่ผู้หล่อเหลา

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com