ความจริงแล้วมาถึงวันนี้นางก็มีความพร้อมแล้ว ต้องขอบคุณฝีมือเย็บปักของมารดาและน้องสาวที่มีลักษณะพิเศษอันชวนตื่นตา…ยิ่งฝีมือการปักสองหน้าผสานกับลวดลายที่นางวาดออกมาด้วยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นของชิ้นเล็กอย่างพวกผ้าเช็ดหน้า ถุงเหอเปา จนถึงงานปักชั้นสูงราคาแพงอย่างชุดกระโปรง ฉากบังลม และอื่นๆ ก็ล้วนแต่เปิดเส้นทางสร้างเงินให้แก่นางได้ทั้งสิ้น ภายหลังเพียงแค่เฉพาะลวดลายก็สามารถขายให้กับโรงปักผ้าได้แล้ว เงินทองก็ยิ่งหลั่งไหลเข้าถุงเหอเปาเป็นเท่าทวี
อีกอย่างสุราผลไม้ของนางก็หาทางขายได้แล้ว ผู้ที่เคยดื่มต่างเอ่ยชื่นชมไม่หยุดปาก ยิ่งเปิดช่องทำเงินให้นางอีกทางหนึ่ง มิหนำซ้ำผักผลไม้ที่ปลูกในบริเวณบ้านก็ใกล้จะเก็บได้แล้ว
โดยสรุปคือพวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องปากท้องหรือเครื่องนุ่งห่มอีก ทั้งยังสามารถส่งน้องชายสองคนเรียนหนังสือเพื่อสอบเคอจวี่ได้อย่างวางใจ เงินที่หาได้ในวันนี้ก็อยู่ในส่วนสำหรับซื้อบ้านซื้อที่นาแล้ว
ฉู่อวิ๋นจิ้งเพลิดเพลินอยู่กับการทำอาหารอย่างมาก วันนี้นางทำน้ำแกงปลาสะใภ้ซ่ง หรือเรียกอีกชื่อว่าน้ำแกงปลาเทียมปู หลังนึ่งปลากุ้ย ให้สุกดี ก็ลอกหนังและเลาะก้างออก ก่อนจะเติมขาหมูรมควันที่หั่นเป็นเส้นๆ เห็ดหอม หน่อไม้ซอย น้ำต้มไก่ และพวกเครื่องปรุงต่างๆ ลงไปต้มแล้วก็เป็นอันเสร็จ เมื่อสุกแล้วจะมีสีเหลืองทอง เนื้อนุ่มชุ่มฉ่ำ รสชาติคล้ายเนื้อปู
น้ำแกงปลาเทียมปูจะเลือกใช้ปลากะพงก็ได้ แต่ฤดูใบไม้ผลิน้ำในแม่น้ำใสจะสะอาด น้ำในแม่น้ำเย็นสบาย เวลานี้เป็นช่วงที่ปลากุ้ยรสชาติเยี่ยมยอดที่สุดในสี่ฤดู เนื้อปลากุ้ยจะนุ่มเนียนละเอียด ซ้ำยังมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว ย่อยง่ายยิ่งนักสำหรับเด็ก คนแก่ รวมถึงคนร่างกายอ่อนแอ ยิ่งกับคนที่ม้ามและกระเพาะทำงานไม่ดีด้วยแล้วกินปลากุ้ยก็จะได้ทั้งบำรุงร่างกายและไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารไม่ย่อย
ไม่ทันไรน้ำแกงปลาเทียมปูก็หมดจนเห็นก้นหม้อ ทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อยไม่รู้เบื่อ
“น้ำแกงปลาที่พี่สาวต้มอร่อยมากจริงๆ” ฉู่เหยียนมองฉู่อวิ๋นจิ้งด้วยสีหน้าประจบ เดิมทีเขาไม่ชอบกินปลาเป็นที่สุด เนื่องจากมันเหม็นคาว แต่พี่สาวก็จะคอยหาวิธีทำให้กลิ่นคาวปลาที่เขาเกลียดหายไป กระทั่งได้ลิ้มรสความนุ่มสดของปลาที่ไร้กลิ่นคาว
“ถ้าเจ้ายอมกินข้าวอย่างว่าง่าย ในห้าวันพี่จะอนุญาตให้เจ้าเลือกกับข้าวได้หนึ่งครั้ง แต่ว่าจะเลือกได้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้นนะ” เวลาฉู่อวิ๋นจิ้งเจอคนกินยากจะออกอาการกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก ยิ่งได้ยินคำว่า ‘อร่อย’ จากปากเขาคำหนึ่ง นางก็จะภาคภูมิใจเป็นพิเศษ
ฉู่เหยียนสองตาวาววับ “ข้าอยากกินอะไรก็ได้จริงหรือ”
“แน่นอน ขอแค่ข้าทำได้เป็นพอ”
“ข้าอยากกินผัดเนื้อแพะ” ฉู่เหยียนเคยกินผัดเนื้อแพะครั้งหนึ่ง นับแต่นั้นมาก็คิดถึงมิรู้ลืม แต่มารดาบอกว่าเนื้อแพะแพงเกินไปและไม่ยอมให้พี่สาวทำอาหารชนิดนี้อีก
“ได้ ไม่ได้กินผัดเนื้อแพะนานมากแล้ว ช่างชวนให้คิดถึงโดยแท้” ฉู่อวิ๋นจิ้งชิงเอ่ยก่อนมารดาจะทัดทานขึ้นมา ไม่ว่ายุคสมัยใดเนื้อแพะก็แพงมาก ว่ากันว่าสมัยซ่งเนื้อแพะถือเป็นอาหารที่ล้ำค่าที่สุด ไม่ว่าคนในวังหรือในหมู่ชาวบ้านล้วนเห็นการกินเนื้อแพะเป็นเรื่องยอดเยี่ยมทั้งสิ้น
ฉู่เหยียนรีบยื่นมือออกมา
ฉู่อวิ๋นจิ้งเห็นแล้วเข้าใจได้ในทันที นางยื่นมือไปเกี่ยวก้อยสัญญากับเขา