“วันนี้ที่ตีนเขาวัดเฉิงเอินมีตลาด เขาพาเอ้อร์หลางไปตั้งแผงขายน้ำแกงปลาที่นั่น”
ฉู่อวิ๋นจิ้งยกนิ้วโป้งชมเชย “พวกเขาเป็นเด็กรู้ความโดยแท้”
“นั่นสิ แต่ถ้าไม่ได้แม่นางฉู่ พวกเราคงไม่มีวันนี้”
“ข้าเพียงให้สูตรอาหารกับท่านเท่านั้น ส่วนที่เหลือล้วนเป็นพวกท่านเพียรพยายามมาด้วยตนเองทั้งสิ้น” ครั้นเห็นลูกค้าเข้าประตูมาฉู่อวิ๋นจิ้งก็เอ่ยว่า “ท่านยายเสิ่นไปทำงานเถิด ไม่ต้องดูแลข้า”
“ข้าไปทำงานแล้ว เชิญแม่นางฉู่กินตามสบาย” จบคำท่านยายเสิ่นก็หมุนตัวไปดูแลลูกค้าคนอื่น
ฉู่อวิ๋นจิ้งมองตามท่านยายเสิ่นที่ทางหนึ่งต้อนรับลูกค้า อีกทางหนึ่งก็เก็บชามเก็บช้อนบนโต๊ะ กระนั้นใบหน้าของอีกฝ่ายก็ยังเต็มไปรอยยิ้มกระตือรือร้นและจริงใจยิ่ง นางพลันรู้สึกว่ารอยยิ้มนี้ช่างเป็นภาพอันงดงามในโลกมนุษย์โดยแท้ หากเปลี่ยนเป็นตัวนางไปอยู่ตรงนั้นคงทำได้แค่ฝืนไม่ทำหน้าตาบูดบึ้งแล้ว เนื่องจากนางรู้สึกว่าการทำอาหารควรเป็นเรื่องที่ทำแล้วมีความสุข ความสบายใจ ไม่ใช่การค้าขายที่ไม่อาจเลือกลูกค้าได้ เมื่อพบลูกค้าน่าชิงชังสักคนหนึ่ง นางจะยังรักษาความสุขตอนที่ทำอาหารไว้ได้หรือ นางทำไม่ได้แน่ ด้วยเหตุนี้นางจึงชื่นชมคนอย่างท่านยายเสิ่นเป็นพิเศษ
ครู่ใหญ่กว่าที่ฉู่อวิ๋นจิ้งจะถอนสายตากลับมาได้ ยามนี้นางถึงสัมผัสได้ว่ามีใครบางคนกำลังมองมา นางหันหน้าไปตามสัญชาตญาณ ก่อนจะสบเข้ากับดวงตาสีดำเย็นชาลึกล้ำคู่หนึ่งเข้า
หลังชะงักไปชั่วอึดใจนางก็ย่นจมูก จากนั้นจึงหันกลับมาประหนึ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้น เพียงดื่มด่ำกับน้ำแกงปลาอย่างตั้งใจ
คราวนี้กลายเป็นเซียวอวี้ที่อึ้งงันไปแทน ด้วยคิดไม่ถึงว่านางจะเห็นเขาเป็นอากาศธาตุเช่นนี้
“คุณชาย มีอะไรไม่ถูกต้องหรือขอรับ” เกาฉีสังเกตว่าเจ้านายมีท่าทีผิดแปลกไป
เซียวอวี้ส่ายหน้า เพียงตั้งหน้าตั้งตากินน้ำแกงปลาต่อ ถึงนางใช้แซ่ฉู่ก็ไม่แน่ว่าจะต้องเป็นบุตรสาวของฉู่ซื่อเหยีย…คู่หมั้นของเขานี่ อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ยอมรับการแต่งงานนี้เสียหน่อย ต่อให้นางเป็นบุตรสาวของฉู่ซื่อเหยียจริงๆ พวกเขาก็เป็นเพียงคนที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
“แม่นางท่านนี้ไม่รู้ว่าจะเกี่ยวข้องกับฉู่ซื่อเหยียหรือไม่” เกาฉีหลุดปากพึมพำขึ้นมาประโยคหนึ่ง เนื่องจากเขาก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้เช่นกัน หากหญิงสาวผู้นี้คือบุตรสาวของฉู่ซื่อเหยียจริง ไม่ใช่ว่านางเป็นคู่หมั้นของคุณชายหรอกหรือ
“คนที่ข้าตามหาคือฉู่ซื่อเหยีย” ความนัยของวาจานี้คือ…จะเกี่ยวข้องหรือไม่นั้นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
“หากแม่นางท่านนี้คือบุตรสาวของฉู่ซื่อเหยียจริง เพียงสะกดรอยนางไปก็จะหาฉู่ซื่อเหยียพบไม่ใช่หรือขอรับ”
เซียวอวี้ตวัดสายตามองเกาฉีอย่างเย็นชา “ข้าจะหาคนสักคนจำเป็นต้องทุ่มเทแรงใจถึงเพียงนี้เชียวหรือ”
“…” สะกดรอยเป็นวิธีที่เรื่องน้อยที่สุดไม่ใช่หรือไร เกาฉีหุบปากอย่างรู้ตัวดี เขาติดตามข้างกายคุณชายมาตั้งแต่ยังเยาว์ ไม่ต้องรอให้ถึงกับขมวดคิ้วเขาก็รู้ได้ว่าคุณชายไม่พอใจแล้ว
“เรื่องของฉู่ซื่อเหยียค่อยเป็นค่อยไปเถิด” เซียวอวี้ไม่คิดว่าฉู่ซื่อเหยียจะยอมส่งมอบหยกมังกรครึ่งซีกออกมาง่ายๆ แน่ ของแทนใจที่สูงค่าเพียงนั้นจะไม่ขอแลกเปลี่ยนผลประโยชน์สักนิดได้อย่างไร ฉะนั้นการให้ผลประโยชน์เล็กน้อยเพื่อรับหยกมังกรครึ่งซีกกลับมาก็เป็นการสมควรแล้ว แต่จะให้ผลประโยชน์มากน้อยอย่างไรล้วนขึ้นอยู่กับเขา ซึ่งเขาไม่อาจปล่อยให้ฉู่ซื่อเหยียเป็นฝ่ายบงการได้ ดังนั้นก่อนที่จะต่อรองกับอีกฝ่ายเขาจำต้องควบคุมสถานการณ์ของฉู่ซื่อเหยียให้ได้ก่อน เพื่อให้ฉู่ซื่อเหยียยอมส่งมอบหยกมังกรครึ่งชิ้นนั้นแต่โดยดี
เกาฉีพยักหน้า ไม่กล้าพูดมากอีกแม้แต่ประโยคเดียว
เวลานี้เองเซียวอวี้ก็หันไปเห็นว่าฉู่อวิ๋นจิ้งกินน้ำแกงปลาเสร็จแล้ว นางลุกขึ้นแต่ไม่ได้หันกายจากไป กลับช่วยเก็บชามกับตะเกียบ ทำความสะอาดโต๊ะ ตอนท้ายยังไปซุกตัวอยู่มุมหนึ่งวักน้ำล้างชามกับตะเกียบอีก ท่านยายเสิ่นเห็นก็ไม่ได้ห้ามปรามแต่อย่างใด ยังคงยุ่งอยู่กับการต้อนรับลูกค้าที่เข้ามาในร้าน
เซียวอวี้ตกตะลึงเมื่อได้เห็นเช่นนี้ แววตาเขาเปลี่ยนเป็นใคร่ครวญ แม่นางผู้นี้ช่างแตกต่างกับสตรีอื่นจริงๆ
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 26 พ.ย. 62