บิดาของนางเป็นลูกชายคนเล็กของท่านป๋อผู้เฒ่าแห่งจวนจงอี้ป๋อ เป็นลูกคนที่สี่ซึ่งเกิดจากอนุภรรยา หนึ่งปีก่อนเขาทำให้ท่านป๋อผู้เฒ่าโมโหจนล้มป่วย ถึงขั้นถูกขับออกจากตระกูล เขาจึงพาภรรยาและลูกมายังเซียงโจว ประการแรกเพราะบ้านภรรยาอยู่ที่นี่ ประการที่สองเพราะเมื่อสี่ปีก่อนท่านป๋อผู้เฒ่าได้ซื้อบ้านชนบทที่นี่ไว้ให้เขาหลังหนึ่ง ในใจคิดว่ามาปลูกอะไรที่นี่สักหน่อยอย่างน้อยก็ไม่ต้องกลัวอดตาย ทว่าน่าเสียดายที่เขาปลูกอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง คิดพึ่งพาผลผลิตจากการเพาะปลูกเพื่อให้มีชีวิตที่ดีนั้นเป็นไปไม่ได้เลยสักนิด ไหนจะต้องส่งลูกชายสองคนเรียนหนังสือสอบเคอจวี่ อีก หลังใคร่ครวญอย่างดีแล้วเขาจึงตัดสินใจพาบ่าวขึ้นเรือสินค้าออกทะเลไปทำการค้า
“บัดนี้พวกเราอยู่ไกลออกมานับพันหลี่ ต่อให้ไม่เห็นแก่ศักดิ์ศรีก็เอ่ยขอความช่วยเหลือจากจวนจงอี้ป๋อไม่ได้อยู่ดี ยิ่งจวนจงอี้ป๋อลบพวกเราออกจากสาแหรกตระกูลเช่นนี้ เขายิ่งไม่มีทางฉีกหน้าตนเองโดยให้พวกเรากลับไปแน่” บิดาจากบ้านไปไกล เรื่องที่ย้ำแล้วย้ำอีกย่อมเป็นเรื่องสำคัญ ทว่าเหตุผลที่เอ่ยกำชับกำชานี้ช่างชวนให้ผู้คนไม่เข้าใจยิ่งนัก
“ตอนนั้นแม่เคยพูดเรื่องให้กลับจวนจงอี้ป๋อมาก่อน แต่พ่อเจ้าเพียงบอกให้แม่จดจำเอาไว้ ไม่ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไรพวกเราก็ไม่อาจเกี่ยวข้องกับจวนจงอี้ป๋อได้อีก”
“เจ้าค่ะ ไม่ว่าพวกเราเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็จะไม่ไปเกี่ยวข้องกับจวนจงอี้ป๋ออีก ในขณะเดียวกันชีวิตพวกเราก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ด้วย” ฉู่อวิ๋นจิ้งปรายตามองทุกคนครู่หนึ่ง นอกจากคนในครอบครัวนี้แล้วก็ยังมีบ่าวรับใช้ผู้ภักดีที่ไม่ทอดทิ้งหนีไปไหนอีกสามคนหนึ่งครอบครัว นับว่าคนที่นางต้องเลี้ยงดูนั้นมีไม่มาก ไม่ถึงปีนางก็น่าจะเก็บหอมรอมริบได้สักหนึ่งถังทองแล้วล่ะ
แม้ทุกคนจะยังไม่คุ้นชินกับความเปลี่ยนแปลงของฉู่อวิ๋นจิ้ง แต่อย่างน้อยแววตาและน้ำเสียงแน่วแน่ของนางก็สามารถลดความกังวลร้อนรนใจของผู้ฟังลงได้ ทุกคนรู้สึกเหมือนพบกับเสาหลัก
“เอาล่ะ เก็บข้าวของพวกนี้ก่อน แล้วค่อยมาหารือเรื่องแผนสร้างรายได้กัน” หลายสิบวันมานี้ฉู่อวิ๋นจิ้งอาจดูเหมือนคนเบื้อใบ้ แต่ในความเป็นจริงนางจะคอยลอบสังเกตอุปนิสัย ความเชี่ยวชาญ และความสามารถของทุกคนมาโดยตลอด ซึ่งนางมีแผนสร้างรายได้แล้ว นั่นก็คือการใช้คนอย่างเต็มความสามารถ
อะไรเรียกว่า ‘ใช้คนอย่างเต็มความสามารถ’ น่ะหรือ มันก็คือการนำความสามารถของทุกคนมาหาเงิน เช่นน้องสาวสืบทอดฝีมือการเย็บปักถักร้อยจากมารดา ทว่าลวดลายที่น้องสาวและมารดาคิดได้นั้นกลับมีน้อยเกินไป ย่อมทำเงินได้ไม่มากเท่าไร ขณะที่ฉู่อวิ๋นจิ้งเรียนด้านการออกแบบมา ในหัวของนางจึงมีลวดลายมากมายนับไม่ถ้วน สามารถคิดออกแบบให้น้องสาวและมารดาได้
ทั้งนางยังชอบกินอาหารและมีฝีมือในการหมักสุราผลไม้ ทว่าน่าเสียดายที่นางไม่มีเงินและกำลังพอจะเปิดร้านอาหาร หอสุรา หรือร้านขายขนมได้ สิ่งที่นางทำได้จึงมีเพียงขายสูตรอาหารให้สักร้านหนึ่งเท่านั้น แล้วเหตุใดพวกเขาต้องมาซื้อสูตรอาหารของนางด้วยน่ะหรือ เรื่องนี้ฉู่อวิ๋นจิ้งจำเป็นต้องพิสูจน์ว่าสูตรอาหารของนางสามารถนำมาซึ่ง ‘ความมั่งคั่งในอนาคต’ ได้ ส่วนจะพิสูจน์อย่างไรนั้นคงต้องเค้นสมองขบคิดให้ดีสักหน่อย
นอกจากนี้พื้นที่ภายในบ้านก็ไม่อาจปล่อยทิ้งโดยไม่ดูแลเช่นนี้อีก ทุกคนสามารถปลูกอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไว้กินเองได้ ซึ่งเอาไปขายทำเงินได้ด้วย สรุปก็คือ…วันเวลาต่อจากนี้ของนางคงจะยุ่งอย่างยิ่ง
คนทั้งหมดมองฉู่อวิ๋นจิ้งด้วยใบหน้างุนงง หารือเรื่องแผนสร้างรายได้?
“ประเดี๋ยวทุกคนก็จะรู้เอง” ฉู่อวิ๋นจิ้งไม่พูดมากอีก นางลงมือเก็บของที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นเป็นคนแรก เห็นเช่นนั้นทุกคนก็รีบร้อนเก็บกวาดทำความสะอาดตามนางด้วยเช่นกัน