ตอนนั้นทุกคนล้วนมองฉู่อวิ๋นจิ้งเป็นคนเสียสติ ทว่าสิ่งที่นางทำกลับไปสะกิดความสงสัยของลู่ไป่จวิ้นเข้า เขาคิดว่าการกระทำนี้ของนางต้องมีเหตุผล ซึ่งก็เป็นไปตามที่คิดไว้จริงๆ เพียงไม่กี่วันหลังจากนั้นคำตอบก็เผยออกมา นางใช้ประโยชน์จากหอจ้วนเซียนสร้างชื่อให้กับขนมเกาลัดของตนเอง ขนมเกาลัดของนางไม่เพียงอร่อยกว่าของหอจ้วนเซียน ทั้งยังถูกกว่าด้วย
เหตุการณ์นั้นทำให้ลู่ไป่จวิ้นรู้ว่าฉู่อวิ๋นจิ้งมีสติปัญญาเฉียบแหลมเพียงใด แต่นี่ก็ออกจะบุ่มบ่ามเสี่ยงอันตรายเกินไปด้วย หากไม่ได้พบคนอย่างเขาที่มองออกถึงความนึกคิดของนาง การกระทำของนางคงกลายเป็นการหาศัตรูใส่ตัวเป็นแน่แท้ ซึ่งนางเองก็คงรู้ดี เพราะตอนที่เขามาขอซื้อสูตรขนมเกาลัดจากนาง นางก็เสนอข้อตกลงร่วมงานกันพร้อมกล่าวขออภัยต่อเขา หากมิใช่เพราะอับจนหนทางแล้วจริงๆ นางก็ไม่มีวันหาผลประโยชน์จากหอจ้วนเซียนเช่นนี้
แค่เพียงเรื่องนี้ก็รู้ได้ว่าฉู่อวิ๋นจิ้งเป็นหญิงสาวฉลาดเฉลียวใจกล้าอย่างยิ่ง แต่เมื่อทั้งสองได้ติดต่อไปมาหาสู่กันจริงๆ นางกลับสงบเรียบร้อยอยู่ในระเบียบ พาให้คนคาดเดานิสัยที่แท้จริงของนางไม่ออกเสียอย่างนั้น
“พวกเราต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่จำเป็นต้องรู้สึกว่าใครติดค้างใครหรอก”
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ หากเป็ดพะโล้ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า สูตรอาหารครั้งหน้าของแม่นางฉู่ข้ายินดีจ่ายเป็นสองเท่า”
นิ่งไปชั่วอึดใจฉู่อวิ๋นจิ้งก็พยักหน้ารับโดยไม่คิดปฏิเสธ
ลู่ไป่จวิ้นจำต้องระวังป้องกันเพื่อไม่ให้นางขายสูตรอาหารในมือไปให้กับหอสุราอื่น พวกเขาทำงานด้วยกันมาหนึ่งปีแล้ว ที่หอจ้วนเซียนเติบโตอย่างก้าวกระโดดเช่นนี้ล้วนเป็นผลมาจากอาหารชนิดใหม่ทั้งสิ้น ซึ่งอาหารเหล่านั้นย่อมไปดึงดูดความสนใจจากหอสุราอื่นอยู่แล้ว ต่อให้หอจ้วนเซียนจะปิดปากเงียบ แต่หากสืบให้ละเอียดสักหน่อยก็จะรู้ได้ว่าสูตรอาหารของหอจ้วนเซียนมาจากที่ใด
“จริงสิ ได้ยินว่าแม่นางฉู่กำลังมองหาบ้านในเขตเมืองอยู่ แม่นางฉู่อยากให้ข้าช่วยเหลืออะไรหรือไม่”
“ขอบคุณคุณชายลู่มาก แต่ข้าไม่ขอรบกวนดีกว่า” ต่อให้นางจะแอบถามเรื่องซื้อบ้านในเขตเมืองกับหลงจู๊เหอโดยไม่มีเจตนาจะปกปิดเรื่องนี้ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่านางอยากข้องเกี่ยวกับนายจ้าง
“หากมีเรื่องที่ข้าช่วยได้ แม่นางฉู่ไม่ต้องเกรงใจ”
“ข้าทราบแล้ว”
“ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าจะมีแขกสำคัญมาเยือน ไม่ทราบว่าจะเชิญแม่นางฉู่จัดเตรียมอาหารรับรองให้ข้าด้วยตนเองได้หรือไม่”
“ต้องขออภัย ข้าไม่ทำอาหารให้คนไม่รู้จัก” สำหรับฉู่อวิ๋นจิ้งแล้วการเข้าครัวถือเป็นความสำราญอย่างหนึ่งในชีวิต บัดนี้เพื่อเลี้ยงดูครอบครัวนางจำเป็นต้องขายสูตรอาหาร ยอมเข้าครัวเพื่อแสดงวิธีการทำด้วยตนเอง นอกจากสองอย่างนี้แล้วนางก็ไม่ยินดีให้การทำอาหารต้องเปลี่ยนเป็นงานที่น่าเบื่อไร้รสชาติ กระทั่งเป็นความทุกข์ทรมานอย่างหนึ่ง
“แขกสำคัญผู้นี้เกี่ยวพันถึงอนาคตของข้า ข้าถึงได้เอ่ยปากเชิญแม่นางฉู่มาจัดเตรียมอาหารรับรองให้กับเขาเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้วัตถุดิบแพงหรูหราอะไร ขอเพียงเป็นอาหารที่แม่นางฉู่เชี่ยวชาญ หกกับข้าว หนึ่งน้ำแกง หนึ่งของหวาน…จบงานแล้วข้าจะให้แม่นางฉู่ห้าร้อยตำลึง”