เซียวอวี้ย่อมเข้าใจความคิดของสหายสนิท “เรื่องนี้ข้าเองก็คิดไม่ตก ในตัวฉู่ซื่อเหยียมีหยกมังกรของฝ่าบาทอยู่ครึ่งซีก จวนจงอี้ป๋อหักใจขับเขาออกจากตระกูลได้อย่างไรกัน”
“เจ้าพบตัวฉู่ซื่อเหยียแล้วหรือไม่”
“ข้ายังไม่รีบร้อนเพียงนั้น อย่างไรเสียฐานะของข้าก็เลี่ยงไม่ให้เป็นที่สงสัยได้ยากนัก ฉะนั้นในเมื่อตกลงกันแล้วว่าจะมาเที่ยวกินดื่มที่นี่ ย่อมต้องไปชิมอาหารอร่อยให้ทั่วเสียก่อน” เซียวอวี้เป็นคนรักในอาหารเลิศรส ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่สำคัญเท่าการได้ลิ้มชิมรสอาหารรสชาติเยี่ยม
“มิน่า ถึงให้ข้าเขียนจดหมายเชิญเจ้ามาเยือนเซียงโจว แต่ข้าอยู่เซียงโจวมาสองปีแล้วก็ไม่เคยได้ยินว่าฉู่ซื่อเหยียแห่งจวนจงอี้ป๋ออยู่ที่นี่นะ”
“เขาถูกขับออกจากตระกูลแล้ว ไปไหนมาไหนข้างนอกย่อมไม่สะดวกจะอ้างชื่อจวนจงอี้ป๋อ”
“ก็จริงอยู่”
“ในเมื่อข้ารับคำเชิญเจ้ามาชิมอาหารอร่อยที่นี่ เรื่องของฉู่ซื่อเหยียอีกสักหลายวันหน่อยค่อยว่ากัน”
“ข้าเชิญเจ้ามาชิมอาหารรสเลิศที่นี่ด้วยใจจริงเชียวนะ แต่ว่า…ข้ายังโน้มน้าวอีกฝ่ายไม่สำเร็จ” ลู่ไป่จวิ้นทอดถอนใจเบาๆ
เซียวอวี้เลิกคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
ลู่ไป่จวิ้นแบมือออกสองข้างโดยไม่ยอมอธิบายอะไรเพิ่ม “เอาเป็นว่าเจ้ารอไปก่อน ข้าจะให้เจ้าได้ชิมอาหารเลิศรสที่แม้แต่ในเมืองหลวงก็หากินไม่ได้แน่นอน!”
ปกติห้องครัวของบ้านสกุลฉู่เป็นพื้นที่ของป้าหลี่ ฉู่อวิ๋นจิ้งไม่ได้เข้าครัวเอง ประการแรกเพราะนางงานยุ่ง ประการที่สอง การเข้าครัวสำหรับนางควรจะเป็นความสำราญใจอย่างหนึ่ง หากต้องขลุกอยู่กับน้ำมันและควันอาหารตั้งแต่เช้าจรดค่ำเพื่อทำมาหาเลี้ยงท้อง ต่อให้เป็นเรื่องน่าสนุกเพียงใดก็เปลี่ยนเป็นน่าเบื่อไร้รสชาติได้อยู่ดี ด้วยเหตุนี้ทันทีที่อารมณ์ของนางผ่อนคลายแล้ว เรื่องแรกที่คิดถึงก็คือการเข้าครัว
หนึ่งปีมานี้นับว่ายากลำบากอย่างแท้จริง แม้ยังไม่มีกำลังซื้อคฤหาสน์หลังใหญ่หรือมีหน้าร้านเป็นของตนเอง แต่ยามนี้ก็พอมีเงินติดมืออยู่บ้าง เป็นไปตามเป้าหมายของนางเมื่อปีก่อน…เก็บทองให้ได้หนึ่งถังในหนึ่งปี!
ต่อให้ลู่ไป่จวิ้นยินดีจ่ายเงินเพิ่มอีกเท่าตัวเพื่อซื้อสูตรอาหารของนางอีก แต่นางกลับไม่รีบร้อนใช้วิธีนี้หาเงินให้มากๆ เพราะต่อจากนี้นางจะไม่ยอมขายสูตรอาหารง่ายๆ อีก เนื่องจากนี่ไม่ใช่แผนระยะยาวแต่อย่างใด เทียบกับประโยชน์ที่ได้เพียงครั้งเดียวแล้ว ไม่สู้ใช้โอกาสนี้ร่วมมือกับผู้อื่นสร้างผลประโยชน์ระยะยาวขึ้นมาเสียเลย ทว่าโอกาสเช่นนี้คงหาได้ยากยิ่ง