บทที่สอง
แม้ไม่อยากขอความช่วยเหลือจากลู่ไป่จวิ้นเพียงใด ทว่าความจริงนั้นช่างโหดร้ายยิ่งเสมอ กว่านายหน้าจะหาบ้านที่นางพอใจได้นั้นก็ยากเย็นมากแล้ว กลับต้องมาเจอเพื่อนบ้านฝั่งซ้ายขวาที่ไม่ถูกใจครอบครัวไร้อำนาจอย่างพวกนาง หากยืนหยัดต่อไปเช่นนี้เมื่อใดจะซื้อบ้านได้เล่า แน่นอนว่านางสามารถยอมแพ้ไปหาที่อื่นได้ ไม่ต้องมาใส่ใจเรื่องที่อยู่อาศัยดีๆ แต่ยามนี้บ้านพวกนางไม่มีบุรุษให้พึ่งพา เพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวาจึงสำคัญมาก หลังทบทวนอยู่หลายครั้งฉู่อวิ๋นจิ้งก็ตัดสินใจไปหาลู่ไป่จวิ้นอย่างยอมรับความจริง
“เรื่องตัวบ้านแม่นางฉู่มีอะไรที่ต้องการเป็นพิเศษหรือไม่” เมื่อเห็นฉู่อวิ๋นจิ้งมาเยือน ลู่ไป่จวิ้นก็โล่งใจได้เสียที แต่ไรมานางไม่ใช่คนที่จะเปลี่ยนความคิดง่ายๆ หรือหากนางเปลี่ยนความคิดก็จะเป็นฝ่ายมาเอ่ยขอร้องด้วยตนเอง
“บ้านไม่จำเป็นต้องใหญ่โต แต่ขอให้มีลานใหญ่สักหน่อย ข้าอยากปลูกอะไรเล็กน้อย”
ข้อดีที่สุดของเซียงโจวคืออยู่ติดทะเล บ่อยครั้งที่ฉู่อวิ๋นจิ้งได้พบพ่อค้าจากต่างบ้านต่างเมือง นางซื้อเมล็ดเครื่องเทศจากพวกเขามาไม่น้อย หากมีเครื่องเทศพวกนี้อยู่ในบ้านตอนทำอาหารก็ยิ่งสะดวกสบาย
ลู่ไป่จวิ้นอัศจรรย์ใจยิ่งนัก “แม่นางฉู่ก็ปลูกอะไรเป็นด้วยรึ!”
“ไม่มีอะไรยากนี่ ปลูกผักไว้ใช้เอง ซ้ำยังเอาไปขายได้เงินด้วย วันหลังข้าจะส่งผักผลไม้ที่ปลูกในบ้านให้คุณชายลู่ชิมดูบ้าง” ฉู่อวิ๋นจิ้งคิดหาหนทางขายผักผลไม้ที่บ้านตนเองปลูกตั้งนานแล้ว เคยลองสอบถามหอสุราและพวกร้านผักผลไม้ดู พวกนั้นก็ล้วนแต่ให้ราคารับซื้อที่ไม่ดี พวกชาวบ้านต่ำต้อยมีแต่ถูกพ่อค้าเอาเปรียบไปเช่นนี้ นอกเสียจากว่าจะมีเส้นสาย หากอีกฝ่ายเห็นแก่ความสัมพันธ์ก็จะยอมจ่ายให้ในราคาที่สูงขึ้น ซึ่งสิ่งที่นางไม่ต้องการพึ่งพามากที่สุดก็คือเส้นสายนี้เอง ติดค้างน้ำใจย่อมง่ายต่อการตกเป็นเบี้ยล่าง แต่มาวันนี้กระทั่งซื้อบ้านยังมาเอ่ยขอร้องเขาถึงที่ หากต้องติดค้างน้ำใจขายผักผลไม้ให้หอจ้วนเซียนอีกคงไม่เป็นไร
ลู่ไป่จวิ้นได้ฟังก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง เขาตอบรับทันใด “หอจ้วนเซียนใช้ผักผลไม้ในปริมาณมหาศาลทุกวัน แม่นางฉู่สามารถขายผักผลไม้ของที่บ้านให้กับหอจ้วนเซียนได้”
“คุณชายลู่รอดูผักผลไม้ของสวนข้าก่อนดีกว่า” ถึงเขาตอบรับด้วยน้ำใจจริงๆ แต่การทำการค้าก็ต้องยึดถือความชอบธรรมจึงจะทำเงินได้อย่างสบายใจ…การค้าถึงจะยืนยาว
“ข้าเชื่อแม่นางฉู่”
“ข้าก็มียามที่ผิดพลาดเหมือนกัน คุณชายลู่ยึดตามที่ตาเห็นเถิด พวกเราจึงจะร่วมงานกันอย่างมีความสุข”
“หอจ้วนเซียนมีวันนี้ได้ถือเป็นความดีความชอบของแม่นางฉู่ ข้ามีความสุขมากที่ได้ร่วมงานกับแม่นางฉู่” ที่หอจ้วนเซียนก้าวขึ้นมาเป็นหอสุราอันดับต้นๆ ในเซียงโจวได้อย่างรวดเร็วนั้นทั้งหมดนี้เป็นเพราะทุกฤดูกาลจะมีอาหารจานใหม่มาตลอด และอาหารจานใหม่ก็จะกลายเป็นอาหารขึ้นชื่อไปในที่สุด
หอจ้วนเซียนรุ่งเรืองขึ้นมาเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในวงการ หอสุราอื่นย่อมต้องสืบข่าวค้นหาผู้อยู่เบื้องหลังนี้ ลู่ไป่จวิ้นคิดว่านางเองก็น่าจะได้ยินข่าวมาไม่มากก็น้อย แต่นางกลับไม่ใช้ประโยชน์จากจุดนี้ขอขึ้นราคา ยังเป็นเขาที่ออกปากเองก่อน เขาจึงมองออกว่านางหาใช่คนละโมบ ทั้งยังรู้จักบุญคุณ มองว่าเขาเป็นคนที่มอบโอกาสให้นาง
“ข้าก็รู้สึกยินดีที่ได้ทำงานร่วมกับคุณชายลู่” ที่ผ่านมาลู่ไป่จวิ้นไม่เคยพยายามสืบค้นภูมิหลังของนาง กระทั่งเรื่องง่ายดายที่สุดอย่างชื่อแซ่ของนางคืออะไรเขาก็ยังไม่รู้แน่ชัด เป็นเพราะได้ยินผู้อื่นเรียกนางว่า ‘แม่นางฉู่’ เขาจึงเรียกนางว่า ‘แม่นางฉู่’ ตามผู้อื่น
“ไม่รู้ว่าแม่นางฉู่ยังจำเรื่องที่ข้าเคยเอ่ยถึงได้หรือไม่ เรื่องที่อยากให้แม่นางฉู่จัดเตรียมอาหารให้แขกคนสำคัญที่ข้าเชิญจากเมืองหลวงมาโดยเฉพาะ ไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารหายากอะไรเลย แค่อาหารที่แม่นางฉู่ถนัดก็พอ” ลู่ไป่จวิ้นประสานมือแล้วเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อม “แม้รู้ว่าเรื่องนี้คงทำให้แม่นางฉู่ลำบากใจ แต่ด้วยเกี่ยวพันกับเรื่องใหญ่ที่ข้าจะทำในภายภาคหน้าจริงๆ จึงได้แต่ขอให้แม่นางฉู่แหกกฎคราหนึ่งเป็นผู้ควบคุมการปรุงนี้เถิด”
ฉู่อวิ๋นจิ้งพยักหน้า ก่อนเอ่ยรับปาก “ได้ รอข้าซื้อบ้าน จัดแจงดูแลครอบครัวเสร็จก่อนได้หรือไม่”
ไม่ใช่เพราะฉู่อวิ๋นจิ้งคิดเล็กคิดน้อย หวังให้ผู้อื่นทำงานให้ก่อน แต่ก่อนเรื่องย้ายบ้านจะเสร็จเรียบร้อย นางคงไม่มีจิตใจไปรับมือกับเรื่องอื่น