แม้เหลียนอวี้จูไม่อยากกลับเมืองหลวงเพียงใด แต่นางก็ไม่ยอมให้บุตรสาวละทิ้งโอกาสดีๆ เช่นนี้ นางจึงเลือกที่จะนิ่งเงียบไม่กล่าวคำ
“ดึกมากแล้ว ท่านแม่ควรเข้านอนได้แล้วเจ้าค่ะ” ฉู่อวิ๋นจิ้งประคองมารดาลุกขึ้น แล้วพาส่งกลับห้อง ก่อนที่นางจะเดินเนิบช้าท่ามกลางแสงจันทร์กลับห้องของตนเอง
ตั้งแต่ในเมืองจนถึงนอกเมืองเซียวอวี้เติมเต็มความปรารถนาของกระเพาะและปากอย่างเต็มที่ ในที่สุดเขาก็คิดทำงานทำการบ้างแล้ว
อันดับแรกย่อมเป็นการสืบเรื่องของฉู่ซื่อเหยียให้แน่ชัด เรื่องนี้ไม่ยาก เพราะตั้งแต่ก่อนมาที่เซียงโจวเขาก็ส่งคนมาลอบสืบข่าวก่อนแล้วจนรู้ว่าฉู่ซื่อเหยียมีบ้านอยู่ที่นี่ แต่กลับคิดไม่ถึง เรื่องที่เขาคิดว่าไม่กี่วันก็จัดการได้สำเร็จลุล่วงกลับขมวดแน่นกลายเป็นเงื่อนตายเสียแล้ว…ฉู่ซื่อเหยียออกทะเลไปกับเรือสินค้าตั้งแต่สองปีก่อน จวบจนบัดนี้ยังคงไร้ข่าวคราว…เป็นตายไม่กระจ่าง
“เจ้าแน่ใจหรือว่าฉู่ซื่อเหยียออกเรือไปกับเรือสินค้าจริงๆ” เซียวอวี้วางคันธนูในมือลง เขาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกหากฉู่ซื่อเหยียเลือกออกทะเลทำการค้าเพื่อสร้างความร่ำรวย แต่จากข่าวที่เขาสืบมาได้นั้น ฉู่ซื่อเหยียชอบอ่านตำรับตำรา ต่อให้ถูกคนในจวนจงอี้ป๋อกดขี่ข่มเหงก็ยังไม่อาจปกปิดลักษณะประดุจจ้วงหยวนของเขาได้ พูดอีกอย่างก็คือเขาดูไม่คล้ายกับคนที่จะใช้การค้าขายมาเป็นเส้นทางให้อนาคตตนเอง ตรงกันข้าม ฉู่ซื่อเหยียยังสอบเคอจวี่ได้ถึงระดับบัณฑิตจิ้นซื่อแล้ว อาศัยความสามารถของตนเองรับราชการยังดูเป็นเรื่องที่เขาควรทำมากกว่า
เกาฉีพยักหน้าตอบว่า “ได้ยินว่าเป็นเช่นนี้ขอรับ เว้นเสียแต่ว่าฉู่ซื่อเหยียจะไม่เปิดเผยเรื่องการเดินทางกับคนในครอบครัว”
เซียวอวี้ขมวดคิ้ว “แต่ข้าจำได้ว่าสองปีมานี้ไม่มีเหตุร้ายที่เกี่ยวกับเรือเกิดขึ้นเลย”
“ข้าก็จำได้ว่าหลายปีมานี้ไม่มีเรืออับปางเกิดขึ้น จึงไปสอบถามที่ท่าเรือ ตรวจรายชื่อผู้ที่ออกทะเลในสองสามปีนี้โดยละเอียด ไม่พบชื่อของฉู่ซื่อเหยียเลย นอกเสียจากฉู่ซื่อเหยียจะใช้นามอื่น”
เซียวอวี้ส่ายหน้าอย่างแน่ใจ “หากฉู่ซื่อเหยียไม่มีทางเลือกจนต้องออกทะเลไปเพื่อความก้าวหน้าจริง เขาไม่อาจใช้นามอื่นได้ มีฐานะของจวนจงอี้ป๋อระหว่างทางจึงจะสะดวกต่องานเขามากกว่า เห็นทีเขาคงไม่ได้ออกทะเล”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น เรือที่ออกทะเลในช่วงเวลานั้นมีอยู่สามลำ ซึ่งต่างก็ทยอยกลับมากันแล้ว ถึงจะมีคนเกิดเรื่องไม่คาดฝันจนกลับมาไม่ได้ แต่หลังจากยืนยันลักษณะอย่างละเอียด คนเหล่านั้นก็ไม่มีใครที่มีลักษณะตรงกับฉู่ซื่อเหยียเลย”
เซียวอวี้ลูบใต้คางไปมาพลางเค้นสมองขบคิดโดยละเอียด “หากพูดว่าออกทะเลทำการค้าแต่กลับไม่ได้ขึ้นเรือ เป็นไปได้มากว่าที่ที่จะไปไม่สามารถพูดออกมาตรงๆ ได้ แต่สองปีแล้วยังไม่กลับมา ความเป็นไปได้แรกคือตายด้วยเหตุไม่คาดฝัน ความเป็นไปได้ที่สองคือไม่อาจจากมาได้ หากเป็นอย่างหลังเกรงว่าสถานการณ์คงจะซับซ้อนกว่าที่พวกเราจินตนาการไว้แล้ว”
เกาฉีครุ่นคิดตามผู้เป็นนาย ก่อนจะได้ข้อสรุปเพียงอย่างเดียว “เรื่องนี้คงสืบข่าวได้ไม่ง่าย เพราะอย่างไรก็ผ่านไปสองปีแล้ว”
“แน่นอนว่าไม่ง่าย แต่ก็ต้องสืบข่าวให้ชัดเจน”
“เบาะแสของฉู่ซื่อเหยียที่ขาดช่วงไปควรเริ่มค้นจากที่ใดขอรับ”
“หากภรรยาและลูกของฉู่ซื่อเหยียยังอยู่ที่นี่ เบาะแสก็ไม่หายไปไหนหรอก” เซียวอวี้เอ่ยขึ้นด้วยความมั่นใจ
เมื่อเอ่ยถึงครอบครัวของฉู่ซื่อเหยียเกาฉีก็นึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ “คุณชายขอรับ พ่อครัวที่คุณชายลู่ทุ่มเทแรงกายแรงใจไปมากเพื่อดึงมาร่วมงานนั้นเป็นไปได้มากว่าจะเป็นบุตรสาวคนโตของฉู่ซื่อเหยียขอรับ”
“อะไรนะ!” เซียวอวี้ตกใจจนแทบตกจากเก้าอี้