แม้ตามหลักการมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านควรจะส่งเทียบมาก่อน แต่บุรุษผู้เป็นเจ้าบ้านไม่อยู่เช่นนี้ควรจะส่งเทียบให้ผู้ใดเล่า คิดอยู่นานในที่สุดเซียวอวี้ก็ขอข้ามขั้นตอนนี้ไป เขาใช้ฐานะที่อาวุโสน้อยกว่ามาเยือนถึงบ้านโดยตรง บุรุษเจ้าบ้านไม่อยู่ก็ต้องพบสตรีเจ้าบ้าน ทว่านายหญิงสี่สกุลฉู่ไม่ถนัดการรับรองแขก ยามนี้แม่นางฉู่ซึ่งเป็นผู้นำครอบครัวที่แท้จริงจึงอยู่ข้างกายมารดาของนางด้วย
ในที่สุดเซียวอวี้ก็ได้ยืนยันฐานะที่แท้จริงของนาง เขาลอบถอนหายใจโล่งอกอย่างไม่มีสาเหตุ ซึ่งตัวเขาไม่แน่ชัดว่านี่เป็นความรู้สึกใดกันแน่ รู้สึกว่าพอพวกเขามีความเกี่ยวพันอันน่าเหลือเชื่อเช่นนี้แล้ว…ช่างดียิ่งนัก
“ข้าบุ่มบ่ามมาขอพบเอง ขอฮูหยินโปรดอภัยด้วย” เซียวอวี้เปลี่ยนท่าทียโสแข็งกร้าวในยามปกติมาเป็นอ่อนน้อมมีมารยาท
“ไม่ทราบวันนี้อู่หยางโหวซื่อจื่อมาเยือนด้วยเหตุใด” เหลียนอวี้จูนั่งไม่ติดอย่างเห็นได้ชัด นางเหลือบมองฉู่อวิ๋นจิ้งโดยจิตใต้สำนึก ทว่าบุตรสาวกลับไม่มีท่าทีจะออกหน้าแต่อย่างใด เพียงยืนรับใช้อยู่ด้านหลังอย่างเคารพนอบน้อมประหนึ่งสาวใช้ นางจึงได้แต่ถอนสายตากลับมา
ในยามนี้ฉู่อวิ๋นจิ้งนับว่าเป็นผู้นำครอบครัวอย่างแท้จริง เรื่องน้อยใหญ่ในบ้านล้วนมีนางเป็นผู้ตัดสินใจทั้งสิ้น ทว่านางยังคงรู้กาลเทศะยิ่ง หากไม่ใช่เพราะไม่รู้ว่าแขกที่มาใส่ใจธรรมเนียมมากมายเพียงใดและนางยังเป็นกังวลว่ามารดาจะรับมือแขกที่มาในวันนี้ไม่ไหว นางคงไม่มีทางมายืนอยู่ที่นี่
“ฮูหยินเคยได้ยินฉู่ซื่อเหยียเอ่ยถึงเรื่องที่เคยช่วยพ่อข้าเมื่อสี่ปีก่อนหรือไม่” เซียวอวี้ชำเลืองมองฉู่อวิ๋นจิ้งแวบหนึ่งคล้ายไม่ตั้งใจ นางในวันนี้ดูแตกต่างกับสองครั้งก่อนหน้าที่พบกัน…แลดูชดช้อยนุ่มนวลขึ้น
เหลียนอวี้จูพลันตกตะลึง “ท่านพี่เคยช่วยอู่หยางโหวไว้?!”
“ขอรับ สี่ปีก่อนเกิดอุทกภัยที่เจียงหนานท่านพ่อเดินทางมาช่วยเหลือชาวบ้านที่เจอภัยพิบัติที่เซียงโจวพร้อมกับองค์ชายสาม คิดไม่ถึงว่าจะถูกโจรสลัดจู่โจม เคราะห์ดีที่ฉู่ซื่อเหยียออกหน้าฝ่าวงล้อมเข้ามาช่วยเหลือเอาไว้”
“…สี่ปีก่อนสามีข้าอยู่ที่เซียงโจวระยะหนึ่งจริงๆ แต่เขาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องที่เคยช่วยอู่หยางโหวไว้เลย” เนื่องจากพ่อสามียกบ้านในเซียงโจวให้สามีของนาง เขาจึงเดินทางมาที่เซียงโจว คาดไม่ถึงว่าจะมาเจออุทกภัยที่เจียงหนานเข้าพอดี ซ้ำยังเกิดเรื่องโจรสลัดลอบโจมตีอีก สุดท้ายจึงพักอยู่ที่เซียงโจวนานถึงครึ่งปีกว่า
“จากคำพูดของท่านพ่อข้า ฉู่ซื่อเหยียคงเห็นว่าเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยดุจยกฝ่ามือ ไม่ควรนับมาพูดถึง เพราะเหตุนี้ฉู่ซื่อเหยียจึงไม่ได้เล่าเรื่องนี้ต่อฮูหยินกระมัง”
“ในเมื่อเป็นเรื่องเล็กน้อยดุจยกฝ่ามือ ท่านพี่คงไม่เก็บมาใส่ใจ แน่นอนว่าคงไม่คิดเอ่ยเรื่องนี้กับข้า” สามีของนางเป็นคนเช่นนี้ สำหรับเขาแล้วการช่วยเหลือผู้อื่นล้วนมิได้ทำเพื่อสิ่งตอบแทนจากอีกฝ่าย แต่เป็นเพราะไม่อยากผิดต่อมโนธรรมในใจ ดังนั้นหากเขาไม่มีความสามารถพอที่จะช่วย เขาก็จะไม่เสนอตัวเป็นอันขาด
เวลานี้เซียวอวี้จำต้องเอ่ยเข้าประเด็นตรงๆ “ตอนนั้นเพื่อตอบแทนบุญคุณช่วยชีวิตท่านพ่อได้หมั้นหมายข้ากับบุตรสาวคนโตของฉู่ซื่อเหยีย ทั้งฝ่าบาทยังทรงนำหยกมังกรครึ่งซีกที่พกติดตัวมอบให้ฉู่ซื่อเหยียแทนของแทนใจอีกด้วย”
เหลียนอวี้จูงงงันไปทันใด จิ้งเอ๋อร์มีสัญญาหมั้นหมายกับซื่อจื่อ?