หลังจัดระเบียบความคิดครู่หนึ่งเซียวอวี้ก็เอ่ยว่า “ให้เจียงจิ่นเดินทางไปด้วยตนเองก่อนเที่ยวหนึ่ง แม้เรื่องจิ้งอ๋องผู้เฒ่าจะเป็นแค่การคาดเดาของพวกเรา แต่ข้ามั่นใจว่าตราพยัคฆ์ปลอมจะต้องอยู่ที่เขาแน่ หากจิ้งอ๋องผู้เฒ่ารู้ว่าหยกมังกรอีกครึ่งซีกอยู่ในมือฉู่ซื่อเหยีย ย่อมมีโอกาสที่เขาจะส่งคนออกตามหาฉู่ซื่อเหยียและทำลายหยกมังกรครึ่งซีกในมือเขาไป เรื่องนี้จำต้องเตือนฝ่าบาทก่อน”
“ขอรับ ข้าจะให้เจียงจิ่นกลับเมืองหลวงทันที”
“อีกอย่างเจ้าอย่าได้ออกหน้าสืบค้นเรื่องของฉู่ซื่อเหยียเอง ส่งต่อเรื่องนี้ให้หลินคุนเป็นผู้จัดการ ฉู่ซื่อเหยียออกจากบ้านไปหนนี้เกิดเหตุไม่คาดฝันอะไรขึ้นบ้างต้องตรวจสอบมาให้ละเอียด แม้เวลาจะผ่านไปสองปีก็ยังต้องค้นหาร่องรอยให้ได้ เบาะแสเล็กน้อยก็ห้ามปล่อยไป ฮูหยินของฉู่ซื่อเหยียเองก็ห้ามปล่อยไป คิดวิธีสืบหาความจริงให้ได้ ไม่แน่นางอาจรู้อะไรแต่ไม่ยอมพูดออกมา”
เมื่อเอ่ยถึงฉู่ซื่อเหยียผู้นี้แล้ว นอกจากการเล่าเรียนอ่านตำราแล้วสิ่งที่คนอื่นประจักษ์ชัดที่สุดก็คือเรื่องรักภรรยา เมื่อเขารักภรรยามากเช่นนี้ก็ไม่ควรปกปิดจุดมุ่งหมายที่แท้จริงกับภรรยา
เกาฉีขานรับแล้วรีบออกไปจัดการ
ฉู่อวิ๋นจิ้งชอบกินซาลาเปาเกลียวไหมมาก นี่เป็นขนมนึ่งชนิดหนึ่ง โดยใช้น้ำมันหมู กุ้งแห้ง ขาหมูรมควัน ผงพริกหอม โคนต้นหอมซอย และเกลือนำมาคลุกเคล้าจนกลายเป็นไส้เนื้อข้นๆ จากนั้นก็นวดแป้งซึ่งเป็นส่วนที่ห่อไส้ เสร็จแล้วทาไส้ลงไปหนึ่งชั้น ห่อเป็นรูปกระบอกตัดเป็นท่อนสั้นๆ แต่ละท่อนหั่นเป็นเส้นเล็ก ก่อนจะคลึงออกเป็นแผ่นยาว แล้วค่อยม้วนเป็นก้อน สุดท้ายวางใส่เข่งนึ่งด้วยไฟแรงพอสุกก็เป็นอันเสร็จ
“ข้าเห็นว่าเจ้าเขียนหนังสือสวยขึ้นเรื่อยๆ วันนี้จึงให้เรื่องประหลาดใจเล็กน้อยกับเจ้าอย่างหนึ่ง…ซาลาเปาเกลียวไหมไส้ต้นหอม” ฉู่อวิ๋นจิ้งยังเตรียมชาชะเอมปั้วเหอ* ให้กินคู่กับซาลาเปาเกลียวไหมไส้ต้นหอมแก่น้องชายด้วย ซึ่งชานี้มีสรรพคุณช่วยคลายร้อน ลดร้อนใน เย็นสบาย แก้พิษ ทำให้มีเหงื่อออก
ฉู่เหยียนหลับตาพลางสูดหายใจเข้าอย่างเกินจริง “หอมมาก!”
ฉู่อวิ๋นจิ้งใช้นิ้วเกาจมูกเขาอย่างขบขัน “แค่มีของให้กิน อะไรเจ้าก็ว่าหอมทั้งนั้นกระมัง”
ฉู่เหยียนเบะปากอย่างไม่ยินยอม “หากไม่ใช่ของที่พี่สาวทำ ก็ไม่หอมเลยสักนิดเดียว”
“แน่นอนๆ พี่สาวเก่งที่สุดแล้ว ใครก็เทียบไม่ได้” ฉู่อวิ๋นจิ้งแสร้งทำทีเป็นเชิดหน้าอย่างภูมิใจ
ฉู่เหยียนเห็นแล้วก็ขำพรืดพร้อมกับพยักหน้ารับระรัว
“พี่สาว ซาลาเปาเกลียวไหมไส้ต้นหอมรสชาติเป็นเช่นไรหรือ”
“เค็มกำลังพอดีเลย”
“ข้ากินได้แล้วหรือยัง” ฉู่เหยียนกลืนน้ำลายลงคอ เขาแทบทนรอไม่ไหวอยากจะขยับตะเกียบกินแล้ว
“ได้ ให้ข้าทำให้เจ้าดูก่อนครั้งหนึ่ง” ฉู่อวิ๋นจิ้งใช้ตะเกียบคีบที่ปลายด้านหนึ่งซึ่งมีลักษณะราวกับเป็นเส้นไหมแล้วยกขึ้นมา
“สนุกมากเลย!” ฉู่เหยียนคีบปลายด้านหนึ่งของซาลาเปาเกลียวไหมไส้ต้นหอมเลียนแบบฉู่อวิ๋นจิ้งอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะส่งเข้าปากแล้วเคี้ยวกินอย่างเอร็ดอร่อยด้วยท่าทางแสนสุข กินไปพลางก็พยักหน้าไปพลาง
“ค่อยๆ กิน อย่าให้ติดคอเล่า” ฉู่อวิ๋นจิ้งจ้องมองน้องชายอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดนางก็มีอารมณ์ดื่มด่ำกับเวลาจิบชายามบ่ายของตนเองเสียที ทว่ายังไม่ทันมีอะไรเข้าปากนางก็เหลือบไปเห็นมารดาเหม่อลอยจนเผลอทำน้ำชาหกรดเสื้อผ้าเสียก่อน โดยที่มารดาไม่ได้รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย