“นี่เจ้าไม่เห็นด้วยรึ”
“ไม่รู้จัก และไม่มีอะไรจะพูด” เซียวอวี้ปิดสมุดในมือ “ไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องมาสนใจเรื่องนี้ เพียงตั้งอกตั้งใจเปิดหออีผิ่นของเจ้าไปเถิด”
“อะไรนะ!” ลู่ไป่จวิ้นเกือบจะคิดตามไม่ทันอยู่แล้ว
“เจ้าเตรียมตัวได้แล้ว ภายในสามเดือนข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนาแน่” เซียวอวี้ยกสมุดในมือขึ้นมาปิดปากของลู่ไป่จวิ้น ห้ามไม่ให้เขาพูดจาไร้สาระ “พวกเราเดินไปคุยไปเถอะ”
ฉู่อวิ๋นจิ้งมองดูคนสองคนที่นั่งกินไข่ใบชาเป็นเพื่อนฉู่เหยียนบนม้าหิน ซึ่งก็คือเซียวอวี้กับลู่ไป่จวิ้น เมื่อมองสภาพ ‘คึกคัก’ บนโต๊ะหินในยามนี้ด้วยแล้วนางก็ไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรออกมาดี
ก่อนหน้านี้หลังจากที่ต้มไข่ใบชาเสร็จแล้ว นางก็ออกไปส่งงานที่โรงปักผ้า คิดไม่ถึงพอกลับมาในบ้านจะมีคนเพิ่มขึ้นอีกสองคน ไข่ใบชาหนึ่งหม้อเหลือเพียงแค่เปลือกไข่…โชคดีที่นางเก็บไข่ใบชาไว้หนึ่งถ้วยน้ำแกงก่อนแล้วเพื่อเตรียมเป็นอาหารมื้อดึกให้ฉู่เย่าตอนกลางคืน
“อร่อยจริงๆ ยังมีอีกหรือไม่” เซียวอวี้มองฉู่อวิ๋นจิ้งราวกับยังกินไม่จุใจพอ
คนผู้นี้จะวางตัวเป็นกันเองไปหน่อยหรือไม่ ฉู่อวิ๋นจิ้งมองผ่านสถานการณ์ประหลาดตรงหน้านี้ไป แล้วเอ่ยเป็นจริงเป็นจริงขึ้น “อาหารว่างพวกนี้กินมากไม่ได้ แค่กินเป็นบางทีก็พอ”
“เหตุใดจึงกินมากไม่ได้เล่า”
“ข้าพูดไปท่านก็ไม่เข้าใจ”
“เจ้ายังไม่พูดเลย แล้วรู้ได้อย่างไรว่าข้าจะไม่เข้าใจ” เซียวอวี้ยังคงอยากรู้เหตุผลนั้น
แม้ใบชาจะช่วยเพิ่มกลิ่นหอมของไข่ได้ ทว่ากรดแทนนินในใบชากลับง่ายต่อการรวมตัวกับธาตุเหล็กที่อยู่ในไข่ นอกจากจะทำให้ระคายกระเพาะอาหารแล้ว ยังเป็นสาเหตุของปัญหาอาหารไม่ย่อยอีกด้วย สิ่งเหล่านี้พวกท่านเข้าใจหรือไม่ ฉู่อวิ๋นจิ้งได้แต่คิดในใจแล้วเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “วันนี้พวกท่านมาเยือนด้วยเรื่องใด”
“พวกเราอยากมาหารือเรื่องการเปิดหอสุราในเมืองหลวง” ลู่ไป่จวิ้นตอบอย่างรู้หน้าที่ดี เนื่องจากหอสุราเป็นกิจการของเขา แน่นอนว่าต้องให้เขาเป็นผู้จัดการเรื่องนี้
ฉู่อวิ๋นจิ้งรู้สึกขบขันเป็นที่สุด “ข้าดูเหมือนว่าไม่ได้รับปากว่าจะร่วมมือกับคุณชายลู่นี่”
“สี่ส่วน” ลู่ไป่จวิ้นยกมือขวาขึ้นชูสี่นิ้วอย่างชัดเจนไม่อ้อมค้อม
ฉู่อวิ๋นจิ้งยอมรับว่าตนเองตกใจอย่างมาก จากหนึ่งส่วนกระโดดไปเป็นสี่ส่วน ออกจะดีดตัวขึ้นสูงเกินไปแล้วกระมัง ทว่าในชั่วพริบตานางก็สงบลง ก่อนส่ายหน้าด้วยความเด็ดเดี่ยวยิ่ง “ไม่ว่าคุณชายลู่จะให้เงื่อนไขดีเพียงใดก็ล้วนไม่เป็นผล”
ลู่ไป่จวิ้นปรายตามองเซียวอวี้ตามจิตใต้สำนึกทันที ทั้งสองตกลงกันก่อนหน้าแล้ว เซียวอวี้จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องการโน้มน้าวนี้
เซียวอวี้บอกกับฉู่เหยียนว่าอยากดื่มอะไรเย็นๆ สักหน่อย เดิมทีฉู่เหยียนกำลังเงี่ยหูฟังพวกเขาพูดกันอยู่ ไม่นึกอยากแยกออกไปสักนิด แต่พอฉู่อวิ๋นจิ้งเอ่ยปากให้เขาไปบอกป้าหลี่ให้ยกชาชะเอมปั้วเหอมา เขาก็ได้แต่ทำปากยื่น กระโดดลงจากเก้าอี้อย่างว่าง่ายไปแจ้งกับห้องครัว
แยกตัวคนไม่เกี่ยวข้องออกไปแล้ว เซียวอวี้ก็พูดอย่างมั่นใจในเหตุผล “เมื่อท่านอากลับมาอย่างปลอดภัย ท้ายที่สุดพวกเจ้าก็ต้องกลับเมืองหลวง”
ฉู่อวิ๋นจิ้งขึงตาใส่อย่างอดไม่ได้ “ท่านพ่อจะกลับมารับพวกเราเอง”
“นี่ย่อมแน่นอน แต่หากพวกเจ้าเข้าเมืองหลวง ข้าก็สามารถคุ้มกันพวกเจ้าได้ง่ายมากขึ้น”
ฉู่อวิ๋นจิ้งใบหน้าเปลี่ยนสี “ข้าไม่เข้าใจความหมายของท่าน”