ยามนี้เป็นกังวลไปก็ไม่เกิดผล นางยังไม่รู้แน่ชัดเลยว่าแท้จริงบิดาไปที่ใด จึงได้แต่พักเรื่องนี้ไปก่อนชั่วคราว กลับไปยังคำถามก่อนหน้าของพวกเขา “เรื่องท่านพ่อเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของพวกเราอย่างไร”
“หากตามหาท่านอาไม่พบ ก็ทำได้เพียงลงมือกับพวกเจ้า พวกเจ้าอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัยหรอก”
ฉู่อวิ๋นจิ้งกลับเห็นต่าง “พวกเรายังไม่รู้ที่อยู่แน่ชัดของท่านพ่อเลย ลงมือกับพวกเราจะไปมีประโยชน์อะไร”
“หากสงสัยว่าพวกเจ้ามีเจตนาปิดบังเล่า”
ฉู่อวิ๋นจิ้งสงบนิ่งลงทันใด พวกเขาย่อมไม่กลัวผู้อื่นมาตรวจสอบ เนื่องจากไม่รู้ที่อยู่ของท่านพ่อจริงๆ จะกลัวก็แต่คนอื่นจะเข้ามาก่อความวุ่นวายไม่เลิกรา พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่แม้แต่แรงจะมัดไก่ยังไม่มี รับมือกับคนพวกนั้นคงไม่ไหวจริงๆ
“นอกจากเรื่องนี้แล้ว เรื่องที่ท่านอากลับเมืองหลวงแล้วไปที่ใดต่อนั้นก็ยังต้องกลับไปสืบข่าวที่เมืองหลวงถึงจะยืนยันได้”
จริงสินะ มาวันนี้มีเพียงเบาะแส แต่ข้ายังตามหาท่านพ่อไม่พบ ฉู่อวิ๋นจิ้งนึกอยากทดท้อใจ
“ข้าจะจัดการทุกเรื่องให้เรียบร้อย รวมถึงสำนักศึกษาของเย่าเกอเอ๋อร์ หาอาจารย์ให้เหยียนเกอเอ๋อร์ ส่วนพวกเจ้าเพียงแค่เก็บสัมภาระเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงก็พอ”
ฉู่อวิ๋นจิ้งยังไม่ให้คำตอบในตอนนี้ แม้การกลับเมืองหลวงจะเป็นความจำเป็น แต่พอเข้าเมืองหลวงไปแล้วก็อาจต้องเผชิญกับจวนจงอี้ป๋อ นี่ถือเป็นความยุ่งยากอย่างหนึ่ง
“ข้าให้เวลาเจ้าคิดใคร่ครวญสามวัน” เซียวอวี้ไม่กล้าบีบบังคับเร่งรัดเกินไป จะได้เลี่ยงข้อสงสัยว่าตั้งใจมาเพื่อก่อกวนคุกคาม…
ทว่าในความเป็นจริงเขาก็หาใช่ผู้บริสุทธิ์ เป็นเพราะท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องกลับเมืองหลวง จึงได้อ้างเหตุผลว่าสกุลฉู่อยู่ที่นี่ชีวิตจะไม่ปลอดภัยขึ้นมา บีบให้นางต้องกลับเมืองหลวงไปพร้อมกับเขา
ฉู่อวิ๋นจิ้งพยักหน้ารับรู้
เทียบกับเรื่องจะกลับเมืองหลวงหรือไม่นั้น สิ่งที่ฉู่อวิ๋นจิ้งใส่ใจมากยิ่งกว่าก็คือความปลอดภัยของบิดา ไม่ว่าปกปิดดีเพียงไร เรื่องที่บิดาทำนั้นก็มีอันตรายอยู่ดี หากสถานะของบิดาถูกเปิดเผยออกมา เขาย่อมต้องตายสถานเดียว หากกลุ่มคนอีกกลุ่มที่อู่หยางโหวซื่อจื่อเอ่ยถึงค้นพบร่องรอยของบิดาแล้วไล่ตามไป สถานการณ์ของบิดามิใช่ยิ่งเลวร้ายหรือ
“ดึกมากแล้ว ไยเจ้ายังไม่นอนอีก” เหลียนอวี้จูนั่งลงข้างฉู่อวิ๋นจิ้งบนขั้นบันได
ฉู่อวิ๋นจิ้งรีบร้อนเก็บความห่วงพะวงในใจเอาไว้ พยายามคลี่ยิ้มออกมา “ท่านแม่ยังไม่นอนหรือเจ้าคะ”
“หากไม่ได้นั่งพูดคุยกับพ่อเจ้าสักสองสามประโยคก่อนเข้านอน แม่คงนอนไม่หลับ” เหลียนอวี้จูเงยหน้ามองจันทราบนท้องฟ้าวูบหนึ่ง
“ท่านแม่พูดอะไรกับท่านพ่อบ้างเจ้าคะ”
“เขาจากบ้านนานเกินไปแล้ว ให้รีบกลับมาโดยเร็วเถิด”
“ท่านพ่อต้องได้ยินแน่นอนเจ้าค่ะ ท่านพ่อจะต้องกำจัดอุปสรรคมากมายแล้วรีบกลับมาแน่” ฉู่อวิ๋นจิ้งสองจิตสองใจ ควรบอกเบาะแสของท่านพ่อให้ท่านแม่ทราบหรือไม่ บอกไปแล้วท่านแม่จะกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับหรือไม่หนอ
เหลียนอวี้จูพยักหน้า นางเงียบไปครู่หนึ่งแล้วในที่สุดก็ตัดสินใจพูดสิ่งที่ลังเลอยู่นานออกมา “หากเจ้าจะกลับเมืองหลวง พวกเราก็กลับด้วยกันเถิด”
ฉู่อวิ๋นจิ้งมองมารดาอย่างไม่เข้าใจ