“แม่ได้ยินเหยียนเกอเอ๋อร์พูดแล้ว คุณชายลู่ยินดีให้ประโยชน์กับเจ้าสี่ส่วน”
“แม้เงื่อนไขที่คุณชายลู่เสนอมาจะชวนให้หวั่นไหวจริง แต่ท่านแม่ไม่ชอบเมืองหลวงไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“แม่ไม่ชอบเมืองหลวง แต่มีสี่ส่วนจากหอสุราต่อไปเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องลำบากถึงเพียงนี้แล้ว ทั้งข้าได้ยินว่านี่เป็นความตั้งใจของอู่หยางโหวซื่อจื่อด้วย”
ฉู่อวิ๋นจิ้งตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนนางจะทำเป็นเอ่ยด้วยความโมโห “เหยียนเกอเอ๋อร์เริ่มไม่รู้จักธรรมเนียมมากขึ้นทุกทีแล้ว”
“พวกเจ้าจงใจแยกเขาออกไป เขาก็ยิ่งอยากรู้อย่างเห็นมากขึ้นน่ะสิ”
ฉู่อวิ๋นจิ้งยิ้มเฝื่อน “ต่อไปจะดูเบาเขาเกินไปไม่ได้แล้ว”
เหลียนอวี้จูเว้นช่วงเล็กน้อย ก่อนเอ่ยถามด้วยความวาดหวัง “อู่หยางโหวซื่อจื่อยินดีรับการผูกดองของสองสกุลใช่หรือไม่”
“ท่านแม่คิดไปถึงที่ใดแล้วเจ้าคะ ซื่อจื่อเพียงอยากนำหยกมังกรครึ่งซีกที่อยู่กับท่านพ่อกลับไปเท่านั้น” แม้เรื่องจริงเป็นเช่นนี้ ทว่า…ในใจนางก็ยังรู้สึกหวิวๆ อยู่ดี ด้วยไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดจู่ๆ ท่าทีที่เขามีต่อนางถึงแฝงไปด้วยความสนิทชิดเชื้อเช่นนี้ได้
ข้าต้องรู้สึกไปเองแน่นอน เป็นข้าที่คิดมากไปโดยแท้ ข้าจะเกิดความคิดที่ไม่ควรเกิดไม่ได้…ไม่มีทาง ข้าจะไปเกิดความคิดเช่นนี้จากท่าทีคล้ายยั่วยวนไม่ยั่วยวนของเขาได้อย่างไร
“แม่ว่าอู่หยางโหวซื่อจื่อยอดเยี่ยมนัก”
ได้ยินเช่นนี้ฉู่อวิ๋นจิ้งก็ไม่รู้ว่าควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี ท่านแม่ช่างลืมรวดเร็วเสียจริง
“ก่อนหน้านี้ไม่นานท่านแม่ยังเตือนข้าว่าแม้อู่หยางโหวซื่อจื่อโดดเด่นล้ำเลิศ ทว่าพวกเราไม่อาจใฝ่สูงถึงงานแต่งนี้ ไม่ควรมีความคิดพะวงถึงการแต่งงาน”
“ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่หากซื่อจื่อยินดีรับการแต่งงานนี้…”
“ท่านแม่อย่าคิดเลยเถิดเลย ตอนนี้ข้าคิดเพียงจะกลับเมืองหลวงหรือไม่เท่านั้น” ฉู่อวิ๋นจิ้งตัดบทมารดาอย่างเด็ดขาด
“ถ้าเจ้าอยากกลับ พวกเราก็กลับด้วย”
“หากพวกเรากลับเมืองหลวง ช้าเร็วก็ต้องพบกับคนจวนจงอี้ป๋อ” นอกจากฉู่อวิ๋นจิ้งที่เป็นวิญญาณเข้ามาในภายหลังแล้ว ครอบครัวนี้จากบนลงล่างล้วนมีความพรั่นพรึงลึกซึ้งยิ่งกับจวนจงอี้ป๋อ และนี่ก็เป็นเหตุผลที่นางไม่กล้าบุ่มบ่ามตัดสินใจ
เหลียนอวี้จูกัดริมฝีปากล่าง ยังคงว้าวุ่นใจยิ่ง “แม่ไม่รู้ว่าควรรับมือกับคนของจวนจงอี้ป๋ออย่างไรดี”
เห็นอาการของมารดาแล้ว ฉู่อวิ๋นจิ้งก็กลับกลายเป็นผู้นำครอบครัวในทันที ความกล้าหาญเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว “ท่านแม่ไม่ต้องเป็นห่วง พอกลับถึงเมืองหลวงข้าก็จะรับมือกับจวนจงอี้ป๋อเอง” แม้นางไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก แต่ก็ไม่หวาดกลัวความยุ่งยาก
“สุดท้ายพ่อแม่ก็ยังเป็นพ่อแม่ เมื่อหมวกอกตัญญูถูกครอบลงมาเมื่อใด พวกเราก็ล้วนแต่ยืนไม่ไหวเสมอ”
ฉู่อวิ๋นจิ้งชะงักไป นางหลงลืมไปเสียได้ว่าความคิดของคนยุคนี้แตกต่างจากนาง
“หากพ่อเจ้าอยู่ พวกเราก็ไม่ต้องกลุ้มใจแล้ว”
ฉู่อวิ๋นจิ้งไม่เข้าใจ “หากท่านพ่ออยู่ ปัญหาของพวกเราจะไม่เหมือนเดิมหรือเจ้าคะ”
“พ่อเจ้าสามารถผลักไสได้ว่าพ่อสามีเคยพูดว่าหากพ่อเจ้าก้าวเข้าจวนจงอี้ป๋ออีกถือว่าอกตัญญู จวนจงอี้ป๋อก็ไม่สามารถครอบหมวกอกตัญญูบนหัวพวกเราได้แล้ว แต่พ่อสามีมิได้ห้ามแม่กลับจวนจงอี้ป๋อนี่”
“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”
“หากหลีกเลี่ยงจวนจงอี้ป๋อได้ก็คงดี”
แม้การหลีกเลี่ยงจวนจงอี้ป๋อจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ฉู่อวิ๋นจิ้งก็ไม่อยากสาดน้ำเย็นรดมารดา เพียงกล่าวว่า “เรื่องนี้พวกเราค่อยครุ่นคิดให้ดีเถิด”
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 2 ธ.ค. 62