“หลังจากเสร็จเรื่องพวกเจ้าทั้งครอบครัวจะสามารถกลับเมืองหลวงได้อย่างสง่าสมเกียรติ?”
“คาดว่าซื่อจื่อคงรู้แล้วว่าท่านพ่อเป็นลูกอนุภรรยา ทั้งยังถูกท่านปู่ขับไล่ออกจากจวนจงอี้ป๋อ หากอาศัยความสามารถของตนเองชิงตำแหน่งหน้าที่การงานมาสักตำแหน่งหนึ่ง คงมีเพียงต้องเอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายเท่านั้น ทว่า…นี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น”
“เอาตัวเข้าไปเสี่ยงอันตรายอย่างนั้นหรือ” เซียวอวี้ครุ่นคิดพลางพูดงึมงำกับตนเอง
“ข้าไม่เข้าใจเรื่องราวในราชสำนัก จึงไม่รู้ว่าท่านพ่อเลือกเดินเส้นทางใดเพื่อแลกกับอนาคต แต่ข้าคิดว่าหากคิดจะหลุดพ้นจากการข่มเหงของจวนจงอี้ป๋อให้ได้ คงมีเพียงการสร้างคุณงามความดีต่อบ้านเมือง และฝ่าบาทเป็นผู้พระราชทานตำแหน่งให้พ่อข้าด้วยพระองค์เองเท่านั้น”
เซียวอวี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้เจอหญิงสาวเช่นนี้…นางทั้งฉลาดเฉลียว ทั้งสามารถอ่านสถานการณ์ได้ทะลุปรุโปร่ง และนางก็คือภรรยาที่ยังไม่แต่งเข้าสกุลของเขา…ความรู้สึกนี้พาให้เขารู้สึกยินดีปรีดาในใจยิ่งนัก
“ข้าจะขอให้แม่นางฉู่ช่วยสักอย่างได้หรือไม่ ไม่ว่าผู้ใดถามไถ่ ให้พวกท่านบอกว่ารู้เพียงฉู่ซื่อเหยียตามเรือสินค้าออกทะเล”
“ข้าทราบแล้ว หากมีข่าวของพ่อข้า ขอซื่อจื่อโปรดบอกกล่าวข้าด้วยได้หรือไม่”
“แน่นอน ข้าจะต้องตามหาท่านอาให้พบ พวกท่านจะได้อยู่กันพร้อมหน้าทั้งครอบครัว” เซียวอวี้ใช้คำว่า ‘ท่านอา’ แทน ‘ฉู่ซื่อเหยีย’ ด้วยท่าทางที่เป็นธรรมชาติยิ่ง
“ข้าขอขอบคุณซื่อจื่อล่วงหน้า ลำบากซื่อจื่อแล้ว” ฉู่อวิ๋นจิ้งเอ่ยพลางคารวะ
“นี่เป็นเรื่องที่ข้าควรทำ แม่นางฉู่อย่าได้เก็บมาใส่ใจ ขอแค่พวกเราร่วมใจกันจะต้องหาท่านอาพบได้โดยเร็วแน่ หากแม่นางพบสิ่งใดก็ขอมาแจ้งให้ข้าทราบได้ ตอนนี้ข้าพักที่คฤหาสน์ของคุณชายลู่”
ฉู่อวิ๋นจิ้งพยักหน้ารับรู้ ในที่สุดนางก็รู้สึกว่าการตามหาบิดาไม่ได้มีอุปสรรคมากมายอีกต่อไป
เมื่อมีแรงช่วยฉู่อวิ๋นจิ้งก็ฮึกเหิมขึ้นมา นางรู้สึกว่าตนเองควรจะทำอะไรสักหน่อย อย่างเช่นตามหาช่องทางที่ท่านพ่อใช้ฝ่าฟันเพื่อความก้าวหน้า แม้ความเป็นไปได้ที่จะพบเบาะแสนั้นมีอยู่น้อยเต็มที นางยังก็ขนหีบเก็บหนังสือของบิดาออกมา แต่ด้วยจำนวนของหีบหนังสือที่มีมากเกินไป นางจึงได้แต่ขนออกมาทีละหีบอย่างเชื่องช้า จากนั้นก็หยิบหนังสือในหีบออกมาวางตากแดดทีละเล่ม ขณะเดียวกันก็มุ่งค้นหาร่องรอยเล็กๆ น้อยๆ จากของรักของหวงของบิดา
ยามที่มองดูหนังสือในหัวของฉู่อวิ๋นจิ้งก็ปรากฏภาพที่บิดาสอนนางอ่านหนังสือและเขียนอักษรขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว ทุกวันเขาจะต้องใช้เวลาหนึ่งชั่วยามในการศึกษาตำราและภาพวาดในห้องหนังสือ
ไม่ทันไรฉู่อวิ๋นจิ้งก็ค้นพบเรื่องหนึ่งจากหนังสือที่นำมาตากแดด…ท่านพ่อมีหนังสือของแคว้นข้างเคียงมากมายนัก!
“หนังสือของพ่อเจ้ามีแมลงขึ้นหมดแล้ว” เสียงของเหลียนอวี้จูดังขึ้นช้าๆ
ฉู่อวิ๋นจิ้งมองมารดาที่ยืนอยู่ตรงทางเดิน ก่อนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ “ท่านแม่ ในเมื่อท่านพ่ออยากรับราชการ ไยจึงไม่สอบเตี้ยนซื่อต่อเล่าเจ้าคะ” กว่าจะได้เป็นบัณฑิตจิ้นซื่อนั้นไม่ง่ายเลย อีกทั้งท่านพ่อก็เป็นคนทะนงตน เขาย่อมไม่ติดใจกับการเหนื่อยยากต่ออีกสักเล็กน้อย ทางแม่ใหญ่และพี่น้องคนอื่นๆ ก็ไม่มีทางลบฐานะของบัณฑิตจิ้นซื่อที่เขาอาศัยความสามารถของตนสอบได้มาไปได้