เพราะการคาดเดาของฉู่อวิ๋นจิ้ง เซียวอวี้จึงรู้ทิศทางในการตามหาฉู่ซื่อเหยีย แต่ก่อนหน้านั้นฉู่ซื่อเหยียขึ้นเหนือหรือลงใต้ ผลของทิศเหนือและทิศใต้ย่อมต่างกันโดยสิ้นเชิง โชคดีที่ห้าวันให้หลังหลินคุนก็สืบข่าวมาได้ในที่สุด แม้ฉู่ซื่อเหยียมิได้ออกทะเลไปกับเรือสินค้า แต่ก็นั่งเรือโดยสารเข้าเมืองหลวง
“คนผู้นี้พูดจนเหมือนเห็นทั้งภาพและได้ยินเสียงเลยขอรับ ตลอดทางนี้เขาตามติดฉู่ซื่อเหยียทุกฝีก้าว บอกว่าฉู่ซื่อเหยียพาผู้ติดตามมาด้วยคนหนึ่ง และผู้ติดตามคนนี้มีฝีมือยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้เขาจึงเกิดความคิดที่จะเชื่อมสัมพันธ์คบค้ากับฉู่ซื่อเหยีย ฉู่ซื่อเหยียมีความรู้รอบด้าน สนทนากับเขาได้ประโยชน์มากยิ่ง ทำให้เขาผุดความคิดที่จะทำการค้าร่วมกับฉู่ซื่อเหยีย ทว่าพอลงจากเรือที่ทงโจวพริบตาเดียวก็ไม่เห็นเงาร่างของฉู่ซื่อเหยียกับผู้ติดตามคนนั้นแล้วขอรับ”
เซียวอวี้พิจารณาอย่างละเอียด เชื่อว่าคนผู้นี้โดยสารเรือขึ้นเหนือลำเดียวกับฉู่ซื่อเหยียจริง ใคร่ครวญจากเรื่องของฉู่ซื่อเหยียผู้นี้คนที่รู้จักล้วนพูดว่ามีความรู้กว้างขวาง ทว่าที่สำคัญที่สุดคือข้างกายฉู่ซื่อเหยียมียอดฝีมืออยู่คนหนึ่ง ซึ่งเรื่องนี้เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่กลับช่วยให้เรื่องนี้ยิ่งดูเป็นความจริงมากขึ้น
“หากที่เขาพูดเป็นความจริง ฉู่ซื่อเหยียน่าจะกลับเมืองหลวงไปแล้ว” เซียวอวี้เคาะโต๊ะเล็กแผ่วเบาโดยไม่รู้ตัว “ฉู่ซื่อเหยียถูกจวนจงอี้ป๋อขับไล่ออกมา พาลูกเมียมาที่เซียงโจว แต่จู่ๆ ก็ลอบกลับไปเมืองหลวง นี่เป็นเพราะเหตุใดกัน”
“ยามนี้พวกเราไม่อยู่เมืองหลวง ยากจะสืบค้นให้กระจ่างว่าช่วงเวลานั้นเกิดอะไรขึ้นขอรับ” เกาฉีเพียงเอ่ยขึ้นโดยไม่ตั้งใจ แต่กลับเป็นการเตือนให้เซียวอวี้ฉุกคิดถึงเรื่องหนึ่งได้
“เจ้าไปหาอาจวิ้น คิดหาวิธีเอาจดหมายเหตุราชสำนักของสองปีก่อนมา”
เกาฉีไม่เข้าใจ “จดหมายเหตุราชสำนักของสองปีก่อน?”
ไม่ทันไรหลินคุนก็เข้าใจแล้ว “จากจดหมายเหตุราชสำนักของสองปีก่อนจะทำให้มองแผนงานต่างๆ ของราชสำนักในยามนั้นได้ จากในนั้นเราก็อาจวิเคราะห์ได้ว่าเป้าหมายที่ฉู่ซื่อเหยียเข้าเมืองหลวงคืออะไร”
“เทียบกับอ่านจดหมายเหตุราชสำนัก มิสู้ถามฝ่าบาทโดยตรงเสียเลยขอรับ” เกาฉีเอ่ยขึ้นมา
เซียวอวี้ส่ายหน้า “เวลานี้ข้ายังกลับเมืองหลวงไม่ได้ ได้แต่ให้เหยี่ยวส่งข่าวถึงเจียงจิ่นแล้ว ให้เขาไปๆ กลับๆ จะลำบากเกินไป อีกทั้งเรื่องเมื่อสองปีก่อน หากไม่ตรวจอ่านราชโองการหรือจดหมายเหตุราชสำนัก ฝ่าบาทก็ไม่อาจจดจำได้ว่าตอนนั้นเกิดเรื่องอะไร มิสู้พวกเราหาจดหมายเหตุราชสำนักตรงๆ จากที่นี่เลย”
“เจียงจิ่นยังอยู่เมืองหลวง ต้องการให้เขากลับมาอยู่ข้างกายคุณชายหรือไม่ขอรับ”
“อยู่เมืองหลวงต่อไปเถอะ ให้เขาสืบค้นให้ชัดว่าฉู่ซื่อเหยียคบหาอยู่กับผู้ใดบ้าง คนพวกนั้นตอนนี้อยู่ที่เมืองหลวงหรือไม่ หากมีคนไปจากเมืองหลวง ไปเมื่อใด ไปที่ใด…เอาเป็นว่ายิ่งละเอียดเท่าใดยิ่งดี แล้วก็…ทางที่ดีให้เขายืนยันให้ได้ว่าสองปีก่อนเขาแอบกลับเมืองหลวงจริงๆ”
“ทราบแล้วขอรับ” เกาฉีเอ่ยตอบรับ
จู่ๆ หลินคุนก็ฉุกคิดเรื่องหนึ่งได้ เขารีบร้อนเอ่ย “คุณชาย ข้าพบว่ามีคนอื่นกำลังสืบเรื่องของฉู่ซื่อเหยียขอรับ”
เซียวอวี้แววตาขรึมลง “สืบมาได้หรือไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร”
หลินคุนส่ายหน้าอย่างรู้สึกผิด “ฝ่ายตรงข้ามระมัดระวังตัวสูงยิ่ง ข้าเพิ่งสังเกตเห็น เขาก็หนีไปแล้ว”
“หากเป็นเช่นนี้คงไม่ใช่พวกที่ตามหลังข้าช่วงนี้”
“คุณชาย จะใช่คนที่ทางจิ้งอ๋องผู้เฒ่าส่งมาหรือไม่” ไม่ว่าเบื้องหลังของจิ้งอ๋องผู้เฒ่าจะมีบุคคลอื่นอีกหรือไม่ แต่ในสายตาเกาฉีคนที่กลัวว่าตราพยัคฆ์ของจริงจะปรากฏขึ้นก็คือจิ้งอ๋องผู้เฒ่า