เมื่อคิดถึงเรื่องแต่งงานเซียวอวี้ก็เบิกบานใจเป็นที่สุด รอยยิ้มบนใบหน้าปิดไม่มิดแม้แต่น้อย
ฉู่อวิ๋นจิ้งอดขึงตาใส่เขาไม่ได้ บุรุษผู้นี้ไยจึงชอบยิ้มมากขึ้นทุกทีนะ เขาไม่รู้หรือว่าการยิ้มเช่นนี้เป็นการหว่านเสน่ห์ล่อผึ้งภมรมาดอมดมน่ะ ไม่ได้ ข้าจะมัวหลงเสน่ห์เขาไม่ได้ จะหวั่นไหวไปกับเขาได้อย่างไร
“เช่าหนึ่งปีก่อนก็แล้วกัน บางทีอีกไม่นานก็อาจจะตามหาพ่อข้าพบ” จินตนาการแสนเลิศล้ำ ขณะที่ความเป็นจริงกลับแสนรันทดยิ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางไม่มีความรู้สึกอะไรกับรูปโฉมของเขาเลยสักนิด เหตุใดสองสามวันนี้ไม่ว่านางจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่ารอยยิ้มเขาช่างบาดตาด้วยเล่า
“เชื่อในตัวข้า ข้าจะตามหาท่านอาให้พบโดยเร็วที่สุด”
“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว หยกมังกรจะต้องกลับคืนสู่เจ้าของเดิมแน่ ท่านวางใจได้” ฉู่อวิ๋นจิ้งแทบกัดฟันเอ่ยคำพูดประโยคหลังออกมา เขามีความจำเป็นต้องนึกถึงหยกมังกรถึงเพียงนี้เชียวหรือ คิดว่าบ้านสกุลฉู่จะกล้าใช้หยกมังกรบีบให้แต่งงานจริงๆ หรือไร
“หยกมังกรเป็นสมบัติของฝ่าบาท แน่นอนว่าต้องคืนสู่เจ้าของ ทว่าข้าจะใช้ของแทนใจสำหรับสะใภ้อู่หยางโหวแลกเปลี่ยน” เซียวอวี้คิดมาตลอดว่าตนเองตระหนี่คำพูดเกินไป ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะอธิบายสิ่งใดให้ผู้อื่นกระจ่าง ทว่าหลังไปเซียงโจวแล้วเขาก็ประหนึ่งเปลี่ยนไปเป็นคนละคน เขาพูดมากกระทั่งตนเองยังทนมองตรงๆ ไม่ได้ กระนั้นจะให้ทำอย่างไรได้เล่า ใครใช้ให้นางตระหนี่คำพูดยิ่งกว่าเขา หากเขาไม่เข้าใกล้เอง เขาก็อย่าคิดว่าจะได้ยืนข้างนางเลย
“เอ๋?” ฉู่อวิ๋นจิ้งสมองพลันชาหนึบ นี่หมายความว่าอะไร
“จวนอู่หยางโหวของพวกเรารักษาคำพูดมาตลอด”
“ไม่จำเป็น!” เขาคงไม่คิดทำตามสัญญาหมั้นหมายกระมัง
เซียวอวี้มองนางด้วยสีหน้าเคร่งขรึม จากนั้นก็ส่ายหน้า
“นี่หมายความว่าอะไร” ฉู่อวิ๋นจิ้งอยากสะบัดหน้าไม่ไยดีเขาอย่างมาก แต่หากทำเช่นนั้นนางก็รู้สึกเหมือนตนเองเป็นฝ่ายยอมแพ้…ทว่านางไม่ได้แข่งอะไรกับเขาเสียหน่อย ระหว่างเขากับนางจะมีแพ้มีชนะได้อย่างไร
“เจ้าจะให้ผู้อื่นไม่รักษาคำพูดได้อย่างไรกัน นี่มิใช่ใส่ความว่าคนอื่นไร้สัจจะหรอกหรือ” เซียวอวี้เอ่ยตำหนิด้วยมั่นใจในเหตุผลอย่างเต็มปากเต็มคำ
“…”
“ตัวเจ้าเองคิดบิดพลิ้วไม่ทำตาม ยังจะให้ข้าไม่รักษาคำพูดอีก เจ้าว่ามันถูกต้องแล้วหรือ”
“…” ฉู่อวิ๋นจิ้งยังคงไร้คำพูด
เหลียนอวี้จูทนดูต่อไปไม่ได้ นางเดินเข้ามาลากบุตรสาวไปด้านหนึ่ง “แม่รู้ว่าเจ้าชอบต่อปากต่อคำกับซื่อจื่อ แต่เจ้าก็ต้องดูเวลาด้วย เบื้องหน้ายังวุ่นวายสับสน จัดเก็บข้าวของเป็นเรื่องสำคัญกว่า”
“ข้าไหนเลยจะชอบต่อปากต่อคำกับเขากัน เป็นเขาที่มาตอแยข้าก่อนนะเจ้าคะ” ฉู่อวิ๋นจิ้งอยากแสดงตัวว่าตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ ทว่าคำพูดที่เอ่ยออกไปดูไม่เป็นเช่นนั้นเลย
“หากเจ้าไม่มีใจ ซื่อจื่อจะตอแยเจ้าได้หรือ” เหลียนอวี้จูไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย