“ข้านั้นเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยมาก ทางที่ดีที่สุดอย่าคิดเล่นลูกไม้กับข้า เพราะข้าจะเอาคืนกลับมาให้คุ้มทีเดียว”
พักหนึ่งฉู่อวิ๋นจิ้งถึงได้สติในที่สุด นางก้มหน้านับหนึ่งถึงสิบ ก่อนเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เซียวอวี้มิได้หายลับไปกับตา บางที…เมื่อครู่ข้าคงหูแว่วไปเอง
“ข้าคงไม่ต้องพูดซ้ำอีกรอบกระมัง” เซียวอวี้ประหนึ่งมองทะลุความคิดของฉู่อวิ๋นจิ้ง
ก็ได้ ข้าไม่ได้หูแว่ว แต่ที่เขาดูสติเลอะเลือนนั้นอาจเป็นเพราะวันนี้ตอนที่ออกจากบ้านหัวเผลอไปโขกประตูเข้า…เมื่อความคิดนี้ผุดเข้ามาฉู่อวิ๋นจิ้งก็ช้อนตามองไปด้านบนโดยไม่รู้ตัว แล้วหยุดที่ศีรษะเขา ไม่รู้ว่าหัวโนหรือไม่นะ
เซียวอวี้คาดเดาความหมายของแววตานี้ได้ไม่ยาก “สมองข้าปกติดี”
ต่อให้สงสัยว่าเขาปกติจริงหรือไม่ แต่นางก็ไม่อาจต่อล้อต่อเถียงไม่เลิกราอยู่ที่นี่ ยังคงเอ่ยถึงส่วนที่ยากลำบากของนางกับเขาตรงๆ “จวนจงอี้ป๋อส่งคนมารับพวกเรากลับเมืองหลวงสองครั้งแล้ว ครั้งก่อนถึงขนาดใช้ชื่อของท่านปู่ คิดใช้หยกขาวมันแพะก้อนหนึ่งแลกหยกมังกรครึ่งซีกนั้นกลับไป”
เซียวอวี้หรี่ดวงตาลง ที่จวนจงอี้ป๋อกระทำการเช่นนี้เป็นเพราะโดนหลอกใช้ หรือแค่อยากได้ผลประโยชน์จากหยกมังกรกันแน่
“ไม่รู้เพราะเหตุใดจวนจงอี้ป๋อจึงต้องใจในหยกมังกร กระทั่งไม่เสียดายที่จะโป้ปดเพื่อหลอกเอาหยกมังกรไป เมื่อพวกเขาเอาไปไม่ได้ย่อมคิดว่าข้าไม่ยอมส่งมอบของออกมา ไม่เชื่อคำที่ข้าพูดว่าไม่เคยพบมาก่อนแน่ หากพวกเรากลับเมืองหลวง พวกเขาจะจัดการกับพวกเราอย่างไรบ้างก็สุดรู้ พวกเราเกรงจะรับมือด้วยไม่ไหว”
“ไยพวกเจ้าต้องใส่ใจจวนจงอี้ป๋อด้วย ท่านอาถูกพวกเขาขับไล่ออกจากจวนจงอี้ป๋อ บัดนี้อยู่ที่ใดก็ยังไม่รู้ชัด หากจะกลับจวนจงอี้ป๋อก็ต้องรอท่านอากลับมา ไต่ถามท่านอาเสียก่อน นี่จึงจะเป็นความกตัญญูของฝ่ายเจ้า”
ฉู่อวิ๋นจิ้งสองตาเป็นประกาย จริงด้วย! ไฉนข้าจึงคิดไม่ถึงนะ
“ข้าบอกแล้ว ตราบใดที่มีข้าอยู่ ข้าก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมแน่”
ทำอย่างไรดี ข้ารู้สึกว่าตนเองชอบความรู้สึกของการดึงนางมาคุ้มครองใต้ปีกเช่นนี้มากขึ้นทุกที
“…ไม่มีใครทำให้ข้าได้รับความไม่เป็นธรรมหรอก” ฉู่อวิ๋นจิ้งรู้สึกว่าลิ้นของตนเองเกือบจะพันกันอยู่แล้ว
“แน่นอน เพราะมีข้าอยู่ จะมีคนไม่รู้ที่ตายกล้าทำร้ายเจ้ารึ”
ฉู่อวิ๋นจิ้งคร้านจะต่อล้อต่อเถียงไม่เลิกรากับเซียวอวี้อีก นางทิ้งเงินไว้แล้วลุกขึ้นจากไป
เซียวอวี้เห็นเช่นนั้นก็รีบโยนเงินแล้วเดินตามนางไปทันที
ผ่านร้านขายขนมห้าหอมฉู่อวิ๋นจิ้งก็หยุดฝีเท้าโดยไม่รู้ตัว แต่เมื่อเหลือบเห็นคนข้างหลัง นางก็ได้แต่สะกดกลั้นความอยากกินของตนเอง แล้วย่างเท้าไปตามทางที่มุ่งหน้ากลับบ้าน
เซียวอวี้ส่งสายตาให้เกาฉีวูบหนึ่ง แล้วรักษาระยะห่างที่เดินตามหลังนาง ทั้งสองคนมุ่งหน้าเดินกลับบ้านสกุลฉู่ไปเช่นนี้…คนหนึ่งเดินหน้าอีกคนเดินตาม
ฉู่อวิ๋นจิ้งเคาะประตู พอเห็นคนด้านหลังไม่มีทีท่าจะจากไป นางก็อดหมุนตัวไปขึงตาใส่เขาอย่างหงุดหงิดใจไม่ได้ ทว่ายังไม่ทันเอ่ยปากต่อว่าก็มองเห็นเซียวอวี้ยื่นกล่องคุ้นตากล่องหนึ่งให้…นี่เป็นกล่องของขวัญที่ร้านขนมห้าหอมให้ลูกค้าเพื่อมอบเป็นของกำนัลโดยเฉพาะ จึงอดนิ่งงันไม่ได้
“ข้าบอกแล้ว มีข้าอยู่ ไม่ว่าเรื่องใดก็ไม่มีทางให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม แม้ว่าคนผู้นั้นจะเป็นข้าเอง” เซียวอวี้จับมือนางขึ้นมา วางกล่องขนมห้าหอมใส่มือนาง ครั้นนางถือมั่นคงแล้วถึงได้ถอยหลังไปหนึ่งก้าว คารวะแล้วหมุนตัวจากไป
ฉู่อวิ๋นจิ้งรู้สึกว่าหัวใจตนเองถูกหยอกเย้าเบาๆ คราหนึ่ง ตั้งแต่นางกลายเป็นผู้นำของบ้าน ทุ่มเทแบกรับภาระของครอบครัวเอาไว้ นางก็ฝืนบังคับตนเองให้กลายเป็นคนที่แกร่งดุจเหล็ก ไม่มีความรัก โกรธ ชอบ หรือว่าเสียใจ ‘ได้รับความไม่เป็นธรรม’ ได้สูญหายไปจากพจนานุกรมของนาง เพราะทุกเรื่องล้วนไม่เกินความสามารถของนาง ทว่าวันนี้บุรุษผู้นี้กลับบอกว่าจะไม่ให้นางได้รับความไม่เป็นธรรม นั่นมิใช่เพราะมีเรื่องที่นางจัดการไม่ได้ แต่เป็นเพราะเขาไม่ยอมให้ความไม่เป็นธรรมนั้นเกิดขึ้น
“คุณหนูใหญ่” ลุงหลี่เห็นนางยืนที่นอกประตูโดยไม่ขยับเขยื้อนสักทีจึงเอ่ยร้องเรียกนาง
ฉู่อวิ๋นจิ้งพลันหลุดจากภวังค์ นางกระชับวงแขนที่โอบกล่องขนมห้าหอมไว้แน่นขึ้น ก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน