เซียวอวี้หัวเราะด้วยท่าทางเบิกบานยิ่งกว่าเดิม กลายเป็นดึงดูดสายตาคนอื่นเข้ามา จากนั้นก็ตะลึงไปพร้อมกัน เขาเป็นบุรุษรูปงามผู้หนึ่งโดยแท้ ส่วนเขาจะตระหนักถึงเสน่ห์ของรอยยิ้มงามล่มเมืองของตนเองได้หรือไม่นั้นก็สุดรู้ หรือในสายตาเขาจะมีเพียงแค่ฉู่อวิ๋นจิ้งจึงไม่คิดสำรวมท่าทีแม้แต่น้อย ถึงขนาดหัวเราะอย่างเบิกบานใจและเปิดเผยยิ่งขึ้น
“นี่มันน่าขันมากหรือ” ฉู่อวิ๋นจิ้งมองซ้ายมองขวาอย่างเก้อเขิน ยังดีที่ก่อนหน้านี้นางง่วนอยู่ในครัว ภายหลังจึงค่อยมาร่วมด้วย ยามนี้นางจึงเพียงยืนอยู่ในมุมหนึ่ง มิเช่นนั้นนางคงได้กลายเป็นจุดรวมสายตายิ่งกว่านี้แน่
“ไม่ได้น่าขัน แต่ดีใจ”
“ดีใจ?”
“ดีใจที่ข้าเป็นคุณชายรูปงามในสายตาเจ้า”
ตอนนี้ไม่เพียงแค่ใบหูแล้ว ฉู่อวิ๋นจิ้งถึงกับแดงไปทั้งหน้า นางนึกอยากให้มีหลุมบนพื้นเพื่อตนเองจะได้กระโดดลงไป
แต่จู่ๆ เซียวอวี้ก็เงียบไป เขาทอดสายตามองไกลออกไป แน่ใจได้ว่าเขามองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น แต่กำลังจมดิ่งอยู่กับความทรงจำในอดีต “ตอนเด็กข้าชอบยิ้มมาก เห็นคนก็ยิ้ม ไม่ว่าผู้ใดเห็นล้วนพูดว่าไม่เคยเจอเด็กชอบยิ้มถึงเพียงนี้ แม่ข้าดีใจยิ่งนัก จึงมักพาข้าเดินอวดไปทั่ว”
สีหน้าเซียวอวี้ในยามนี้สงบนิ่งมาก กระนั้นฉู่อวิ๋นจิ้งก็ยังสัมผัสได้ว่ามีความเศร้าโศกเบาบางขุมหนึ่ง นางไม่ควรสงสัยใคร่รู้เกินไป ไม่ว่าเขาจะมีเรื่องราวอะไรล้วนไม่เกี่ยวกับนาง ทว่า…โดยไม่รู้ตัวนางก็หลุดปากถามขึ้น “เหตุใดจึงไม่ชอบยิ้มแล้วเล่า”
“วันนั้นข้าเล่นซุกซนด้วยการไปซ่อนอยู่ในถ้ำของภูเขาจำลอง จากนั้นก็ผล็อยหลับไป ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าใดถึงตื่นขึ้น แล้วก็ได้ยินบทสนทนาน่าสนใจช่วงหนึ่ง ความหมายของคนผู้นั้นคือบอกว่าแม่ข้าหน้าไม่อาย เพื่อปอกลอกเงินจากท่านย่า ถึงขั้นให้ข้ายิ้มประจบคนไปทั่วทุกวัน ซ้ำยังไม่กลัวเสื่อมเสียชื่อเสียงของอู่หยางโหว…”
คนตระกูลมั่งคั่งชอบคาดเดาการกระทำของผู้อื่นในแง่ร้ายที่สุดเสมอ…นี่เป็นความคิดแรกที่ลอยขึ้นมาของฉู่อวิ๋นจิ้ง แต่พอขบคิดโดยละเอียด บางทีนี่อาจถูกวางแผนมาโดยตั้งใจ นางจึงพูดไปอย่างเป็นธรรมชาติ “ผู้อื่นอาจพูดขึ้นเพราะความอิจฉา พอรู้ว่าท่านซ่อนอยู่ที่นั่นจึงจงใจพูดให้ท่านฟัง”
“จริงสินะ ตอนนั้นข้าไม่เข้าใจ จึงได้ผลดียิ่ง” เซียวอวี้หัวเราะเยาะหยันตนเอง ก่อนนิ่งไปชั่วขณะ
ฉู่อวิ๋นจิ้งอดไม่ได้ถามขึ้นอย่างอยากรู้ “ตอนนั้นท่านอายุเท่าใด”
“สี่ขวบกระมัง”
ฉู่อวิ๋นจิ้งนิ่งไปชั่วอึดใจหนึ่ง นางพูดด้วยท่าทางคล้ายเสียดาย “หากตอนนั้นท่านไม่เฉลียวฉลาดตั้งแต่เด็ก ขอเพียงฟังไม่เข้าใจ แผนร้ายของฝ่ายตรงข้ามก็ไร้ผลแล้ว ท่านก็ไม่ต้องถูกหลอก”
เซียวอวี้ตกตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะกำหมัดแน่นพลางเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ “จริงด้วย ไยข้าจึงคิดไม่ได้นะ”
“เพราะท่านคุ้นกับการมองเรื่องต่างๆ ในแง่ร้ายก่อน ไม่ใช่แง่ดี”
เซียวอวี้เลิกคิ้วเล็กน้อย “เมื่อเจอเรื่องใดก็ให้พิจารณาสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดไว้ก่อนและเตรียมใจไว้ให้ดี นี่มิใช่เรื่องปกติหรือ”
“ป้องกันไว้ก่อนเป็นสิ่งจำเป็นแน่นอน แต่ที่ข้าพูดมานั้นหมายถึงการตอบสนองแรกยามประสบเรื่องราวต่างๆ นี่ถึงจะเกี่ยวพันกับนิสัยเดิมของคนผู้หนึ่งว่าจะมองโลกแง่ดีหรือแง่ร้าย”
เซียวอวี้ใคร่ครวญครู่หนึ่งก่อนประสานมือเอ่ย “รับคำสอนแล้ว”
ฉู่อวิ๋นจิ้งงงงันไปชั่วขณะ แค่นี้น่ะหรือ