เห็นนางมีท่าทีเหม่อลอย เซียวอวี้ก็ยกมือขึ้นอย่างอดใจไม่ไหว ทว่าพอยื่นไปถึงเบื้องหน้านาง จู่ๆ มือเขาก็หยุดชะงัก หลังจากใคร่ครวญพักหนึ่งสุดท้ายยังคงเอื้อมมือไปจับผมหน้าม้าที่ปรกหน้าผากนางเล่นอย่างซุกซน “น่ารักจริงเชียว”
ฉู่อวิ๋นจิ้งยิ่งงงงัน นี่มันเรื่องอะไรกัน!
“คิดไม่ถึงว่าเจ้าก็มีตอนที่เหลอหลาเหมือนกัน น่ารักจริงๆ”
“ท่านสิเหลอหลาน่ะ” ฉู่อวิ๋นจิ้งตอกกลับอย่างตั้งสติได้ในที่สุด
“ใช่สินะ พอได้พบเจ้า ข้าก็รู้สึกว่าตนเองเหลอหลาอยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน”
ฉู่อวิ๋นจิ้งรู้สึกประหนึ่งโดนสายฟ้าฟาดใส่อีกครั้ง นี่มันสถานการณ์อะไร…ไม่ใช่สิ ควรถามว่าเขาบ้าไปแล้วใช่หรือไม่ ถึงกับหยอกเย้าข้าต่อหน้าธารกำนัล…ธารกำนัล!!!
ร่างกายฉู่อวิ๋นจิ้งพลันแข็งค้าง ดวงตานางกลอกไปทางนี้ทีไปทางนั้นที ในที่สุดก็เข้าใจความรู้สึกอยากเอาหัวโขกกำแพงอย่างมากขึ้นมา
เซียวอวี้อารมณ์ดียิ่งนัก หากรู้แต่แรกว่าทำตามหัวใจแล้วจะเห็นผลดีถึงเพียงนี้ เขาคงไม่สำรวมระแวงระวังกับนางเกินไป เอาแต่กลัวว่านางจะเสียขวัญหนีเตลิดมาตลอด…จริงดังว่า ใส่ใจมากไปอาจพาเสียเรื่อง นางจะหนีข้าพ้นไปได้อย่างไร การแต่งงานของพวกเรามีของแทนใจรับรองเชียวนะ
ในที่สุดครอบครัวสกุลฉู่ก็มาถึงเมืองหลวง เซียวอวี้จัดเตรียมเรือนคั่นสอง หลังหนึ่งไว้ให้พวกเขา…เรือนหน้าประกอบด้วยประตูหน้าและเรือนยาวที่อยู่ติดกับประตู เรือนหลังเป็นส่วนพักอาศัยของสตรี ประกอบขึ้นจากเรือนหลัก เรือนปีกฝั่งตะวันออกและตะวันตก ใจกลางเป็นลานบ้าน เรือนหลักมีสามห้องและห้องข้างสองห้อง เรือนปีกตะวันออกตะวันตกก็มีสามห้องและมีห้องข้างอย่างละห้อง
กล่าวโดยสรุปคือแผนผังเหมือนกับเรือนที่พวกเขาซื้อที่เซียงโจว ต่างกันที่ทิศตะวันออกของที่นี่มีสวนขนาดใหญ่ เห็นชัดว่าเจ้าของบ้านซื้อที่ดินด้านข้างไว้เพื่อขยับขยาย ใช้สำหรับปลูกต้นไม้ดอกไม้ ทั้งยังสร้างห้องครัวเล็กๆ กับห้องใต้ดิน รวมไปถึงอีกสองห้องสำหรับให้คนเฝ้าสวนพัก
สำหรับนางแล้วที่นี่เพียบพร้อมเกินไปแล้วจริงๆ ตรงตามความต้องการของนางอย่างมาก ก่อนเข้าเมืองหลวงนางมีเงื่อนไขพิเศษขอให้ที่พักต้องมีพื้นที่ว่างเพื่อที่นางจะได้ปลูกอะไรได้ง่าย คิดไม่ถึงว่าจะดียิ่งกว่าที่นางวาดหวังไว้เสียอีก
หนึ่งปีที่ผ่านมาเพื่อไม่ให้ที่ดินในบ้านเสียเปล่า นางกับลุงหลี่ใช้เงินขอคำชี้แนะจากชาวสวนที่อยู่ใกล้เคียง เนื่องจากนางมีประสบการณ์ด้านการเพาะปลูกไม่มาก อีกอย่างนางก็ไม่อยากทิ้งที่ไปอย่างเสียเปล่า ภายหน้าหากมีเงินมากขึ้น นางก็ยังคิดซื้อที่ดิน แม้กล่าวกันว่าการทำการค้าเป็นบ่อเกิดของความร่ำรวย แต่ในความคิดของนางมีประโยคนี้อยู่เสมอ…มีที่ดินเท่ากับมีความมั่งคั่ง ได้ครอบครองที่ดินนางถึงจะรู้สึกว่าตนเองเป็นคนร่ำรวย ดังนั้นเมื่อมีกำลังนางก็คิดจะซื้อที่ดินไว้ทำการเพาะปลูกอย่างไม่ต้องสงสัย
“นี่เป็นบ้านเช่า เช่าก่อนหนึ่งปี หนึ่งปีให้หลังค่อยคิดว่าจะเช่าต่อหรือไม่ หรือจะซื้อบ้านสักหลังเลยก็ได้” แท้ที่จริงเขายังมีเรือนคั่นสามอยู่ในนามของเขาอีกแห่งหนึ่ง แต่เกรงว่าจะเกิดคนครหานินทา และหาก ‘บางคน’ รู้เข้าอาจจะโกรธเขาได้ เขาจึงไม่คำนึงถึงขนาดเล็กใหญ่ก่อนชั่วคราว เพียงเช่าเรือนที่มีบรรยากาศสงบเงียบหลังหนึ่ง รอท่านอาฉู่กลับมาค่อยสร้างเรือนคั่นสามสักหลัง จากนั้นพวกเขาก็จะได้แต่งงาน…