บทที่ 140
เพราะเมื่อกลางวันนอนหลับไปตื่นหนึ่ง พอตกดึกทั้งสองจึงไม่ง่วงนอน ทรมานกันไปเช่นนี้จนขอบฟ้ามีแสงเรื่อเรืองสีขาว
ชุยสิงโจวกินอิ่มหนำสำราญ กอดหลิ่วเหมียนถังผู้มีกลิ่นกายหอมกรุ่นนอนหลับไปอย่างพึงพอใจ
หลิ่วเหมียนถังผ่อนลมหายใจน้อยๆ ตัดสินใจเก็บคำพูดก่อนหน้านี้กลับมา
บุรุษที่รูปโฉมดั่งเทพเซียนก็น่ามองมากอยู่แล้ว นี่ยังมีจิตใจรักความก้าวหน้า คอยขยันฝึกฝนความสามารถอยู่เสมอ ทุกวันร่วมหลับนอนถึงขั้นได้รสชาติที่ต่างกันไปออกมา ในเวลาสั้นๆ นางก็ไม่มีทางเบื่อหน่าย…
ทว่าคำพูดเช่นนี้นางไม่มีทางชมท่านอ๋องต่อหน้าหรอก ไม่อย่างนั้นเดิมทีเขาก็เป็นสุนัขป่าหิวโซตัวหนึ่ง หากชมจนกลายเป็นพยัคฆ์ดุร้าย ผู้ใดจะควบคุมอยู่กันเล่า
ตอนที่เหน็ดเหนื่อยจนสะลึมสะลือใกล้หลับ บุรุษที่เดิมทีนึกว่าหลับสนิทไปแล้วกลับถามขึ้นมากะทันหัน “หากมีวันหนึ่งเจ้าจดจำทุกอย่างขึ้นมาได้ จะลืมเพียงข้าไปหรือไม่…”
เขาเอ่ยออกมาเบามาก หากไม่ทันระวังอาจหลงคิดว่าเขาแค่ละเมอ หลิ่วเหมียนถังหันหน้าไปมองอย่างแปลกใจ มองดวงตาที่ยังคงปิดสนิทของเขาก่อนยื่นมือไปลูบเบาๆ ทว่าพบว่าเปลือกตาของเขายังขยับอย่างไม่สบายใจ
ตลอดมาหลิ่วเหมียนถังมักจะรู้สึกกระวนกระวายกลัวความลับของตนเองจะถูกเขารับรู้เข้า ทว่าไม่เคยคิดมาก่อนว่าความจริงภายในใจไหวหยางอ๋องที่ดูสูงส่งก็มีเรื่องที่ทำให้เขาเป็นกังวลอยู่เหมือนกัน
เขา…กลัวว่าข้าจะคิดเรื่องในอดีตออก ถึงได้ไม่เต็มใจให้ข้ายุ่งเกี่ยวกับคนและเรื่องราวในอดีตอีกอย่างนั้นหรือ
คิดมาถึงตรงนี้หัวใจหลิ่วเหมียนถังอ่อนยวบลง รู้สึกผิดจากใจจริงที่ตนเองโมโหเขาขึ้นมา
นางวางปลายคางเกยหัวไหล่เขา เอ่ยเสียงอ่อนโยน “หากข้าลืมไปท่านก็ไม่ต้องร้อนรน บ้านที่พวกเราอยู่บนถนนสายเหนือของตำบลหลิงเฉวียนยังคงอยู่ ถึงเวลานั้นท่านพาข้าไปที่นั่นอีกครั้ง ท่านปลอมเป็นสามีชุยจิ่ว ข้ายังเป็นภรรยาของท่าน พวกเราใช้ชีวิตร่วมกันใหม่อีกครั้งทีละนิดๆ ดีหรือไม่”
ชุยสิงโจวหันหน้ามามองนาง จุมพิตเบาๆ ไปบนมุมปากนาง “คิดจะหลอกให้ข้าไปกินผักดองบนถนนสายเหนือเป็นเพื่อนเจ้าอีกแล้วหรือ”
หลิ่วเหมียนถังหัวเราะคิกคัก เอ่ยกับเขาเสียงเบา “ผู้ใดบอกว่าภายในบ้านหลังนั้นไม่มีอะไรดีกัน! ข้าบอกท่านให้นะ ในห้องรองฝั่งตะวันตกของบ้านบนถนนสายเหนือยังมีกล่องเงินอยู่อีกกล่อง! ตอนที่ข้าไล่ตามท่านไปซีเป่ยก็กลัวว่าจะเกิดอะไรกับตนเองระหว่างทาง อาจพลัดหลงกับท่าน หลังท่านกลับมาจากกองทัพจะไม่มีเงินซื้อข้าวกิน ข้าเลยจงใจเหลือเงินทิ้งไว้หนึ่งกล่อง ทั้งยังทิ้งบทกวีบอกใบ้คำหน้าสุดไว้บนเสาในบ้านเพื่อบอกท่าน วันหน้าหากท่านอ๋องมีช่วงเวลาที่ม้าสูงโกลนเตี้ย ขาดเงินทองในมือ สามารถไปขุดเงินมาใช้ได้…”
ชุยสิงโจวรู้สึกว่าประโยคเช่นนี้ไม่คล้ายประโยคที่ภรรยาแสนดีอวยพรให้สามีเจริญก้าวหน้าแต่อย่างใด เขาอดไม่ได้ที่จะปิดปากซุกซนของภรรยาอย่างนุ่มนวลอ่อนหวาน ลงโทษดีๆ อีกสักรอบ ในเวลานั้นภายในห้องนอนมีเสียงหัวเราะหยอกล้อดังออกมาไม่หยุด
ท่านอ๋องกับพระชายาคืนดีกันดังเดิม บรรดาสาวใช้ในเรือนต่างโล่งอก
ในเมื่อยอมผ่อนปรนให้หลิ่วเหมียนถังรับตัวพวกลูกน้องของภูเขาหยั่งซานกลับมา ชุยสิงโจวย่อมไม่ผิดคำพูด รุ่งเช้าก็ส่งคนไปตามหาพวกลูกน้องที่ถูกส่งตัวไปเหล่านั้น
แต่ว่าตอนส่งออกไปฉับไวรวดเร็ว คราวตามตัวกลับมากลับพบว่าคนเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว องครักษ์ที่ส่งไปล้วนย้อนกลับมามือเปล่า
หลายวันมานี้ชุยสิงโจวงานยุ่ง นึกไม่ถึงว่าพวกโจรเหล่านั้นจะหางานเพิ่มให้อีก! หากตามตัวไม่เจอ มิใช่จะให้หลิ่วเหมียนถังเข้าใจผิดคิดว่าเขาสังหารคนตัดรากถอนโคนไปแล้วหรือ
ดังนั้นไหวหยางอ๋องจึงตำหนิบรรดาองครักษ์อย่างเย็นชาไปหนหนึ่ง ก่อนสั่งให้พวกเขาส่งคนออกไปค้นหามากกว่านี้ จะต้องตามหาตัว ‘จงอี้เหลี่ยงเฉวียน’ ทั้งหมดให้ครบ
เดิมทีหลงคิดว่าหลิ่วเหมียนถังไม่เจอคนจะโกรธเขาอีกครั้ง แต่หลิ่วเหมียนถังได้ยินเขาอธิบายด้วยสีหน้าจริงจังจบก็ก้มหน้าลงไม่พูดอะไร
ชุยสิงโจวไม่มีเวลาไปสนใจเสี่ยวอี้เอ๋อร์ที่พ่นนมออกมาบนบ่าเขา เขาตบหลังอ่อนนุ่มของเสี่ยวอี้เอ๋อร์เบาๆ ก่อนเอ่ยอย่างหนักอึ้ง “เจ้าไม่เชื่อข้า?”
หลิ่วเหมียนถังถึงได้สติกลับมาเอ่ย “มิใช่ ข้ากำลังคิดว่าพวกเขาน่าจะ…กลับไปภูเขาหยั่งซานแล้วกระมัง”
ชุยสิงโจวเลิกคิ้ว ไม่เข้าใจเหตุใดหลิ่วเหมียนถังจึงคาดเดาเช่นนี้