หลิงปู้อี๋หันไปถามเฉิงเซ่าซาง “เจ้าถามความจบแล้ว?”
รอยรังเกียจรังงอนเกลื่อนใบหน้าเฉิงเซ่าซาง “ใต้เท้าซุนผู้นี้ถามอันใดไปก็ไม่รู้สักอย่าง แต่วางท่าเป็นเจ้าหน้าที่กลับไม่เบา”
หลิงปู้อี๋ผงกศีรษะรับ ก่อนสั่งการไปทางด้านนอก “องครักษ์ จับกุมซุนเซิ่ง อาฉี่ เจ้าจงคุมส่งไปด้วยตนเอง”
ลูกพี่ลูกน้องสกุลซุนทั้งสองตื่นตระหนกยิ่ง ซุนเซิ่งผวาจนทึ่มทื่อ ชายารัชทายาทเอ่ยเสียงสั่น “เจ้า…เจ้าจะทำอันใด ต่อให้ญาติผู้พี่ข้าบกพร่องเรื่องกวดขันบ่าวในคฤหาสน์ โทษก็ไม่ถึงขั้นนี้”
หลิงปู้อี๋คร้านจะพูดพร่ำ สืบเท้าขึ้นหน้าไปหิ้วคอเสื้อด้านหลังของซุนเซิ่ง ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมย “บอกให้พระชายารู้ไว้ ดอกกุ้ยม่วงยังนับเป็นเรื่องเล็ก แต่จักจั่นหยกของรัชทายาทชิ้นนั้นเล่า รัชทายาทมิได้พบปะชวีหลิงจวินมาเนิ่นนาน ก่อนที่จะเดินไปพบนางจึงจัดแต่งอาภรณ์ด้วยตนเองอีกครั้ง ตอนนั้นรัชทายาทจำได้ชัดแจ้งว่าจักจั่นหยกยังห้อยอยู่ที่ข้างเอวเป็นปกติดี”
“นั่นอาจหล่นหายระหว่างทางขากลับ ยามขี่ม้า เครื่องประดับก็กระเทือนหล่นได้ง่ายอยู่แล้ว!” ชายารัชทายาทยังคงพูดอย่างดิ้นรน
หลิงปู้อี๋เหลือบมองซุนเซิ่งที่ออกอาการร้อนตัว ก่อนเอ่ยปนยิ้มหยัน “ภายหลังพบชวีหลิงจวิน รัชทายาทอารมณ์ไม่มั่นคง นั่งเหม่ออยู่ในคฤหาสน์เป็นนาน สุดท้ายสละม้า นั่งรถม้ากลับตำหนักบูรพา คฤหาสน์…รถม้า…ทางเดินในวัง…ตำหนักบูรพา จักจั่นหยกมีความเป็นไปได้ว่าจะหล่นหายในสี่พื้นที่นี้เท่านั้น พระชายา ท่านว่าจักจั่นหยกนี้จะหล่นหายที่ใดได้”
“หากมีคนจงใจจะให้ร้ายรัชทายาท ย่อมต้องวางแผนมาล่วงหน้า รถม้ากับทางเดินในวังล้วนไม่อยู่ในการคาดการณ์ ส่วนตำหนักบูรพา…หลังจากเรื่องตราประทับคราวก่อน คาดว่าคงลงมือไม่ง่ายดายเยี่ยงนั้นแล้ว…เช่นนี้ก็ต้องเป็นที่คฤหาสน์น่ะสิ!” เฉิงเซ่าซางเอียงศีรษะ
สีหน้าซุนเซิ่งเผือดขาว ร้องขอให้ละเว้นเสียงดัง “รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ มิใช่กระหม่อมนะ มิใช่กระหม่อมจริงๆ ต้องมีคนลอบปะปนเข้าคฤหาสน์แน่! พระชายา ท่านช่วยพี่ชายคนนี้อ้อนวอนรัชทายาทที…”
“ที่แท้เป็นเรื่องราวใด ถามดูก็จะได้รู้กัน” หลิงปู้อี๋ไม่พูดมากอีก หิ้วซุนเซิ่งขึ้นแล้วโยนออกนอกทางระเบียงไปในคราวเดียว
เหลียงชิวฉี่นำองครักษ์มาคอยอยู่ด้านนอกแต่แรก จึงจับตัวอีกฝ่ายมัดแน่นอย่างแสนช่ำชอง ทั้งแวะยัดเศษผ้าใส่ปากซุนเซิ่งหนึ่งก้อน
ชายารัชทายาทอยู่ในโถงเห็นภาพฉากนี้ก็หวั่นหวาดจนสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง คุกเข่าเบื้องหน้ารัชทายาทแล้วโขกศีรษะติดๆ กัน จวบจนหน้าผากเป็นสีแดงเลือดค่อยร่ำไห้กล่าว “หม่อมฉันขอคำนับวิงวอนให้ทรงวินิจฉัย จริงอยู่หม่อมฉันโง่เขลาไม่รู้ความ คิดอ่านตื้นเขินช่างริษยา ทว่าหัวใจที่หม่อมฉันมีให้พระองค์ประกาศต่อฟ้าได้ แล้วญาติผู้พี่ของหม่อมฉันจะมีจิตคิดคดให้ร้ายพระองค์ได้อย่างไรกัน! ในเรื่องนี้จะต้องมีเบื้องหลังซ่อนแฝง ขอทรงได้โปรดสืบความให้กระจ่างก่อนเพคะ!”
รัชทายาทดูเหมือนมิอาจหักใจ กระนั้นยังคงตอบเสียงแข็ง “หากเรื่องไม่เกี่ยวกับซุนเซิ่งจริง เขาย่อมกลับมาอย่างครบสมบูรณ์ได้แน่ จื่อเซิ่งจะไม่จงใจหาความเขาหรอก”
เฉิงเซ่าซางค้นพบว่าในสายตาที่หลิงปู้อี๋มองไปทางรัชทายาทมีความปรารถนาดีปนรอยยิ้มเยาะบางๆ คล้ายกำลังจนใจว่าไฉนรัชทายาทจึงใจอ่อนง่ายเพียงนี้ แค่โขกศีรษะไม่กี่ทีกับหลั่งน้ำตาไม่กี่หยดเท่านั้นเอง
รัชทายาทผลักชายาของตนออกห่างเบาๆ ก่อนหันหน้ามากล่าว “เพราะความสะเพร่าของข้า เลยเพาะออกมาเป็นภัยใหญ่ ต้องขอรบกวนแล้ว”
เฉิงเซ่าซางพลันรู้สึกว่ามีภารกิจสำคัญอยู่บนบ่า จึงให้คำมั่นอันจริงจัง “วางพระทัยได้เพคะ หม่อมฉันจะทุ่มเทสุดกำลัง คืนความบริสุทธิ์ให้พระองค์อย่างแน่นอน!”
รัชทายาทชะงักวูบหนึ่ง ก่อนผลิยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่ “ดีๆ ข้าเชื่อเจ้า…”
เฉิงเซ่าซางจับสังเกตได้ว่าสีหน้ารัชทายาทผิดปกติ ครั้นเหลียวไปมองหลิงปู้อี๋ที่อยู่ด้านหลังตนเอง นางก็พลันเข้าใจกระจ่างแจ้ง “รัชทายาท! ถ้อยคำเมื่อครู่ทรงพูดกับใต้เท้าหลิงสินะ!” เป็นนางทึกทักไปเองฝ่ายเดียว น่าขายหน้าเสียจริง
รัชทายาทไม่อาจหักใจตอบไปตามตรง จึงหันแผ่นหลังให้ พร้อมกับสองไหล่ที่สั่นไหวเบาๆ
เดิมหลิงปู้อี๋กำลังก้มหน้ากลั้นหัวเราะ ยามเงยหน้าจึงดูราวบุปผาบนภูเขาที่เปี่ยมสีสันสดใส ดุจทิวทัศน์ธรรมชาติอันงามกระจ่างตา เขาจับจูงเด็กสาวที่กำลังทำปากยู่ กล่าวอำลารัชทายาทพร้อมกัน จากนั้นถามนางขณะก้าวไปบนทางเดินในวัง “พวกเราไปสืบดูที่ใดกันก่อนดี”
เฉิงเซ่าซางทำปากแบนแล้วพูดพึมพำ “ถามข้าทำอันใด ท่านต่างหากเป็นผู้ที่รัชทายาทเชื่อถือให้ความสำคัญ ข้าน่ะเป็นแค่ตัวพ่วง”
ในดวงตาหลิงปู้อี๋เอ่อท้นด้วยรอยยิ้ม ทว่าสีหน้ากลับทำเป็นขึงขัง “ไม่ว่าผู้อื่นจะเชื่อถือหรือไม่เชื่อถือเจ้า จะมีหรือไม่มีคนมองเห็น เจ้าก็ควรทำทุกเรื่องอย่างจริงจังจึงจะเป็นวิถีอันถูกต้องของคนเรา”
เฉิงเซ่าซางผงกศีรษะช้าๆ คลี่รอยยิ้มน้อยๆ “เอาเถิด ถึงข้าจะรู้ว่าท่านกำลังกล่อมข้า แต่ที่ท่านพูดมาถูกต้องยิ่ง การประพฤติปฏิบัติตัวสมควรเป็นเช่นนี้จริงๆ”
“ไม่เคืองแล้ว? เช่นนั้นพวกเราจะไปที่ใดกันก่อน”
“ไม่มีก่อนหลัง ข้าอยากไปแค่จวนสกุลเหลียง หมื่นเปลี่ยนล้วนไม่พ้นต้นทาง ห่วงโซ่สำคัญอยู่ที่นั่นเท่านั้น!”
“ดียิ่ง ข้าเองก็คิดเช่นเดียวกัน”