“จริงอยู่ที่ฮูหยินจะชี้แจงเช่นนี้ก็ได้ ทว่าตามคำกล่าวของใต้เท้าจี้ อ้อ ไม่สิ ไม่เฉพาะแค่ใต้เท้าจี้…ผู้อื่นก็ล้วนกล่าวว่า…เป็นท่านลากศพของคุณชายเหลียงออกจากหีบไปจัดวางพิงผนัง จากนั้นย้ายหนังสือไม้ไผ่ในเรือนตำรามาใส่เข้าหีบสองสามม้วนพอเป็นพิธี” แม้ในเรือนตำราของเหลียงซั่งมีหนังสือไม้ไผ่อยู่ไม่เท่าไร ทว่าก็มากพอจะเติมเต็มหีบตำราใบหนึ่งได้
โย่วถงสาวใช้คนสนิทแก้ต่างอย่างรุ่มร้อน “ตอนคุณหนูข้าเปิดหีบที่ริมทะเลสาบ บ่าวชายสองคนล้วนเห็น ในหีบไม่มีคนจริงๆ เจ้าค่ะ”
เฉิงเซ่าซางถอนใจเอ่ยท้วง “บ่าวชายสองคนนั้นฮูหยินพามาจากสกุลชวีกระมัง ถึงกับช่วยฮูหยินหาบศพแล้ว นับประสาอะไรกับแค่ช่วยปกปิด เจ้าพูดออกไป ผู้อื่นก็ไม่เชื่อหรอก”
โย่วถงอึ้งงันไปชั่วครู่ ก่อนโถมตัวลงกับพื้น ร่ำไห้อย่างหนัก “วันนั้นบ่าวก็บอกแล้ว ให้บ่าวเป็นคนรับข้อหาฆ่าคนตายนี้เสีย แต่คุณหนูกลับไม่ยินยอม!”
ชวีหลิงจวินลูบเรือนผมของสาวใช้คนสนิทพลางถอนใจกล่าว “โย่วถงเด็กโง่ เจ้าโตมากับข้าแต่เล็ก เจ้าฆ่าคนกับข้าฆ่าคนมีอันใดต่างกันเล่า อย่างไรข้าก็ต้องลงเอยด้วยข้อหาบงการสาวใช้ไปสังหารสามีอยู่ดี หนำซ้ำยังจะดึงเจ้าพ่วงเข้ามาอีกคน”
โย่วถงร่ำไห้อย่างปวดร้าวไม่คลาย
เฉิงเซ่าซางกล่าว “ผู้เยาว์จะขอดูเสื้อคลุมขนสัตว์ที่โย่วถงสวมวันนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ ดีที่สุดคือแม้แต่เสื้อผ้าที่นางสวมวันนั้นก็จะขอดูด้วยสักหน่อย”
ชวีหลิงจวินตอบรับ แล้วให้โย่วถงที่ยังสะอึกสะอื้นพาเฉิงเซ่าซางไปด้านหลัง
ห้องของโย่วถงมิได้อยู่รวมกับสาวใช้อื่น หากแต่นอนในห้องที่กั้นขึ้นด้านหลังห้องนอนของผู้เป็นคุณหนูเพื่อจะได้อยู่ดูแลใกล้ๆ
ตอนที่เฉิงเซ่าซางคอยในห้องนอนของชวีหลิงจวิน เหลียวซ้ายแลขวาแล้วเห็นสิ่งที่คุ้นตายิ่งชิ้นหนึ่ง ทำให้ใจนางกระตุกวูบอย่างห้ามไม่อยู่
ไม่ช้าโย่วถงก็ประคองเสื้อคลุมขนสัตว์ของชวีหลิงจวินกับเสื้อผ้าที่ตนสวมในวันนั้นออกมา เฉิงเซ่าซางพลิกดูอย่างละเอียดลออรอบหนึ่ง พบว่าไม่มีรอยเลือดกับจุดที่น่าสงสัยสักนิดจริงๆ จึงยุติเพียงเท่านี้
ถัดจากนั้นเฉิงเซ่าซางตั้งใจจะไปดูในเรือนตำราที่เกิดเหตุสักหน่อย ใครจะรู้หยวนเซิ่นซึ่งยืนอยู่ใต้ทางระเบียงได้ยินเข้า ถึงกับยิ้มละไมติดตามมา
“มารดาท่านเคร่งขรึมเพียงนั้น ไฉนท่านจึงชอบยิ้มเยี่ยงนี้ได้” เฉิงเซ่าซางเอ่ย
หยวนเซิ่นยังคงคลี่ยิ้มน้อยๆ “ก็คนครอบครัวเดียวกันนี่ เก็บจุดเด่นเสริมจุดด้อยอย่างไรเล่า ท่านแม่ไม่ชอบยิ้ม ไม่ชอบพูด ข้าจึงยิ้มให้มาก พูดให้มาก”
“แล้วท่านตามข้ามาทำอันใด”
“อย่างไรเราสองก็มีความเกี่ยวพันกันอยู่บ้าง ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าจะได้ไม่หวาดกลัว”
“หวาดกลัว?! เมื่อแรกศพที่ข้าเห็นนอกอำเภอหวาแค่นับร้อยเสียเมื่อไร! ฮ่าๆ หวาดกลัว? ข้าเขียนอักษรสองตัวนี้ไม่เป็นหรอก!”
หยวนเซิ่นชะงักฝีเท้า ยื่นมือหักกิ่งไม้กิ่งหนึ่งมาชูตรงหน้าเฉิงเซ่าซาง “เจ้าเขียนอักษรสองตัวนี้มาดูที ใช้รูปแบบอักษรบนหนังสือพิธีการนะ ห้ามใช้รูปแบบอักษรที่เจ้าหน้าที่ขุนนางชั้นผู้น้อยมักใช้”
เฉิงเซ่าซางถลึงตาจ้องเขาอยู่เป็นนาน สุดท้ายตนเองกลับหัวเราะออกมาก่อน “ข้าน่ะเขียนไม่เป็นจริงๆ!” ด้านการเรียนของนางฮองเฮาไม่เคยตั้งเกณฑ์บังคับ ยึดว่าเข้าใจในเหตุผลคือหลักสำคัญอันดับหนึ่ง
ดวงหน้าแต้มยิ้มของเด็กสาวปานบุปผา เปิดเผยเปี่ยมชีวิตชีวา แม้ยามนี้เป็นฤดูเหมันต์ ในช่องอกของหยวนเซิ่นกลับคล้ายพกพาเตาอุ่นเล็กๆ หนึ่งใบ
เหลียงชิวเฟยที่ติดตามอยู่ด้านหลังคนทั้งสองฟังแล้วเหลือกตาไม่หยุด เป็นเดือดเป็นแค้นยิ่งกว่าตนเองถูกสวมหมวกเขียวเสียอีก ทว่าหยวนเซิ่นมีฐานะสูงส่ง คารมคมคาย ชั่วขณะหนุ่มน้อยจึงคิดไม่ออกว่าควรพูดอันใดไปคุกคามให้อีกฝ่ายล่าถอยดี
“ท่านกวนให้ผู้อื่นชังน้ำหน้าเช่นเคย ชอบขุดคุ้ยจุดอ่อนของผู้อื่นอยู่เรื่อย!” เฉิงเซ่าซางเท้าสะเอวขึงตา แต่กลับอยากยิ้มอย่างอดไม่ได้
หยวนเซิ่นคล้ายถูกด่าทอจนปลอดโปร่งไปทั้งตัว จึงหัวเราะร่วนเสียงกังวาน
“อย่าหัวเราะสิ อย่าหัวเราะ ตอนนี้คนสกุลเหลียงกำลังมีเรื่องถึงชีวิตคนเชียวนะ! ท่านหัวเราะเยี่ยงนี้หาเรื่องถูกฟาดหรือไร! เลิกหัวเราะได้แล้ว ต่อให้ท่านเป็นบุตรชายของเหลียงฮูหยินก็เถอะ ระวังจะถูกผู้อื่นแอบตีหัวเข้าให้!” เฉิงเซ่าซางเหลียวมองรอบด้านอย่างเคร่งเครียด
หยวนเซิ่นค่อยๆ เก็บเสียงหัวเราะแล้วค้อมคำนับต่ำๆ “เซ่าซางจวิน ข้าน้อยขออภัย ณ ตรงนี้” เขายืดกายขึ้น ส่งยิ้มมองเด็กสาว “ข้ารู้ว่าเซ่าซางจวินหาญกล้าเด็ดเดี่ยวเหนือใคร เมื่อครู่เป็นข้าน้อยพูดสามหาวเอง”
เฉิงเซ่าซางเห็นเขาพูดจาจริงใจ จึงคลี่ยิ้มตอบ “เรื่องเล็กเท่านี้ให้แล้วกันไปเถิด ข้าไม่เก็บมาใส่ใจหรอก ความจริงข้ารู้ความคิดของท่าน ท่านเองก็อยากแบ่งเบาความกังวลให้มารดากับผู้ว่าการเหลียง เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกัน”
เหลียงชิวเฟยเห็นทุกสิ่งนี้คาตา รู้สึกแต่ว่าเลือดลมตีกลับ สุดจะทานทนได้ต่อไป เขาจึงกระซิบสั่งการองครักษ์ด้านหลังตนสองประโยค องครักษ์ผู้นั้นมองคนเบื้องหน้าที่มีรูปโฉมและวัยสมกันคู่นั้นเพียงแวบเดียวก็เข้าใจได้แทบจะในเสี้ยวอึดใจ รีบรับคำสั่งจากไปอย่างรวดเร็ว