ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 108 – หน้า 5 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 108

“จริงอยู่ที่ฮูหยินจะชี้แจงเช่นนี้ก็ได้ ทว่าตามคำกล่าวของใต้เท้าจี้ อ้อ ไม่สิ ไม่เฉพาะแค่ใต้เท้าจี้…ผู้อื่นก็ล้วนกล่าวว่า…เป็นท่านลากศพของคุณชายเหลียงออกจากหีบไปจัดวางพิงผนัง จากนั้นย้ายหนังสือไม้ไผ่ในเรือนตำรามาใส่เข้าหีบสองสามม้วนพอเป็นพิธี” แม้ในเรือนตำราของเหลียงซั่งมีหนังสือไม้ไผ่อยู่ไม่เท่าไร ทว่าก็มากพอจะเติมเต็มหีบตำราใบหนึ่งได้

โย่วถงสาวใช้คนสนิทแก้ต่างอย่างรุ่มร้อน “ตอนคุณหนูข้าเปิดหีบที่ริมทะเลสาบ บ่าวชายสองคนล้วนเห็น ในหีบไม่มีคนจริงๆ เจ้าค่ะ”

เฉิงเซ่าซางถอนใจเอ่ยท้วง “บ่าวชายสองคนนั้นฮูหยินพามาจากสกุลชวีกระมัง ถึงกับช่วยฮูหยินหาบศพแล้ว นับประสาอะไรกับแค่ช่วยปกปิด เจ้าพูดออกไป ผู้อื่นก็ไม่เชื่อหรอก”

โย่วถงอึ้งงันไปชั่วครู่ ก่อนโถมตัวลงกับพื้น ร่ำไห้อย่างหนัก “วันนั้นบ่าวก็บอกแล้ว ให้บ่าวเป็นคนรับข้อหาฆ่าคนตายนี้เสีย แต่คุณหนูกลับไม่ยินยอม!”

ชวีหลิงจวินลูบเรือนผมของสาวใช้คนสนิทพลางถอนใจกล่าว “โย่วถงเด็กโง่ เจ้าโตมากับข้าแต่เล็ก เจ้าฆ่าคนกับข้าฆ่าคนมีอันใดต่างกันเล่า อย่างไรข้าก็ต้องลงเอยด้วยข้อหาบงการสาวใช้ไปสังหารสามีอยู่ดี หนำซ้ำยังจะดึงเจ้าพ่วงเข้ามาอีกคน”

โย่วถงร่ำไห้อย่างปวดร้าวไม่คลาย

เฉิงเซ่าซางกล่าว “ผู้เยาว์จะขอดูเสื้อคลุมขนสัตว์ที่โย่วถงสวมวันนั้นได้หรือไม่เจ้าคะ ดีที่สุดคือแม้แต่เสื้อผ้าที่นางสวมวันนั้นก็จะขอดูด้วยสักหน่อย”

ชวีหลิงจวินตอบรับ แล้วให้โย่วถงที่ยังสะอึกสะอื้นพาเฉิงเซ่าซางไปด้านหลัง

ห้องของโย่วถงมิได้อยู่รวมกับสาวใช้อื่น หากแต่นอนในห้องที่กั้นขึ้นด้านหลังห้องนอนของผู้เป็นคุณหนูเพื่อจะได้อยู่ดูแลใกล้ๆ

ตอนที่เฉิงเซ่าซางคอยในห้องนอนของชวีหลิงจวิน เหลียวซ้ายแลขวาแล้วเห็นสิ่งที่คุ้นตายิ่งชิ้นหนึ่ง ทำให้ใจนางกระตุกวูบอย่างห้ามไม่อยู่

ไม่ช้าโย่วถงก็ประคองเสื้อคลุมขนสัตว์ของชวีหลิงจวินกับเสื้อผ้าที่ตนสวมในวันนั้นออกมา เฉิงเซ่าซางพลิกดูอย่างละเอียดลออรอบหนึ่ง พบว่าไม่มีรอยเลือดกับจุดที่น่าสงสัยสักนิดจริงๆ จึงยุติเพียงเท่านี้

ถัดจากนั้นเฉิงเซ่าซางตั้งใจจะไปดูในเรือนตำราที่เกิดเหตุสักหน่อย ใครจะรู้หยวนเซิ่นซึ่งยืนอยู่ใต้ทางระเบียงได้ยินเข้า ถึงกับยิ้มละไมติดตามมา

“มารดาท่านเคร่งขรึมเพียงนั้น ไฉนท่านจึงชอบยิ้มเยี่ยงนี้ได้” เฉิงเซ่าซางเอ่ย

หยวนเซิ่นยังคงคลี่ยิ้มน้อยๆ “ก็คนครอบครัวเดียวกันนี่ เก็บจุดเด่นเสริมจุดด้อยอย่างไรเล่า ท่านแม่ไม่ชอบยิ้ม ไม่ชอบพูด ข้าจึงยิ้มให้มาก พูดให้มาก”

“แล้วท่านตามข้ามาทำอันใด”

“อย่างไรเราสองก็มีความเกี่ยวพันกันอยู่บ้าง ข้าไปเป็นเพื่อนเจ้า เจ้าจะได้ไม่หวาดกลัว”

“หวาดกลัว?! เมื่อแรกศพที่ข้าเห็นนอกอำเภอหวาแค่นับร้อยเสียเมื่อไร! ฮ่าๆ หวาดกลัว? ข้าเขียนอักษรสองตัวนี้ไม่เป็นหรอก!”

หยวนเซิ่นชะงักฝีเท้า ยื่นมือหักกิ่งไม้กิ่งหนึ่งมาชูตรงหน้าเฉิงเซ่าซาง “เจ้าเขียนอักษรสองตัวนี้มาดูที ใช้รูปแบบอักษรบนหนังสือพิธีการนะ ห้ามใช้รูปแบบอักษรที่เจ้าหน้าที่ขุนนางชั้นผู้น้อยมักใช้”

เฉิงเซ่าซางถลึงตาจ้องเขาอยู่เป็นนาน สุดท้ายตนเองกลับหัวเราะออกมาก่อน “ข้าน่ะเขียนไม่เป็นจริงๆ!” ด้านการเรียนของนางฮองเฮาไม่เคยตั้งเกณฑ์บังคับ ยึดว่าเข้าใจในเหตุผลคือหลักสำคัญอันดับหนึ่ง

ดวงหน้าแต้มยิ้มของเด็กสาวปานบุปผา เปิดเผยเปี่ยมชีวิตชีวา แม้ยามนี้เป็นฤดูเหมันต์ ในช่องอกของหยวนเซิ่นกลับคล้ายพกพาเตาอุ่นเล็กๆ หนึ่งใบ

เหลียงชิวเฟยที่ติดตามอยู่ด้านหลังคนทั้งสองฟังแล้วเหลือกตาไม่หยุด เป็นเดือดเป็นแค้นยิ่งกว่าตนเองถูกสวมหมวกเขียวเสียอีก ทว่าหยวนเซิ่นมีฐานะสูงส่ง คารมคมคาย ชั่วขณะหนุ่มน้อยจึงคิดไม่ออกว่าควรพูดอันใดไปคุกคามให้อีกฝ่ายล่าถอยดี

“ท่านกวนให้ผู้อื่นชังน้ำหน้าเช่นเคย ชอบขุดคุ้ยจุดอ่อนของผู้อื่นอยู่เรื่อย!” เฉิงเซ่าซางเท้าสะเอวขึงตา แต่กลับอยากยิ้มอย่างอดไม่ได้

หยวนเซิ่นคล้ายถูกด่าทอจนปลอดโปร่งไปทั้งตัว จึงหัวเราะร่วนเสียงกังวาน

“อย่าหัวเราะสิ อย่าหัวเราะ ตอนนี้คนสกุลเหลียงกำลังมีเรื่องถึงชีวิตคนเชียวนะ! ท่านหัวเราะเยี่ยงนี้หาเรื่องถูกฟาดหรือไร! เลิกหัวเราะได้แล้ว ต่อให้ท่านเป็นบุตรชายของเหลียงฮูหยินก็เถอะ ระวังจะถูกผู้อื่นแอบตีหัวเข้าให้!” เฉิงเซ่าซางเหลียวมองรอบด้านอย่างเคร่งเครียด

หยวนเซิ่นค่อยๆ เก็บเสียงหัวเราะแล้วค้อมคำนับต่ำๆ “เซ่าซางจวิน ข้าน้อยขออภัย ณ ตรงนี้” เขายืดกายขึ้น ส่งยิ้มมองเด็กสาว “ข้ารู้ว่าเซ่าซางจวินหาญกล้าเด็ดเดี่ยวเหนือใคร เมื่อครู่เป็นข้าน้อยพูดสามหาวเอง”

เฉิงเซ่าซางเห็นเขาพูดจาจริงใจ จึงคลี่ยิ้มตอบ “เรื่องเล็กเท่านี้ให้แล้วกันไปเถิด ข้าไม่เก็บมาใส่ใจหรอก ความจริงข้ารู้ความคิดของท่าน ท่านเองก็อยากแบ่งเบาความกังวลให้มารดากับผู้ว่าการเหลียง เช่นนั้นพวกเราก็ไปด้วยกัน”

เหลียงชิวเฟยเห็นทุกสิ่งนี้คาตา รู้สึกแต่ว่าเลือดลมตีกลับ สุดจะทานทนได้ต่อไป เขาจึงกระซิบสั่งการองครักษ์ด้านหลังตนสองประโยค องครักษ์ผู้นั้นมองคนเบื้องหน้าที่มีรูปโฉมและวัยสมกันคู่นั้นเพียงแวบเดียวก็เข้าใจได้แทบจะในเสี้ยวอึดใจ รีบรับคำสั่งจากไปอย่างรวดเร็ว

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com