ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 109 – หน้า 4 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 109

“อันที่จริงข้าไม่เคยอยากรู้ว่าเหลียงซั่งตายอย่างไร เพราะว่ากันถึงที่สุด ผู้ที่จะวางแหฟ้าตาข่ายดิน รวบการเดินทางของชวีหลิงจวินเข้าในแผนการด้วยเช่นนี้ได้ หากมิใช่คนสกุลเหลียงเองย่อมไม่อาจทำสำเร็จ ยิ่งไม่ใช่คนผู้เดียวจะทำได้ลุล่วง” หลิงปู้อี๋กล่าว

เหลียงอู๋จี้หน้าดำทะมึน ไม่เปล่งเสียงสักคำ

“บัดนี้เรื่องยังไม่ลุกลาม กรมอาญายังพอจะไว้หน้าสกุลเหลียงได้บ้าง ทว่ารอจนยามที่โอรสสวรรค์พิโรธ มีรับสั่งจับกุมบ่าวทุกระดับชั้นในสกุลเหลียงไปเค้นสอบอย่างละเอียดหนึ่งรอบ มีหรือยังจะสืบไม่ทราบ”

เหลียงอู๋จี้ถอนหายใจกล่าว “ข้ารู้ เปรียบกับให้คนของกรมอาญามาไต่สวน มิสู้ข้าเป็นผู้ซักถามเอง เพียงแต่…ระดมคนเริ่มสืบสวนเมื่อใด เกียรติภูมิของสกุลเหลียง…”

“หรือว่าตอนนี้เกียรติภูมิของสกุลเหลียงดีนัก?” หลิงปู้อี๋ถากถาง “ระดมคนในบ้านตนเอง ย่อมดีกว่าให้กรมอาญาระดมใช้ทัณฑ์ลงโทษกระมัง ใต้เท้าผู้ว่าการ ผู้แซ่หลิงขอกล่าวเพียงเท่านี้ สรุปคือภายในวันนี้หากท่านไม่อาจมอบคำตอบแก่ข้า เช้าวันพรุ่งนี้ผู้ใต้บังคับบัญชาของใต้เท้าจี้ก็จะมาถึงที่นี่เพื่อจับกุมคน”

เหลียงอู๋จี้โกรธกรุ่น “ภายในวันนี้? เจ้าใจร้อนเกินไปแล้ว…”

“เรื่องราวยิ่งลากยาว รัชทายาทก็ยิ่งได้รับผลเสีย! รอถึงสิบวันครึ่งเดือน ทุกผู้คนทั่วเมืองหลวงเชื่อถือคำลือเกี่ยวกับรัชทายาทจนสิ้น ถึงตอนนั้นใต้เท้าผู้ว่าการสืบจนความจริงปรากฏก็ป่วยการแล้ว!”

เหลียงอู๋จี้ถูกต้อนจนมุม เขาตบโต๊ะแรงๆ หนึ่งหนก่อนตอบรับเสียงก้อง “ได้ ข้าจะจับกุมผู้ต้องสงสัยทั้งหมดมาสอบสวน ให้คำตอบแก่จื่อเซิ่งก่อนตะวันตกดิน!”

“ใต้เท้าผู้ว่าการเฉียบขาดยิ่ง” หลิงปู้อี๋เอ่ยปนยิ้มน้อยๆ “ข้าจะนิ่งคอยฟังข่าวดี เรื่องยุติแล้วจะจัดเลี้ยงขอขมาที่เสียมารยาทต่อท่านในวันนี้”

เหลียงอู๋จี้โบกมือติดๆ กัน “เฮ้อ นี่ไม่ต้องกล่าวถึงหรอก เป็นโชคร้ายของวงศ์ตระกูลต่างหาก โชคร้ายของวงศ์ตระกูล…”

ตอนนี้เององครักษ์หนุ่มน้อยคิ้วตาหมดจดผู้หนึ่งพลันบุกพรวดเข้ามาโดยไม่รายงานก่อน ถลาทรุดเข่าลงเบื้องหน้าหลิงปู้อี๋ แล้วตะเบ็งเสียงเรียกทันใด “นายน้อย! แย่แล้วขอรับ นายหญิงน้อย…นายหญิงน้อย นาง…นางหายตัวไป!”

หลิงปู้อี๋หน้าถอดสี คว้าตัวองครักษ์ผู้นั้นแล้วถามเสียงกร้าว “เกิดเรื่องอะไรขึ้น! ข้าสั่งให้เจ้าเฝ้าดูนางไม่ใช่หรือ!”

เหลียงชิวเฟยเงยหน้าขึ้น ละอายใจจนหลั่งเหงื่อโซมใบหน้า “นายหญิงน้อยเดินไปเดินมาอยู่ในห้องสามห้องของเรือนตำราโดยตลอด ตั้งแต่ต้นจนจบพวกข้าน้อยล้วนเฝ้าอยู่นอกเรือน เมื่อชั่วครู่ก่อนยังเห็นนางเข้าๆ ออกๆ อยู่เลย ใครจะรู้เพียงพริบตาเดียวนางกลับหายตัวไปเสียแล้ว นอกเรือนมีคนตั้งมากเพียงนั้น นอกจากพวกข้าน้อยก็ยังมีบ่าวชายหญิง ไฉนจึง…ไฉนจึงได้…”

หลิงปู้อี๋หันขวับมองไปทางเหลียงอู๋จี้ สีหน้าของชายหนุ่มเรียบสงบ ทว่าในดวงตาดุจมีเปลวเพลิงลุกโชติช่วง “ใต้เท้าผู้ว่าการ เกรงว่าวันนี้ผู้เยาว์ต้องล่วงเกินจวนของท่านครั้งใหญ่แล้ว”

 

ภายในห้องลับอันเงียบสงัดอึมครึม มีเพียงแสงริบหรี่ส่ายไหวจากแท่งจุดไฟเล็กๆ แท่งนั้น บุรุษที่แต่งกายในชุดบ่าวผู้หนึ่งยืนอยู่ใต้แสงไฟ ริ้วกล้ามเนื้อบนใบหน้าโปนขึ้นนิดๆ ยิ่งแลดูดุร้ายน่าพรั่นพรึง เขาเดินประชิดมาทางเฉิงเซ่าซางช้าๆ พลางเปล่งเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายเบาๆ ประหนึ่งกำลังหยอกเย้าหนอนน้อยในอุ้งมือ

เฉิงเซ่าซางถูกคุกคามไปถึงส่วนท้ายของห้องลับอันแคบยาว จนกระทั่งแผ่นหลังชิดติดผนัง นางเพียรบังคับตนเองให้ยืดกายตรงก่อนพลันเอ่ย “คุณชายเหลียงรู้สึกว่าฆ่าข้าแล้ว ตนเองก็จะรอดปลอดภัยได้?”

เหลียงสยาหัวเราะเอิ๊กอ๊ากสั้นกระชั้นดุจเสียงของนกแสก “ห้องลับนี้ไม่มีใครล่วงรู้ ข้าเชือดเจ้าทิ้ง รอจนคลื่นลมผ่านพ้นค่อยมาสะสางศพเจ้า ใครกันจะรู้ได้”

“ไยคุณชายเหลียงไม่ถามเล่าว่าใต้เท้าหลิงไปที่ใด ข้าอยู่ที่นี่ค้นไปค้นมา เขากลับสนทนาลับอยู่กับญาติผู้พี่ของท่านจวบจนบัดนี้ ท่านว่าพวกเขากำลังพูดคุยอันใดกันอยู่” เฉิงเซ่าซางฝืนทำเยือกเย็น ทั้งที่หน้าผากผุดเหงื่อซึม

เหลียงสยาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนเอ่ยกลั้วหัวเราะหยัน “เจ้าไม่ต้องมาหลอกข้า!”

“ข้าไม่ได้หลอกท่าน!” เฉิงเซ่าซางพยายามควบคุมไม่ให้เสียงตนเองสั่น

“ความจริงเหตุที่ทุกคน รวมถึงใต้เท้าจี้ผู้เข้มงวดเที่ยงตรงถูกเรื่องระหว่างชวีฮูหยินกับรัชทายาททำให้ดวงตาพร่ามัวนั้น ล้วนเป็นเพราะฐานะอันสูงศักดิ์ของรัชทายาทเกี่ยวโยงเป็นวงกว้างยิ่ง หึๆ คนเป็นขุนนางเหล่านี้มักชอบมองเรื่องราวไปในทางใหญ่โต คดียิ่งสะสางยากก็ยิ่งดี ผู้ที่พัวพันยิ่งสูงศักดิ์ก็ยิ่งภาคภูมิใจกับผลงาน! ทว่าหากลองคิดดูอีกที เรื่องราวอาจไม่ได้สับสนยุ่งเหยิงถึงเพียงนั้น อาจแค่มีคนบางคนหมายใช้ประโยชน์จากเรื่องของชวีฮูหยินกับรัชทายาทมาอำพรางตนเองก็เป็นได้”

สีหน้าเหลียงสยาค่อยๆ เขียวคล้ำ “หรือว่าหลิงปู้อี๋ก็ทายออกแล้ว?”

เฉิงเซ่าซางไม่กล้ากระทั่งจะปาดเหงื่อ ยังคงคลี่ยิ้มน้อยๆ “คิดสิว่าพี่ชายท่านตายแล้ว ใครกันจะได้รับประโยชน์สูงสุด อันที่จริงไม่ใช่ชวีฮูหยิน หากแต่เป็นท่าน บุตรชายของพี่ชายท่านเพิ่งจะกี่ขวบ ส่วนผู้ว่าการเหลียงก็อายุสี่สิบหกสี่สิบเจ็ดแล้ว จนบัดนี้ยังคงไร้บุตรชาย เมื่อพี่ชายท่านจากไป ผู้ว่าการเหลียงนอกจากแต่งตั้งท่านเป็นผู้นำสกุลรุ่นต่อไปก็ไม่มีทางอื่นอีก”

“ในเมื่อพวกเจ้าล้วนรู้แล้ว เหตุใดยังไม่มาจับข้าเล่า” เหลียงสยาพลันใจเย็นลง เปล่งเสียงหัวเราะอันชวนสะพรึง

เฉิงเซ่าซางแสร้งถอนใจอย่างจนปัญญา “เพราะพวกเราไม่รู้ว่าที่แท้ท่านฆ่าคนด้วยวิธีใดน่ะสิ! อย่างไรเสียท่านก็เป็นคุณชายสกุลเหลียง ดังคำว่า ‘ทัณฑ์ไม่ถึงขุนนางระดับสูง’ จะให้จับท่านไปลงทัณฑ์ทรมานที่กรมอาญาหนึ่งยกหรือไร ย่อมต้องมีหลักฐานจึงจะตั้งข้อหาท่านได้! เฮ้อ น่าสะทกสะท้อนใจนัก ผู้คนล้วนยกย่องว่าใต้เท้าหลิงเก่งกาจจนน่าตระหนก แต่จนบัดนี้กลับยังคิดไม่ออกว่าท่านลงมือเช่นไรกันแน่!”

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 1-2

บทที่ 1 ฮ่องเต้หญิง   “ท่านพี่นำร้อง น้องหญิงคลอรับ ท่านพี่เสียงเพิ่งลับ น้องหญิงสลับขึ้นเวที เป็นมารดาอารี มีบุตรีกตัญญ...

ทดลองอ่าน

ทดลองอ่าน ร้อยเรียงรักเคียงฤทัย บทนำ – 1.2

บทนำ ความหลังของต้าลี่ 1   ฤดูหนาวในรัชศกต้าลี่ปีที่สิบเอ็ด โม่เป่ย ตำบลค่งหม่า สถานที่แห่งนี้คือประตูด่านสำคัญสุดท้ายทา...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 7-8

บทที่ 7 ค่าเดินทาง เมื่อภูตสุนัขดำคืนร่างเป็นสุนัขธรรมดาตัวหนึ่ง ภูตบุปผาสองตนนั้นก็ไม่อาจทำการใหญ่ ต่อให้ชาวหมู่บ้านป่า...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 3-4

บทที่ 3 เกิดใหม่   เวิ้งฟ้าดำสนิทปานน้ำหมึก เพียงมีดวงดาวบางตากระจัดกระจายบนม่านฟ้า ทอรัศมีอ่อนจางประเดี๋ยวเผยประเดี๋ยวเ...

community.jamsai.com