“น้องสาวของพวกเราออกเรือนไปเป็นภรรยาเขาดีๆ ทั้งที่ถูกต้องตามประเพณีทุกอย่าง ชั่วพริบตากลับต้องกลายเป็นอนุเสียอย่างนั้น! ตอนนั้นเป็นเพราะไม่มีทางเลือก ไม่อาจโทษว่าเขาได้ ทว่าต่อมาเล่า เขาทำให้น้องสาวของพวกเรากล้ำกลืนมายี่สิบปี หรือยังตั้งใจจะใช้ชีวิตแบบภรรยาอนุปรองดองเยี่ยงนี้ต่อไปทั้งชาติ? ถุย! ข้าขอยอมให้เขารับสนมชายาอื่น มีบุตรธิดาเพิ่ม ก็ยังดีกว่าให้หลานชายของโจรเฒ่าเฉียนอันอ๋องนั่งตำแหน่งว่าที่ประมุขแผ่นดิน! ไม่เอ่ยถึงพวกเราสกุลเยวี่ย บรรดาตระกูลอื่นที่มีหนี้ชีวิตกับสกุลเซวียน จะสบายใจมองดูรัชทายาทคนนี้สืบบัลลังก์ได้หรือ”
เยวี่ยโหวเล็กคลี่ยิ้มลุ่มลึก “จริงอยู่ตอนนี้รัชทายาทดูโอบอ้อมจริงใจ ทว่าคนเรารู้หน้าไม่รู้ใจ ใครจะรู้เล่าว่าเขาได้อำนาจแล้วจะสับเปลี่ยนโฉมหน้าหรือไม่ ถึงตอนนั้นอีกฝ่ายเป็นมีด พวกเราเป็นปลาบนเขียง จะถูกจัดการเยี่ยงไรมิใช่แล้วแต่ใจอีกฝ่ายหรือ”
เยวี่ยโหวใหญ่เอียงกายทอดถอนใจ เยวี่ยโหวรองมานั่งอยู่ระหว่างพี่ชายกับน้องชายแล้วเอ่ยเสียงเบา “วาจาไม่อาจกล่าวเช่นนี้ ดูจากคดีฆ่าคนตายหนนี้สิ รัชทายาทไม่ห่วงชื่อเสียงตนเองก็จะขอปกป้องชวีซื่อ ข้าเห็นว่าเขาไม่ใช่คนใจจืดแล้งน้ำใจ วันหน้าเขานั่งบัลลังก์แล้ว พวกเราสกุลเยวี่ยไม่แน่ว่าจะมิอาจอยู่รอดปลอดภัย กลับกัน องค์ชายสามอุปนิสัยไม่เหมือนฝ่าบาทสักนิด แกร่งกร้าวไร้ความกลัวเกรง เย็นชาทั้งหน้าทั้งใจ พวกเราแม้เป็นลุงแท้ๆ ของเขา…แค่กๆ พี่ใหญ่ยังมอบหลานสาวให้เขาด้วย ทว่าเขาเคยยิ้มแย้มพูดน่าฟังกับพวกเราเมื่อไรกัน”
เรียวคิ้วที่แลดูนิ่มนวลของเยวี่ยโหวเล็กมุ่นนิดๆ “อันที่จริง…ตามความเห็นของข้า องค์ชายสามก็ไม่ใช่ตัวเลือกว่าที่ประมุขแผ่นดินที่ดีที่สุด ตัวเลือกที่ดีที่สุดนั้น…คือเหล่าองค์ชายน้อยที่น้องสาวให้กำเนิด พวกเขาเยาว์วัยอัธยาศัยดี ทั้งยังสนิทชิดเชื้อกับพวกเรา”
“บังอาจ! แต่งตั้งรัชทายาทเป็นเรื่องใหญ่ ไหนเลยให้เจ้ามาเลือกส่งเดช! เจ้าบ้าบิ่นเยี่ยงนี้ ช้าเร็วพวกเราสกุลเยวี่ยจะต้องพินาศในกำมือเจ้า!” เยวี่ยโหวใหญ่ฉุนขาด ออกแรงขว้างจอกสำริดใบหนึ่งไปทางน้องชายคนเล็ก กระแทกเข้าหน้าผากอีกฝ่ายอย่างจัง เลือดไหลพรากในทันที
เยวี่ยโหวรองร้องอุทาน รีบควักผ้าเช็ดหน้าไปกดปากแผลของน้องชายไว้
“พี่ใหญ่วางใจได้ ไม่พินาศหรอก ฮ่องเต้แน่ใจได้หรือว่าเป็นฝีมือของสกุลเยวี่ย ไม่ได้กระมัง เหตุใดข้าจึงไม่ลงมือเอง แต่กลับดึงสมัครพรรคพวก สมคบหลายกลุ่ม นั่นก็เพราะหมายจะป้องกันวันนี้” เยวี่ยโหวเล็กใจเด็ดยิ่งยวด กดผ้าเช็ดหน้าด้วยตนเอง ทั้งที่เลือดไหลอาบหน้าทว่ากลับไม่ร้องเจ็บแม้สักคำ ยังคงสนทนายิ้มแย้มดุจเดิม
“หากรัชทายาทมีอันใดเกิดขึ้นจริง ผู้ที่ได้รับประโยชน์ทันทีไม่ใช่พวกเราเสียหน่อย เป็นองค์ชายรองต่างหาก เห็นฮองเฮานิ่งๆ ไม่ส่งเสียง ความจริงในใจนางรู้กระจ่างยิ่ง จึงสั่งห้ามองค์ชายรองไม่ให้ออกจากจวนแม้แต่ก้าวเดียวตั้งแต่แรก แต่นั่นแล้วอย่างไร ฮ่องเต้มีปัญญาวางใจได้หรือ มีปัญญารับรองได้หรือว่าพรรคพวกขององค์ชายรองไม่มีส่วนร่วมในเรื่องนี้เลย เขาไม่มีปัญญาหรอก
หากเยวี่ยกับเซวียนสองสกุลล้วนถูกโยงเข้ามาพัวพัน นั่นไม่สมใจสวีเหม่ยเหรินกับองค์ชายห้าหรอกหรือ ฮ่องเต้มีปัญญาหรือที่จะไม่คลางแคลงว่าพวกเขาต่างหากคือผู้บงการหลังม่าน หมายจะเป็นผู้เฒ่าหาปลาฉกฉวยผลประโยชน์* ทางสวีเหม่ยเหรินก็ไม่มีปัญญาอีก
องค์ชายรองคบหาบุตรหลานชนชั้นสูงอย่างกว้างขวาง ซื่อจื่อของหรู่หยางอ๋องผู้เฒ่าก็ชอบแอบสะสมอาวุธหมวกเกราะ ส่วนสวีเหม่ยเหรินลอบซื้อตัวอนุกับบ่าวรับใช้ในตำหนักบูรพา…สืบสาวลึกลงไปจริงๆ ไม่มีใครหรอกที่สะอาดหมดจด
ครอบครัวที่ผูกแค้นกับสกุลเซวียนมีมากเพียงนั้น ซ้ำยังพัวพันไปถึงองค์ชายกับเชื้อพระวงศ์ ช่วงนี้ฮ่องเต้อาจติเตียนบ้าง แต่จะไม่สืบสาวต่อไปแน่”
ในห้องเงียบเชียบอยู่เนิ่นนาน เยวี่ยโหวใหญ่ค่อยถอนหายใจเบาๆ “ฝ่าบาทใจกว้างผ่อนปรน เก่งกาจหลักแหลมไม่มีใครเทียบ ฝ่าบาทไม่อาจทำใจเหี้ยมสืบสาวราวเรื่อง ถือเป็นโชควาสนาของพวกเรา แต่ตอนนี้…เจ้ากลับเอาจุดนี้มาใช้ประโยชน์ ข้าละอายต่อฝ่าบาทยิ่งนัก
ต่อให้ไม่เอ่ยถึงคุณธรรมระหว่างเจ้าเหนือหัวกับขุนนาง ข้ากับฝ่าบาทก็มีมิตรภาพระหว่างพี่น้อง หนนี้เป็นข้าที่ผิดต่อฝ่าบาท เพื่อสกุลเยวี่ยทั้งตระกูล และเพื่อน้องสาวของพวกเรากับเหล่าองค์ชาย ข้าไม่อาจส่งมอบตัวเจ้าออกไป ทว่าข้าก็ไม่อาจปล่อยปละให้เจ้าเลอะเลือนเยี่ยงนี้ต่อไปอีก วันพรุ่งนี้…เจ้าจงกลับอำเภอเหราไปบูรณะสุสานบรรพชน อีกไม่กี่ปีก็แต่งองค์หญิงห้าเข้ามาเถิด”
“น้อมรับคำสั่งพี่ใหญ่” เยวี่ยโหวเล็กหน้าไม่เปลี่ยนสี “เพียงแต่…พวกเราล้วนแก่ตัวแล้ว เหล่าองค์ชายเติบใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ต้นไม้หวังอยู่นิ่งทว่าลมไม่หยุดพัด** เรื่องนี้ยังจะไม่ยุติหรอก”
* มาจากสำนวน ‘นกปากซ่อมกับหอยกาบยื้อแย่งกัน ผู้เฒ่าหาปลาได้ประโยชน์’ เปรียบเปรยว่าสองฝ่ายมัวแต่ต่อสู้ไม่ยอมลงให้กันจนฝ่ายที่สามฉกฉวยผลประโยชน์โดยไม่ต้องลงแรง มีเรื่องเล่าว่าหอยกาบอ้าเปลือกออกผึ่งแดด นกปากซ่อมเข้ามาหวังจิกกินเป็นอาหาร หอยจึงงับเปลือกเข้ามาหนีบปากนกเอาไว้ ทั้งสองต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ชาวประมงผ่านมาเห็นจึงจับไปเป็นอาหารทั้งคู่
** ต้นไม้หวังอยู่นิ่งทว่าลมไม่หยุดพัด เปรียบเปรยว่าเรื่องราวไม่เป็นไปดังใจหวัง
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 13 มี.ค. 66 เวลา 12.00 น.