ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย
ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 111
บทที่ 111
เฉิงเซ่าซางกลับถึงตำหนักฉางชิวแล้วไม่ถูกดุจริงเสียด้วย ทว่าเมื่อสบกับแววตาโทษตนเองของฮองเฮา เฉิงเซ่าซางกลับคิดว่ามิสู้ถูกดุหนึ่งยกยังดีเสียกว่า
ฮองเฮาไม่ได้พูดอันใดต่อหน้าเด็กสาว ทว่าวันรุ่งขึ้นตื่นมา ดวงตาล้วนบวมแดงเสียแล้ว นางคิดว่าเช้าเมื่อวานตอนเฉิงเซ่าซางออกไปยังกระโดดโลดเต้น ยามกลับมาไฉนกลายเป็นสภาพเยี่ยงนั้นได้ หากมิใช่หลิงปู้อี๋ช่วยไว้ทันท่วงที ไม่เท่ากับเอาชีวิตน้อยๆ ไปทิ้งแล้วหรือ
เฉิงเซ่าซางรู้สึกว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง เดิมทีภารกิจเที่ยวนี้ปลอดภัยยิ่ง จวนสกุลเหลียงไม่ใช่ถ้ำเสือบ่อมังกร อีกทั้งหลิงปู้อี๋ก็ส่งองครักษ์ที่มีฝีมือการรบเป็นเลิศมาเฝ้าอยู่นอกเรือนตำราตั้งหนึ่งกอง ด้วยการรักษาความปลอดภัยระดับนี้ ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเหลียงสยาตัวโง่งมนั่นยังอุตส่าห์ทำตัวเป็นสุนัขจนตรอก เฉิงเซ่าซางหมายเบี่ยงเบนความสนใจของฮองเฮา จึงได้แต่เร่งให้คนไปเชิญตัวรัชทายาทกับชายามา
นับจากวันนั้นถูกรัชทายาททำให้อับอายซึ่งหน้า ชายารัชทายาทก็สงบเสงี่ยมขึ้นไม่น้อย ต่อให้ญาติผู้พี่ของตนเกิดเรื่องก็ไม่กล้าออกหน้าวิ่งเต้น ขดตัวเป็นนกกระทาอยู่ในตำหนักบูรพามาโดยตลอด ยามนี้นางนั่งอยู่ข้างกายเฉิงเซ่าซาง ชมเปาะไม่ขาดปากว่าเฉิงเซ่าซางเก่งกาจฉลาดเฉลียว เวลาสั้นๆ เพียงสามวันก็ไขคดีฆ่าคนตายได้กระจ่าง
“นั่นสิ ถึงกับใช้เวลาแค่สามวัน” เฉิงเซ่าซางเองก็สะท้อนใจอยู่บ้าง นึกไม่ถึงว่าตนยังมีฝีมือทางด้านนี้ด้วย
ไม่รอให้ชายารัชทายาทเยินยอนานกว่านี้ หลิงปู้อี๋พลันรุดมาถึง แล้วเอ่ยหนึ่งประโยคใส่เฉิงเซ่าซางทันใด “เจ้าคิดจะทำอะไรอีก”
ฆ้องเปิดสนามยังไม่ได้ตีเลย นักตรวจสอบก็มาถึงแล้ว เฉิงเซ่าซางโต้กลับอย่างหัวเสีย “เกี่ยวอะไรกับท่านเล่า!”
“ไม่เกี่ยวกับข้า?” หลิงปู้อี๋แค่นเสียงฮึ “หากไม่ใช่ข้า เจ้ายังจะนั่งอยู่ดีมีสุขตรงนี้ได้?”
พลังของเฉิงเซ่าซางอ่อนลง “…แรกสุดที่ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ มักบอกว่า ‘ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจ’ ท่วงทีดุจจอมยุทธ์ผู้ไม่เห็นแก่ผลได้ผลเสีย ไฉนตอนนี้พออ้าปากก็เอ่ยถึงเล่า”
ฮองเฮากับรัชทายาทต่างหัวเราะเบาๆ ผิดกับชายารัชทายาทที่ริษยาอยู่บ้าง
นัยน์ตาชวนมองของหลิงปู้อี๋ทอยิ้ม “เมื่อก่อนข้านึกว่าเจ้ารู้การควรไม่ควร ปากข้าย่อมพูดจาน่าฟัง แต่ตอนนี้ข้าเพิ่งรู้ว่าเจ้าเป็นพวกที่จะต้องชี้แนะ” ครั้งนั้นระหว่างงานเลี้ยงในสกุลโหลว เขานัดพบนางบนเส้นทางซึ่งขนาบด้วยต้นบุปผา ตอนนั้นเขาเพิ่งมีบุญคุณต่อนาง ทั้งช่วยเหลือทั้งช่วยชีวิตไปหลายครั้งแท้ๆ ปรากฏว่านางกลับฟังจนถึงคำข่มขู่ค่อยยอมออกมาพบเขา
คิดมาถึงตรงนี้ เขาไม่แคล้วขบกรามนิดๆ “…ไม่ว่าใครดีต่อเจ้าสักเพียงใด ยามที่เจ้าอยากแสร้งเขลาก็จะแสร้งเขลา ฉะนั้นหมั่นพูดย้ำข้างหูเจ้าจะเป็นการดีกว่า”
ดูเหมือนเฉิงเซ่าซางฉุกคิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน ดวงหน้าเล็กนุ่มนิ่มจึงแดงระเรื่อ ปากก็พูดเสียงอ่อนเสียงหวาน “จะเป็นไปได้อย่างไรเล่า ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ตั้งหลายครั้งเพียงนี้ ต่อให้ข้าอยากลืมก็ลืมไม่ลงหรอก”
หลิงปู้อี๋ถูกดวงตาสุกสกาวของเด็กสาวสั่นคลอนจนช่องอกร้อนผะผ่าว ต้องรีบกระแอมเบาๆ เพื่อกลบเกลื่อน “ช่างเถิด เอาไว้…ค่อยๆ มาว่ากัน”
รัชทายาทข่มทนจนเหลืออด รู้อยู่ว่าชีวิตคู่ของข้าไม่กลมเกลียว ยังจะให้ข้าต้องเห็นภาพฉากนี้อีก สองคนนี้เจตนาใช่หรือไม่! ดังนั้นเขาจึงถามหน้าบึ้ง “เซ่าซาง เจ้าตามข้ามาด้วยเรื่องใดกันแน่”
“เรื่องใดหนอ” เฉิงเซ่าซางทึ่มทื่อไปพริบตาหนึ่ง ก่อนจะรีบดึงสติคืนมา “อ้อๆ ความจริงวันนี้หม่อมฉันมีของกำนัลชิ้นหนึ่งจะถวายพระชายาเพคะ”
ชายารัชทายาทอึ้งงัน “ให้ข้า?”
เฉิงเซ่าซางหยิบของชิ้นหนึ่งออกจากแขนเสื้อ ใช้สองมือประคองส่งให้อย่างแสนนอบน้อม คนทั้งหมดเพ่งตามอง พบว่าเป็นเพียงผ้าต่วนสีขาวหิมะเล็กๆ ผืนหนึ่ง
ชายารัชทายาทสีหน้าเผือดขาวทันตา รัชทายาทกับหลิงปู้อี๋สบตากันแวบหนึ่ง ส่วนฮองเฮาถามด้วยความกังขา “นี่หมายความเช่นไร”
เฉิงเซ่าซางยิ้มละไมเอ่ยกับรัชทายาท “รัชทายาทเพคะ ทรงรู้หรือไม่ว่าพระชายากำนัลสิ่งของแก่ชวีฮูหยินบ่อยครั้ง”
รัชทายาทผงกศีรษะรับ “ข้ารู้” เขามองชายาของตนปราดหนึ่ง “เพียงแต่ข้านึกว่าเป็นเพราะนางจิตใจดี”
เฉิงเซ่าซางมองไปทางหลิงปู้อี๋ “ท่านก็รู้กระมัง”
หลิงปู้อี๋สีหน้าขรึมลง “ข้าก็รู้ เกือบทุกปีล้วนต้องส่งไปหนึ่งหน เพียงแต่ข้านึกว่าเป็นเพราะพระชายาหมายแสดงไมตรีต่อรัชทายาท” เขาพอจะทายเรื่องราวออกแล้ว
เฉิงเซ่าซางหัวเราะหึๆ “ทุกคนล้วนรู้ว่าพระชายาเป็นผู้ส่งไป ทว่าชวีฮูหยินกลับไม่รู้ ผู้คนในจวนสกุลเหลียงกลับไม่รู้ พวกเขาล้วนนึกว่าของกำนัลเหล่านั้นรัชทายาทเป็นผู้พระราชทานให้…จุดประสงค์เพราะยากจะลืมเลือนรักเก่า!”
รัชทายาทปัดจอกสุราล้มคว่ำดังปึง ก่อนเอ่ยเสียงหลง “นี่พูดกันไปได้อย่างไร ข้าไม่ได้ข่าวคราวของหลิงจวินมาสิบปีแล้ว!”
เฉิงเซ่าซางกล่าวเสียงเย็น “หม่อมฉันพบผ้าต่วนเช่นนี้ที่ห้องของชวีฮูหยิน สาวใช้ของนางบอกว่าหนนี้ที่ชวีฮูหยินถูกเหลียงซั่งตบตี ก็เพราะผ้าต่วนที่รัชทายาทพระราชทานมานี่เอง! หม่อมฉันรู้สึกแปลกใจยิ่ง เห็นอยู่ว่าผ้าต่วนนี้เป็นของกำนัลปีใหม่ที่มณฑลจิงโจวเพิ่งถวายมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ฮองเฮาพระราชทานส่วนแรกแก่พระชายา ส่วนที่เหลืออยู่กับหม่อมฉันซึ่งยังไม่ได้แตะต้องแต่อย่างใด ดังนั้นหม่อมฉันจึงซักไซ้ไล่เลียงอย่างละเอียด ค่อยรู้เรื่อง ‘ดีงาม’ ที่พระชายากระทำลงไป!”
“นางทำอันใดหรือ!” รัชทายาทเปล่งเสียงอย่างยากเย็น
เฉิงเซ่าซางตอบอย่างโมโห “ยังจะทำอันใดได้เพคะ ก็ใช้ลูกไม้สกปรกทำร้ายผู้อื่นน่ะสิ! อยู่ต่อหน้ารัชทายาทกับฮองเฮา นางทำทีว่าเป็นกุลสตรีน้ำใจงาม รอจนขันทีผู้ส่งของกำนัลไปถึงสกุลเหลียงที่เหอตง กลับอ้างตนว่าเป็นคนที่รัชทายาทส่งไป ไม่เพียงพูดเหลวไหลต่อหน้าพวกเขาสามีภรรยา…บ้างพูดว่า ‘พักนี้รัชทายาทบังเอิญเป็นหวัด ขณะป่วยไข้ระลึกถึงฮูหยินยิ่งนัก’ บ้างพูดว่า ‘รัชทายาทมักถอนใจที่ไม่มีใครเป็นผู้รู้ใจได้อีกแล้ว’ หนำซ้ำยังกำนัลแต่สิ่งของแนบตัว ปีก่อนโน้นเป็นเสื่อไหมทอง ปีถัดมาเป็นหมอนหยกเขียว อ้อ หนนี้ที่พระชายากำนัลไปก็คือผ้าต่วนเช่นนี้ที่ใช้สำหรับทำเสื้อตัวใน!” นางชี้มือไปยังผ้าสีขาวหิมะเล็กๆ ผืนนั้น
“ไม่มีเรื่องเช่นนี้เด็ดขาด! เป็นชวีหลิงจวินให้ร้ายข้า! ตอนนี้นางเป็นหญิงม่าย จึงเริ่มวางแผนหมายตาตำแหน่งชายาแห่งตำหนักบูรพา! นางมีเจตนาร้ายเคลือบแฝง ละเมอเพ้อพก!” ชายารัชทายาทตะโกนเสียงแหลม
หลิงปู้อี๋เอ่ยเรียบๆ “จะสืบที่มาที่ไปให้ชัดแจ้งก็ไม่ยาก แค่จับตัวพวกบ่าวที่ส่งสิ่งของแก่ชวีฮูหยินมาสอบสวนก็จะได้รู้กัน”
ชายารัชทายาทเหงื่อเย็นแตกพลั่ก อยากโต้แย้งทว่าไร้ถ้อยคำ