ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 111 – หน้า 2 – Jamsai
Connect with us

Jamsai

ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

ทดลองอ่าน ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย บทที่ 111

รัชทายาทสีหน้าขาวซีด ปลายนิ้วสั่นระริก สายตาที่มองไปทางชายาของตนเย็นเยียบระคนผิดหวัง “มิน่าเล่า มิน่าเล่า วันนั้นหลิงจวินถึงบอกข้าว่าต่อไปอย่าระลึกถึงนางอีกเลย ตอนนั้นข้ายังคงไม่เข้าใจสาเหตุ…”

ชายารัชทายาทเปล่งเสียงร่ำไห้อย่างเจ็บปวด ฟุบกับพื้นร้องขอความเมตตาเสียงระรัว ฮองเฮาเองก็ขบคิดต้นสายปลายเหตุได้แจ่มแจ้งแล้ว จึงโกรธจนร่างส่ายโงนเงน

เฉิงเซ่าซางตบโต๊ะเอ่ยอย่างฉุนเฉียว “หม่อมฉันก็ว่าแล้ว ไฉนรู้สึกแปลกๆ อยู่ตลอด! ทั้งที่ชวีฮูหยินไม่ใช่สตรีที่จะกล้ำกลืนฝืนทน เหตุใดจึงสู้ทนมาตั้งหลายปี! สาวใช้ผู้นั้นยังบอกด้วยว่าชวีฮูหยินเคยไหว้วานผู้ส่งของกำนัลให้มอบจดหมายถึงรัชทายาท คาดว่าเนื้อความคงร้องขอไม่ให้รัชทายาทส่งสิ่งของมาอีก ฮึ จดหมายเหล่านี้คงตกอยู่ในมือพระชายาทั้งหมดสินะ!

หม่อมฉันถามมาแน่ชัดแล้ว ชวีฮูหยินออกเรือนเพียงไม่นาน ของกำนัลก็ส่งไปถึงเหอตง ผู้ส่งของกำนัลใช้ถ้อยคำคลุมเครือ สิ่งของที่ส่งไปก็ชวนให้ผู้อื่นคิดฟุ้งซ่าน ตอนนั้นชวีฮูหยินคงรู้สึกผิดต่อสามีที่เพิ่งแต่งงานกันจึงได้ยอมทนกล้ำกลืน ผ่านไปไม่กี่ปีนางตระหนักได้ในที่สุดว่าเหลียงซั่งผู้นั้นเป็นเดรัจฉาน นางไม่อาจนั่งเฉยรอความตาย จึงได้หาองครักษ์หญิงมาคุ้มกัน ความจริงหลายปีมานี้เหลียงซั่งลดความรุนแรงลงแล้ว ใครจะรู้ไม่กี่วันก่อนพระชายากลับส่งสิ่งของไปยั่วยุอีก ชวีฮูหยินไม่ทันตั้งตัว จึงรับมือเท้าเหลียงซั่งไปหลายที”

ในใจชายารัชทายาทอาฆาตแค้น ตะเบ็งเสียงใส่เฉิงเซ่าซางทันใด “ข้ากับเจ้ามีความแค้นอะไรต่อกัน เหตุใดเจ้าต้องพูดสิ่งเหล่านี้! ข้ากับรัชทายาทเป็นสามีภรรยามาสิบปี เจ้ากลับดึงดันจะให้ร้ายข้า! ทำให้รัชทายาทกับฮองเฮาเสียพระทัย มีผลดีอะไรกับเจ้า!”

“โอ๊ะ! เมื่อไม่กี่วันก่อนพระชายายังข่มขู่หม่อมฉันอยู่เลย บอกว่าวันหน้าขึ้นเป็นฮองเฮาแล้วจะจัดการหม่อมฉันอย่างนั้นอย่างนี้ ตอนนี้กลับถามว่า ‘มีความแค้นอะไรต่อกัน’ ช่างน่าขันเสียไม่มี!”

เฉิงเซ่าซางถากถางแสกหน้าไปหนึ่งยก ก่อนหันไปเอ่ยกับรัชทายาท “รัชทายาทเพคะ หม่อมฉันรู้ว่าคดีของชวีฮูหยินเพิ่งยุติ ยามนี้ไม่เหมาะที่ตำหนักบูรพาจะมีความเคลื่อนไหวใด เพียงแต่พระชายามีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ชวีฮูหยินช่างน่าสงสารเหลือเกิน เช่นนี้เถิด มิสู้พระองค์เฆี่ยนพระชายาก่อนสักสองสามยก ในห้องหม่อมฉันมีแส้…นี่ๆ ท่านดึงข้าด้วยเหตุใดกัน ข้ายังพูดไม่จบเลย…”

หลิงปู้อี๋ไม่อาจฟังต่อไป จึงยกตัวคู่หมั้นขึ้นอย่างง่ายดาย กึ่งยกกึ่งฉุดแล้วเดินมุ่งสู่ด้านนอก จวบจนไปถึงลานข้างตำหนักปีกค่อยปล่อยมือ

“ท่านดึงข้าออกมาทำอะไร ชายารัชทายาทน่าชังเยี่ยงนี้ ไม่ควรฉวยโอกาสนี้จัดการนางให้หนักๆ หรือ!” เฉิงเซ่าซางกระตุกแขนเสื้อตนเองคืนมา ก่อนเอ่ยอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น

“ว่ากันถึงที่สุด นี่เป็นเรื่องในครอบครัวรัชทายาท เจ้ากับข้าต่อให้เป็นคนใกล้ชิดสักเพียงใดก็ไม่ควรยุ่มย่ามจนเกินเลย”

“หรือจะปล่อยให้ซุนซื่อเป็นชายารัชทายาทต่อไป?!” เฉิงเซ่าซางไม่อาจกล้อมแกล้มคล้อยตาม “สตรีผู้นี้ไร้คุณธรรมไร้ความสามารถ จิตใจคับแคบต่ำทราม หากยังได้อยู่รอดปลอดภัย สวรรค์ก็ไร้เหตุผลเกินไปแล้ว!”

หลิงปู้อี๋เอ่ยเสียงหนัก “ซุนซื่อไม่คู่ควรจะอยู่ในตำหนักบูรพาจริงๆ ทว่าตอนนี้ยังแตะต้องนางไม่ได้ ให้นางไปพักรักษาอาการป่วยก่อนแล้วกัน ไว้ผ่านไปสักหกเดือนหรือหนึ่งปีค่อยมาจัดการนาง”

เมื่อครู่เฉิงเซ่าซางแยกเขี้ยวกางกรงเล็บ ยามนี้ฟังออกถึงไอเย็นน่าพรั่นพรึงในถ้อยคำของคู่หมั้น กลับขดตัวลีบเสียอย่างนั้น “นี่ๆ ข้ารู้สึกว่าปลดนางก็พอแล้ว หรือท่านยังจะ…” ให้นาง ป่วยตาย?

หลิงปู้อี๋ลูบศีรษะนางอย่างอ่อนโยน “เด็กโง่ คนอย่างซุนซื่อที่เห็นชื่อเสียงผลประโยชน์ดุจชีวิต ขอยอมตายก็ไม่ขอยอมถูกปลดหรอก”

เฉิงเซ่าซางเงียบงันไปเนิ่นนานกว่าจะเอ่ยถาม “ตั้งหลายปีเพียงนี้ ท่านไม่เอะใจว่าสิ่งของที่นางส่งไปเหอตงชอบกลเลยหรือ”

หลิงปู้อี๋หัวเราะเสียงจืดเจื่อน “สิบปีก่อนข้าเพิ่งจะอายุเท่าไร ต่อมาเห็นจนคุ้นชินแล้ว จึงไม่เคยคาดคิดว่าซุนซื่อใจคอคับแคบได้ถึงขั้นนี้ ความคั่งแค้นที่มีต่อชวีหลิงจวินถึงกับสืบต่อสิบปีไม่เลิกรา”

เฉิงเซ่าซางตบๆ ไหล่เขา “นี่ไม่อาจโทษท่าน เรื่องเยี่ยงนี้คนทั่วไปคิดไม่ถึงหรอก อย่างไรเสียชวีฮูหยินก็แต่งไปไกลถึงเหอตงแล้ว ซุนซื่อที่คว้าชัยได้เบ็ดเสร็จไยต้องยึดติดไม่ปล่อยวางอีก แม้ว่าเรื่องที่ถูกท่านมองข้ามไป สุดท้ายเป็นข้าที่ค้นพบ ท่านก็ไม่จำเป็นต้องเก็บไปใส่ใจเลยสักนิด จริงๆ นะ เรื่องนี้โทษท่านไม่ได้…”

หลิงปู้อี๋หัวเราะพรืด ยื่นมือไปหมายจะหยิกแก้มเล็ก “เจ้าไปส่องคันฉ่องดู หน้าตาเหมือนตัวร้ายที่ได้ที”

เฉิงเซ่าซางขึงตาประท้วง “ข้าเป็นตัวร้าย แล้วท่านเป็นอะไร!”

“เป็นคนที่ชมชอบตัวร้ายน่ะสิ”

เฉิงเซ่าซางพลิกจากขุ่นเคืองเป็นยินดี โปรยยิ้มอันงดงาม

หลิงปู้อี๋จับจูงมือเล็กของเด็กสาว เสนอพานางไปชมต้นเหมยในอุทยานด้านหน้า เขาเดินไปก็กล่าวไป “ซุนซื่อตื้นเขินไร้หัวคิด ผิดกับชวีหลิงจวินที่หลักแหลมเด็ดเดี่ยว มีความคิดอ่านต่อสถานการณ์บ้านเมืองไม่แพ้บุรุษ กระนั้นกลับถูกซุนซื่อทำร้ายมานานถึงสิบปี หากมิใช่หนนี้ได้เจ้าช่วยเปิดโปง เกรงว่าจนบัดนี้ชวีหลิงจวินก็คงยังไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ เฮ้อ เห็นได้ว่าใต้หล้านี้ไม่ว่าใครก็ตามล้วนไม่อาจดูเบา”

“เป็นเพราะตลอดมารัชทายาทยังคะนึงหาชวีฮูหยินไม่ลืมเลือน ซุนซื่อจึงไม่ยอมเลิกราอยู่เช่นนี้ใช่หรือไม่” เฉิงเซ่าซางขมวดคิ้ว

หลิงปู้อี๋สั่นศีรษะกล่าว “รัชทายาทแม้เป็นคนใจดีอ่อนโยน แต่ก็ไม่ใช่คนที่ตัดบัวเหลือใย เมื่อแรกเขาตั้งมั่นจากใจจริงที่จะใช้ชีวิตคู่กับซุนซื่อให้ดี ใครจะรู้ว่าแต่งได้สตรีที่เป็นเยี่ยงนี้…”

เฉิงเซ่าซางบังเกิดความเคารพนับถือต่อรัชทายาท “นั่นสิ รัชทายาทเป็นคนดียิ่ง ข้าได้ยินไจ๋เอ่าเล่ามา มีอยู่ปีหนึ่งในช่วงอากาศหนาวจัด ท่านที่ยังเด็กติดตามฝ่าบาทไปล่าสัตว์บนภูเขาถูเกาแล้วพลั้งตกแอ่งน้ำพุ ก็เป็นรัชทายาทที่กระโดดลงไปงมตัวท่านขึ้นมา”

หลิงปู้อี๋โพล่งตอบ “ใช่แล้ว ยังจำได้เลยว่าตอนนั้นน้ำหนาวเย็นเสียดกระดูก เพียงแต่…” เขาเอียงหน้ามาส่งยิ้ม “เรื่องนี้หากเกิดกับเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร”

เฉิงเซ่าซางกลอกลูกตา “หากจำเป็นต้องแต่งเข้าสกุลเหลียงจริงๆ เช่นนั้นข้าจะแต่งให้ผู้ว่าการเหลียง! ระหว่างคนรุ่นลุงกับคนตาขาวที่ดีแต่ตบตีสตรี ยังคงเลือกคนแรกดีกว่า เมื่อวานเกาทัณฑ์สามดอกนั้นของผู้ว่าการเหลียงน่าเกรงขามถึงเพียงใด!”

“เกรงว่าจะไม่ได้ เมื่อสิบปีก่อนฮูหยินของผู้ว่าการเหลียงยังไม่เสียชีวิตเลย” หลิงปู้อี๋หน้าบึ้งตึง “อีกอย่างที่ข้าถามคือหากเจ้าเป็นรัชทายาทควรทำอย่างไร ไม่ใช่ถามว่าหากเจ้าเป็นชวีหลิงจวินควรทำอย่างไร!”

เฉิงเซ่าซางหลุดหัวเราะ “หากข้าเป็นรัชทายาท…นั่นยังต้องพูดอีกหรือ ลำพังลูกไม้แค่นั้นของซุนซื่อมีหรือจะตบตาข้าได้ เอ๋? ช้าก่อนสิ ไฉนข้าได้ยินมาว่าฮูหยินของผู้ว่าการเหลียงเสียชีวิตไปนานมากๆ แล้วเล่า”

“นั่นคือฮูหยินคนแรกที่แต่งจากสกุลชวี ส่วนคนที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนคือฮูหยินที่แต่งมาใหม่”

“จุๆ ผู้ว่าการเหลียงท่านนี้ก็ไม่มีโชคด้านภรรยา ถึงกับเสียชีวิตไปคนแล้วคนเล่า เขายังคงเดียวดายจนแก่เฒ่าไปเสียแต่โดยดีเถิด”

รอยยุ่งยากใจผุดขึ้นบนใบหน้าหลิงปู้อี๋อย่างหาได้ยาก “เซ่าซาง ตอนนี้เหลียงซั่งตายไปแล้ว ซุนซื่อก็ถึงสุดปลายทางแล้วเช่นกัน เจ้าว่าชวีหลิงจวินกับรัชทายาทจะ…”

“จะหวนมาครองคู่กันหรือไม่ ย่อมแน่นอนสิ” เฉิงเซ่าซางยืนยันหนักแน่น

Comments

comments

No tags for this post.
Continue Reading

More in ดุจรักดั่งห้วงดาราพร่างพราย

บทความยอดนิยม

everY

ทดลองอ่าน เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 Chapter 2.1-2.2 #นิยายวาย

ทดลองอ่าน เรื่อง เขตห้ามรักฉบับเบต้า เล่ม 1 ผู้เขียน : MINTRAN แปลโดย : ทันบี ผลงานเรื่อง : 배타적 연애 금지구역 ถือเป็นลิขสิทธิ์...

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 1-2

บทที่ 1 ลมตะวันตกพัดมา สุริยันจมลับประจิม แสงสายัณห์สาดส่องขอบฟ้า เสิ่นเฉียนเปลี่ยนม้าไปตัวหนึ่งแล้วในจุดพักม้า เช่นนี้จ...

คืนลมพัดต้องเหมยงาม

ทดลองอ่าน คืนลมพัดต้องเหมยงาม บทที่ 3-4

บทที่ 3 หงหลวนแต่งงาน ลมราตรีพัดกรู แสงจันทร์สาดส่อง ภายในหอตั้นเสวี่ยของจวนสกุลเซี่ยเวลานี้ เซี่ยจิ่นสองมือไพล่หลัง ฟัง...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 87-88

บทที่ 87 ข้อห้าม กู้หมิงเค่อถูกหลี่เจาเกอยั่วโมโหจากไปแล้ว นางอมยิ้มรับช่วงหลักฐาน เอ่ยกับผู้ใต้บัญชาที่ติดตามนางมา “จงข...

จุติรัก พลิกชะตาร้าย

ทดลองอ่าน จุติรัก พลิกชะตาร้าย บทที่ 91-92

บทที่ 91 เอาคืน  ภายหลังหลี่เจาเกอกับโม่หลินหลางเดินจากมาไกล โม่หลินหลางก็ข่มใจไม่ไหว เอ่ยกับหลี่เจาเกอด้วยความรุ่มร้อน ...

community.jamsai.com