นางหันไปมอง เห็นคนสองคนควบม้ามุ่งหน้ามาทางนี้ ความเร็วมากกว่ารถม้าคันเมื่อครู่นี้เสียอีก
นางไม่กล้ายืนขวางกลางทางอีก รีบหลบไปด้านข้าง แต่อีกใจหนึ่งก็ยังอดคาดหวังไม่ได้ ตอนที่เสียงเกือกม้าใกล้เข้ามานั้น นางชูมือโบกไปยังทั้งสองคนและตะโกนเสียงดัง
‘พี่น้อง! ขอความช่วยเหลือหน่อยได้หรือไม่’
ม้าควบทะยานเข้ามาอย่างเร่งร้อนเคียงคู่กัน พริบตาเดียวก็ถึงตรงหน้านาง ก่อนจะทะยานผ่านไปปานโบยบิน ขณะที่นางคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สนใจนางอีกแล้วก็พลันได้ยินม้าส่งเสียงร้องแหลม คนขี่ม้าทั้งสองหยุดพร้อมกัน
‘พี่น้อง ขอบคุณมาก ขออภัยด้วย รถเทียมลาของข้าตก…’
นางดีใจ รีบก้าวขึ้นไปข้างหน้าพลางร้อนใจอธิบาย แต่เดินไปได้ไม่ถึงสองก้าว นางก็เห็นว่าคนที่อยู่บนหลังม้ามิใช่ใครอื่น เป็นโจวชิ่งกับผู้ติดตามของเขา
นางอึ้งไปครู่หนึ่ง คำพูดที่เอ่ยออกไปได้ครึ่งหนึ่งพลันหายไป หัวสมองว่างเปล่าขาวโพลน
เขามองนางจากบนม้าและเลิกคิ้ว
‘รถเทียมลาเป็นอะไร’
นางกะพริบตาปริบๆ ดึงสติกลับมาทันใด รีบหดมือที่ชูสูงกลับมา
ชั่วขณะหนึ่งที่นางอยากตอบออกไปเหลือเกินว่าไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น แต่พอคิดว่าลู่อี้ยังรออยู่ สวรรค์ก็ทำท่าเหมือนจะประทานฝนลงมาได้ทุกเมื่อ ด้วยเกรงว่าสินค้าจะถูกฝนจนเปียก นางจึงได้แต่กระแอมไอ ฝืนใจพูดหน้าแดง
‘รถเทียมลาของข้า…ไม่ระวังตกลงไปในแอ่งโคลน จะรบกวนท่านทั้งสองช่วยเหลือหน่อยได้หรือไม่’
‘อยู่ที่ใด’
นางชูมือชี้ไปยังทิศทางที่เดินมา
‘อยู่ทางนั้นห่างออกไปประมาณสามลี้ คนขับรถของข้าเฝ้าของอยู่ที่นั่น’
เขานั่งอยู่บนหลังม้า หลุบตามองนางจากที่สูง จ้องจนนางรู้สึกกระอักกระอ่วน จู่ๆ ก็พลันตระหนักได้ว่าร่างกายของตนเต็มไปด้วยโคลน ดูแล้วคงเหมือนมนุษย์ดินทีเดียว
ขณะที่นางถูกจ้องจนหน้าแดงหูแดง ไม่รู้จะวางมือไม้ไว้ที่ใดนั้นเอง เขาก็เอ่ยปากเสียงเรียบ
‘โม่หลี ไปดูหน่อย’
‘ขอรับ’ ผู้ติดตามของเขาพยักหน้ารับคำสั่ง บังคับม้ารุดไปข้างหน้าทันที
นางถอนหายใจโล่งอก จะกล่าวขอบคุณเขา แต่พอจะเอ่ยปาก กลับไม่รู้ว่าควรเรียกขานเขาอย่างไร
‘ขอบคุณ เอ่อ…’
เขาจ้องมองนาง เอ่ยปากอีกครั้ง
‘ข้าชื่อโจวชิ่ง’
‘ข้ารู้’ นางโพล่งออกมา ก่อนจะตระหนักว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ดวงหน้าเล็กแดงเรื่อ รีบเอ่ยว่า ‘ขอบคุณคุณชายโจวที่มีน้ำใจช่วยเหลือ’
เขามองนาง แล้วจู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา
‘ข้าจะพาเจ้ากลับไป’
เอ๋? นางอึ้งไปครู่หนึ่ง รีบสั่นศีรษะไปมาหน้าแดง
‘ไม่ ไม่ต้องหรอก ขอบคุณคุณชายโจว ข้าไม่ควรรบกวนเวลาของท่าน ท่านยินดีช่วยเหลือ ข้าก็ซาบซึ้งใจมากแล้ว ท่านไปทำธุระของท่านเถอะ ข้าเดินกลับไปเองก็ได้ อีกอย่างตัวข้าเปื้อนโคลนเต็มไปหมด…’
นางยังพูดไม่จบก็เห็นเขาเลิกคิ้ว เอ่ยคำพูดออกมาสองคำ
‘ขึ้นมา’
นั่นเป็นประโยคคำสั่ง นางอ้าปากหวอจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้าที่โน้มตัวลงมา พลันตระหนักว่าชายผู้นี้ไม่ยอมรับการปฏิเสธ นางหุบปากอย่างรวดเร็ว แม้จะอับอายจนใบหน้าร้อนซู่ไปหมด แต่ยังคงฝืนใจยื่นมือออกไป
เขากุมมือนาง นางเพิ่งจะรู้สึกว่ามือใหญ่กอบกุมมือนาง พริบตาถัดมาเขาออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ดึงนางขึ้นไปได้แล้ว ให้นางนั่งเฉียงๆ อยู่ด้านหน้าเขา
นางตระหนักอย่างรวดเร็วว่าท่านี้ไม่ถูกต้อง นางเคยเห็นคนขี่ม้า รู้ว่าต้องนั่งคร่อมบนหลังม้า อีกอย่างนางรู้ว่าการนั่งเฉียงแบบนี้ของนางเป็นการกินที่เขา การนั่งคร่อมจะทำให้สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อย
ลังเลครู่หนึ่งนางก็พยายามทรงตัวให้ดีแล้วยกขาขึ้นพาดผ่านตัวม้า ชายหนุ่มข้างหลังกลับพูดข้างหู
‘หากเจ้ายังอยากจะออกเรือนก็อย่านั่งคร่อม’
ได้ยินดังนั้นนางพลันชะงักไปครู่หนึ่ง สุดท้ายยังคงยกขาซ้ายข้ามตัวม้าไปอยู่ดี นั่งบนอานม้าอย่างมั่นคง มือเล็กจับด้านหน้าของอานม้าไว้
ชายหนุ่มด้านหลังเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กระตุกเชือกบังเหียนเบาๆ ให้ม้าเดินไปข้างหน้า