คู่อุ่นไอร่ายรัก
ทดลองอ่านคู่อุ่นไอร่ายรัก บทที่สี่
เบี้ยรายเดือนที่จ่ายเพื่อซื้อยันต์คุ้มภัยคิดจากมูลค่าการค้าขาย ยิ่งการค้าใหญ่โต เบี้ยรายเดือนที่ต้องจ่ายเพื่อยันต์คุ้มภัยก็ยิ่งสูง เบี้ยรายเดือนสามปีไม่ใช่เงินจำนวนน้อยเลย แม้แต่นางฟังแล้วยังหวั่นไหว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพ่อค้ารายใหญ่ทั้งหลายพวกนั้น
นางฟังแล้วอึ้งไป มองไปทางผิวน้ำอีกครั้ง
เป็นตามที่คิด ฝีพายบนเรือมังกรของผู้ค้าทั้งหลายต่างลูบกำปั้นอย่างฮึกเหิม ท่าทางตื่นเต้น แต่ละคนทำท่าจะคว้าชัยชนะมาให้ได้ เริ่มลงมือพายเรือไปยังจุดเริ่มต้นบนผิวน้ำแล้ว
บนแท่นลอย โจวเป้ามีท่าทีผ่อนคลายสบายใจ นั่งจิบน้ำชาอยู่ตรงนั้นขณะสนทนากับผู้ค้าและนายท่านทั้งหลาย ไม่เหลือบแลลูกชายของตนแม้แต่แวบเดียว
โจวชิ่งสวมชุดคลุมยาวสีขาวเหมือนบัณฑิต ไม่ใช่ชุดเข้ารูปเหมือนผู้ชิงธงคนอื่นๆ ทั้งยังไม่มีรองเท้ากันน้ำ แต่นั่นไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา นางเพิ่งจะดึงสายตากลับมาที่เขาก็เห็นชายผู้นั้นก้มตัวถอดรองเท้าถุงเท้าออกจนเหลือแต่เท้าเปล่าเปลือย จับชายชุดคลุมยาวเหน็บไว้ที่เอวและไม่ลืมยกมือสั่งการฝีพายให้พายเรือออกไป
ไม่นานเรือมังกรทั้งหมดก็เข้าประจำที่
ระหว่างที่เรือยาวมุ่งไปข้างหน้า เขาก็หมุนตัวอย่างคล่องแคล่วและเหยียบขึ้นไปยังหัวเรือด้วยเท้าเปล่าแล้ว
ไม่รู้ว่าเขาจงใจหรือไม่ได้เจตนา จู่ๆ เขาก็หันหน้ามาทางนี้
ทั้งที่อยู่ห่างไกลกันมาก เขาดูตัวเล็กเหมือนไม้จิ้มฟันอย่างไรอย่างนั้น แต่ไม่รู้เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าเขากำลังมองนางอยู่
นางคิดไปเองหรือไม่
ชั่วขณะหนึ่งที่เวินโหรวแทบอยากจะถอยออกไปจากข้างหน้าต่าง แต่พริบตาถัดมานางเห็นตรงเอวเขามีแสงสีเงินวูบขึ้น
หัวใจนางพลันเต้นรัว
นางมองเขายื่นมือไปจับสีเงินเปล่งประกายนั้น ดวงหน้าเล็กแดงยิ่งกว่าเดิม
ชายผู้นั้นมองนางอยู่จริงๆ นางรู้ เขาเองก็รู้ว่านางมองอยู่
จากนั้นเขาก็เบนสายตาออกไปและปล่อยกุญแจเงิน ชั่วเวลาต่อมาชายฉกรรจ์บนแท่นลอยตะโกนเสียงดังและโบกธง เสียงกลองดังรัวกะทันหัน เรือมังกรหลายสิบลำแหวกฝ่าผิวน้ำ พุ่งออกจากจุดเริ่มต้นและมุ่งไปข้างหน้า ผู้คนบนฝั่งโห่ร้องเสียงดัง ต่างพากันส่งเสียงให้กำลังใจเรือมังกรของตัวเอง โบกธงตะโกนร้อง เพิ่มความน่าเกรงขาม
ชั่วขณะหนึ่งที่ละอองน้ำกระเซ็นไปทั่ว เสียงฆ้องและเสียงกลองดังสนั่น ผู้คนตะโกนดังกึกก้อง
มีเรือมังกรสี่ลำที่ไม่นานก็นำหน้าเรือลำอื่นๆ ไป ค่อยๆ ทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
ท่ามกลางคลื่นน้ำสีขาว ผู้ชิงธงแต่ละคนโน้มตัวปีนขึ้นไปที่หัวเรือ กว่าครึ่งของร่างกายห้อยอยู่เหนือน้ำ
ในจำนวนนั้นเรือมังกรสีขาวโดดเด่นเกินบรรยาย มันไม่ได้แล่นเร็วที่สุด แต่ฝีพายบนเรือเคลื่อนไหวพร้อมเพรียงกันมากที่สุด ไม่นานก็ค่อยๆ ไล่ตามขึ้นมา แต่ราวกับเรือมังกรสามลำที่เหลือจะนัดแนะกันไว้แล้ว จู่ๆ เรือสองลำก็เบียดเข้าหาเรือมังกรสีขาว ขนาบทั้งซ้ายและขวาจนหัวเรือแทบจะชนกัน ไม้พายของฝีพายกระทบกันแล้ว ทุกคนอุทานอย่างตื่นตกใจ คิดว่าเดี๋ยวเรือจะต้องล่มแน่
เวลานี้เองโจวชิ่งที่หมอบอยู่ตรงหัวเรือพลันใช้มือข้างเดียวยันตัวให้ลอยขึ้น ขาทั้งสองข้างถีบไปยังหัวเรือมังกรของเรือทั้งสองลำที่ขนาบซ้ายขวา เกิดเสียงโครมดังสนั่นสองเสียง เรือสองลำที่ขนาบข้างเรือของเขาเอียงวูบเกือบคว่ำแล้วจริงๆ ฝีพายหลายคนตกน้ำ ฝีพายที่เหลือประคองเรือไว้มือไม้ยุ่งเป็นพัลวัน ไม่อาจสนใจอะไรอื่นได้อีก
เขาฉวยโอกาสนี้นำเรือมังกรสีขาวพุ่งไปข้างหน้าอีกครั้ง ไล่ตามเรือมังกรสีดำล้วนข้างหน้า
ฝีพายบนเรือมังกรสีขาวที่ผ่านการฝึกฝนมาเป็นอย่างดียกไม้พายขึ้นและจ้วงลงไปอย่างเป็นจังหวะ แม้จะเกิดความโกลาหลขึ้นเมื่อครู่นี้ แต่กลับไม่มีใครตื่นตระหนกตกใจ ขยับไม้พายต่อเนื่องไม่หยุด เพียงครู่เดียวก็ทิ้งห่างเรือมังกรสองลำนั้นไปไกล
คนบนเรือมังกรสีดำด้านหน้าเห็นเข้าก็ตื่นลนไปชั่วขณะ แต่ละคนจ้วงไม้พายสุดแรง แต่เรือมังกรสีขาวที่นำโดยโจวชิ่งยังคงไล่ตามมาอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็ไล่ทันและแล่นเคียงคู่ไปกับเรือสีดำ
ครั้นเห็นธงเทพแห่งสายน้ำอยู่ตรงหน้า ผู้ชิงธงของเรือมังกรสีดำหมอบอยู่บนหัวเรือ พยายามยื่นมือออกไปจนสุด แต่โจวชิ่งที่อยู่ด้านข้างไล่ตามมาแล้ว ในจังหวะสุดท้ายเขากดตัวต่ำบนหัวเรือ ร่างกายขนานไปกับผิวน้ำ ดูราวกับใช้สองขาพยุงร่างไว้เท่านั้น แค่ระยะสองฝ่ามือเอื้อมก็จะช่วงชิงธงเทพแห่งสายน้ำสีทองระยิบระยับมาได้แล้ว…
คิดไม่ถึงว่าจังหวะที่เขาคว้าเสาธงได้ บนเรือมังกรดำด้านหลังกลับมีคนขว้างไม้พายไปที่เขา ทุกคนอุทานอย่างตื่นตกใจ เวินโหรวยกมือขึ้นกดหน้าอก แต่เขาเหมือนมีตาหลัง เบี่ยงตัวหลบไปด้านข้างกะทันหัน แต่ธงเทพแห่งสายน้ำที่อยู่ในมือแล้วกลับถูกผู้ชิงธงจากเรือมังกรสีแดงที่ไล่ตามขึ้นมาใช้ธงของตัวเองปัดออกจากมือเขา ลอยขึ้นไปกลางอากาศ
เรือมังกรสีเขียวรุดตามมา เหมือนตกลงกันไว้ก่อนแล้ว เขาใช้ธงผืนใหญ่จู่โจมโจวชิ่ง ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสไล่ตามธงเทพแห่งสายน้ำไป
ครั้นเห็นโจวชิ่งถูกคู่ต่อสู้ขนาบทั้งหน้าหลัง ผู้ชิงธงจากเรือมังกรสีดำเห็นว่าไม่ควรพลาดโอกาสนี้จึงคำรามเสียงดัง เท้าเหยียบขึ้นไปบนหัวเรือ จากนั้นก็พุ่งตัวขึ้นไปบนท้องฟ้า ยื่นมือไปหมายจะคว้าธงเทพแห่งสายน้ำ
ชั่วขณะที่ทุกคนคิดว่าผู้ชิงธงจากเรือมังกรสีดำจะเป็นผู้คว้าชัยชนะ โจวชิ่งกลับคว้าธงของเรือมังกรสีเขียวที่โจมตีเขา ยืมแรงดีดตัวขึ้นไปตีลังกากลางอากาศ เพียงครู่เดียวก็พุ่งตัวได้สูงยิ่งกว่าผู้ชิงธงจากเรือมังกรสีดำ อีกฝ่ายเห็นดังนั้นก็รีบคว้าขากางเกงของเขาไว้
เขาหมุนตัวกลางอากาศสะบัดสองมือของผู้ชิงธงออก ผู้ชิงธงจากเรือมังกรสีดำตกน้ำ โจวชิ่งดีดตัวสูงขึ้นไปอีก หมุนตัวและถีบขาออกไป เกิดเสียงดังพลั่ก เขาถีบผู้ชิงธงอีกคนที่กระโดดขึ้นมาแย่งธงตกลงไปในน้ำ อาศัยจังหวะนี้คว้าธงเทพแห่งสายน้ำที่กำลังจะร่วงตกลงไปในน้ำได้พอดี
คราวนี้ไม่มีใครสามารถขัดขวางเขาได้อีก
ทว่าตอนนี้เขาออกห่างจากเรือมังกรของตัวเองมาระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายเริ่มดิ่งลงมา ขณะที่ผู้คนสองฝั่งแม่น้ำคิดว่าเขาต้องตกน้ำในสภาพอเนจอนาถแน่ ธงผืนหนึ่งก็พุ่งแหวกอากาศเข้ามาอยู่ใต้เท้าเขาในชั่วเวลาฉิวเฉียดพอดี
เขาเหยียบเสาธงเบาๆ ด้วยเท้าเปล่า เสาธงแอ่นงอและดีดขึ้นอีกครั้ง เขาใช้จังหวะนี้ดีดตัวขึ้นไปอีก จากนั้นก็ตีลังกากลางอากาศกลับไปยังเรือมังกรสีขาว
พอทุกคนได้สติถึงพบว่าธงที่พุ่งเข้ามาเป็นธงจากเรือมังกรสีขาว
คนถือธงไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นโม่หลีที่มักติดตามข้างกายเขาเสมอ
‘เยี่ยม!’
‘งดงาม!’
การเอาชนะคู่ต่อสู้ของเขาครั้งนี้เป็นไปอย่างงดงามน่าตื่นตาตื่นใจ ยังไม่พูดถึงว่าระหว่างนั้นถูกคนจงใจขัดขวางอย่างไม่ประสงค์ดี พอเขาแย่งธงผืนนั้นมาได้ ทุกคนต่างโห่ร้องเสียงดัง
การแข่งขันจบลง เรือมังกรสีขาวกลับไปยังแท่นลอย ทุกคนเข้ามาแสดงความยินดีกับโจวเป้าและโจวชิ่ง