เมื่อได้รู้ว่าคืนนี้เจียงซวี่จะไปร่วมงานเลี้ยงต้อนรับที่นี่ ในใจหมิงถานก็เป็นกังวลยิ่ง ยามกินอาหารนางคิดอยากจะเอ่ยอันใดบางอย่างแต่ก็นิ่งเงียบไป
เจียงซวี่นึกว่าชายาตัวน้อยของเขาเกิดอาการหึงหวงขึ้นมาอีก เขาจึงขบคิดคำพูด นานๆ ทีจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อนว่า “คืนนี้มีธุระ เจ้า…ไม่ต้องเป็นห่วง ถ้าหากหญิงสาวในบ้านท่านเจ้าเมืองมาชวนเจ้า เจ้าจะออกไปเที่ยวเล่นสนุกสนานกับพวกนางก็ได้”
นางชื่นชอบความสนุกสนานรื่นเริงเป็นชีวิตจิตใจ หลายวันมานี้ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางไกล เกรงว่านางคงจะอึดอัดแทบแย่แล้วกระมัง
“แต่สามีไปที่ร้านเซียนเฉวียนนั่น…”
“พระชายาควรจะมั่นใจในตนเองหน่อยสิ” พูดจบเขาก็คีบเนื้อให้หมิงถานหนึ่งชิ้น
“…”
นางมั่นใจในตนเองมากอยู่แล้ว นางมาถึงหลิงโจวด้วยตนเองทั้งที ยังต้องกลัวเขาพาหญิงสาวบนเรือสำราญกลับมาด้วยอย่างนั้นหรือ
ก็ได้ นางกลัวอยู่นิดๆ จริงๆ นั่นล่ะ ถ้าหากนางเดินทางมาด้วยแล้วเขายังพาสตรีกลับจวนด้วยได้ ถ้าอย่างนั้นพอนางกลับถึงเมืองหลวงก็คงไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ใดแล้ว
แต่ตอนนี้สิ่งที่นางหวาดกลัวมากกว่าก็คือกลัวว่าสกุลซู่จะคิดมิดีมิร้ายต่อเขา คำโบราณกล่าวไว้ว่ามังกรกล้าแกร่งไม่อาจโค่นงูเจ้าถิ่น* บัดนี้พวกเขาอยู่ในถิ่นของผู้อื่น ถ้าหากงานที่เขาต้องไปสะสางพัวพันไปถึงผลประโยชน์ของผู้อื่น เช่นนั้นต่อให้เจียงซวี่เก่งกล้าสามารถเพียงใดก็มิอาจหลีกเลี่ยงภยันตรายได้อยู่ดี
ก่อนเจียงซวี่จะออกไปข้างนอก หมิงถานก็ยังกำชับกำชาเสียงเจื้อยแจ้วอย่างอดไม่อยู่ “ถึงแม้สามีจะคอแข็ง แต่ว่าเพิ่งจะมาถึงหลิงโจว อย่างไรก็ดื่มสุราให้น้อยๆ หน่อยจะดีกว่า ไม่ว่าเรื่องใดก็ต้องระมัดระวังให้มาก”
หมิงถานพูดจบก็ยัดลูกกลอนแก้พิษที่แอบขอมาจากหมอหลวงเฟิงก่อนจะเดินทางออกจากเมืองหลวง พูดเสียงแผ่วเบาว่า “ถ้าหากสามีรู้สึกไม่สบายตรงที่ใดก็กินลูกกลอนหนึ่งเม็ด ยานี่ข้าขอมาจากหมอหลวงเฟิง สามารถแก้พิษยาสลบทั่วไปได้หลายชนิด”
“…”
เจียงซวี่อยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่ก็รู้สึกว่าไม่ค่อยจำเป็นสักเท่าไร เขาเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป เอ่ยกำชับกับอวิ๋นอี่ว่า “ดูแลพระชายาให้ดีๆ”
การแสดงฐานะอย่างปุบปับกะทันหันของเจียงซวี่ไม่เพียงแต่ทำให้เจ้าเมืองแตกตื่นลนลานจนรับมือไม่ถูก แต่ยังทำให้หญิงสาวในจวนท่านเจ้าเมืองยุ่งวุ่นวายรับมือไม่ทันด้วยเช่นกัน
พวกนางได้รับแจ้งว่าติ้งเป่ยอ๋องพร้อมด้วยพระชายามาพำนักอยู่ในจวนของตนเอง ส่วนใต้เท้าของตนก็ได้เชิญท่านอ๋องและบุตรชายอัครเสนาบดีฝ่ายขวาไปเลี้ยงต้อนรับที่ร้านเซียนเฉวียน เช่นนั้นพวกนางก็คงจะปล่อยพระชายาผู้นั้นไว้ในจวนโดยไม่ทักทายถามไถ่อันใดมิได้ ดังนั้นพอตกกลางคืน ฮูหยินท่านเจ้าเมืองก็ได้จัดเตรียมละครกลางแม่น้ำเอาไว้ จากนั้นก็เชิญหมิงถานไปร่วมรับชมด้วยกัน
ละครกลางแม่น้ำนี้เป็นเอกลักษณ์โดดเด่นอย่างหนึ่งของหลิงโจว มีจุดกำเนิดมาจากเรือสำราญร้อยแปดสิบลำของหลิงโจว ต่อมามีคณะละครปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึ้น ริเริ่มคิดค้นละครกลางน้ำซึ่งเป็นที่นิยมแพร่หลายเฉพาะในหลิงโจว ตอนกลางคืนถึงจะเริ่มทำการแสดงนี้ขึ้นมา
ละครกลางแม่น้ำความหมายก็ตรงตามชื่อ แน่นอนว่าต้องร้องรำกลางแม่น้ำ โรงละครตั้งอยู่ในแม่น้ำ พอตกดึกแสงโคมไฟบนพื้นที่การแสดงสว่างล้อมรอบ บนผิวแม่น้ำก็จุดโคมน้ำทีละดวงๆ ผู้ชมนั่งรับลมเย็นอยู่บนเรือสำราญ สูดดมกลิ่นหอมของดอกบัว รับชมละครยามราตรี สุขีอภิรมย์เริงใจไปอีกแบบหนึ่ง
ยามหมิงถานได้รับคำเชื้อเชิญก็คิดจะปฏิเสธกลับไปทันที ในสถานที่ที่แปลกถิ่นไม่คุ้นชินกับผู้คนเช่นนี้ นางจะเข้าไปใกล้แม่น้ำได้อย่างไร คิดว่านางเบื่อหน่ายว่าชื่อเสียงดีงามเกินไปหรือมีชีวิตอยู่มานานเกินไปอย่างนั้นหรือ
แต่ว่าการปฏิเสธของนางทำให้ฮูหยินท่านเจ้าเมืองผวาหวาดหวั่นยิ่ง คิดว่าตนเองต้อนรับไม่ละเอียดรอบคอบไปตรงที่ใด ต่อมานางจึงมาเชิญด้วยตนเอง ถ้อยวจีเปี่ยมล้นด้วยความเป็นมิตรและจริงใจ
เดิมทีหมิงถานคิดจะบอกว่าร่างกายนางไม่ค่อยสบาย แต่ทันใดนั้นเองนางก็พลันนึกถึงคำพูดก่อนหน้านี้ของสามีขึ้นมาได้…
เหตุใดสามีถึงต้องกำชับเตือนเป็นพิเศษว่า ‘จะออกไปเที่ยวเล่นสนุกสนานกับพวกนางก็ได้’ ด้วยเล่า หรือว่าเขากำลังบอกใบ้อันใดบางอย่างแก่นาง ให้นางไปทำความรู้จักกับหญิงสาวในจวนเจ้าเมืองให้มากๆ?
ครั้นเห็นหมิงถานลังเลใจ อวิ๋นอี่ก็เอ่ยเสียงเบาว่า “พระชายาวางใจเถิดเจ้าค่ะ นายท่านได้ทิ้งยอดฝีมือของหน่วยองครักษ์จินอวิ๋นไว้สองคนให้คอยติดตามอารักขาพระชายา”
อย่างนั้นหรือ เหตุใดนางถึงไม่รู้สึกตัวสักนิดเลยเล่า
แต่ในเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนางก็มิได้เอ่ยปฏิเสธต่อไปอีก คิดในใจว่านางยังต้องอยู่ที่หลิงโจวอีกหลายวัน หากพบปะทำความรู้จักกับหญิงสาวที่นี่ไว้มากๆ อาจจะมีประโยชน์กับการสะสางงานของสามีก็เป็นได้
* ชาหลงจิ่ง เป็นหนึ่งในชาเขียวชนิดที่ขึ้นชื่อของจีน ใบชามีลักษณะแบนและแหลมตรง น้ำชามีสีเขียวใส กลิ่นหอม รสชาติละมุน ถิ่นปลูกอยู่ในหมู่บ้านหลงจิ่ง เมืองหังโจว มณฑลเจ้อเจียง
* มังกรกล้าแกร่งไม่อาจโค่นงูเจ้าถิ่น เป็นสำนวน หมายถึงต่อให้มีอำนาจบารมีมาจากที่ใดก็ยากจะเอาชนะผู้มีอำนาจในท้องถิ่นได้
ติดตามตอนต่อไปวันที่ 16 เม.ย. 66 เวลา 12.00 น.