ฮูหยินท่านเจ้าเมืองไหนเลยจะเคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ ปกตินางใช้ชีวิตสุขสบายอยู่ในเรือนหลัง อย่างมากที่สุดก็แค่จัดการเรื่องวุ่นวายยิบย่อยระหว่างสะใภ้และหญิงสาวทั้งหลายในจวน พอขอให้นางออกความเห็นขึ้นมาอย่างปุบปับทันใด ในสมองของนางก็ว่างเปล่าขาวโพลนไปจนหมด
ในยามนี้เองหมิงถานพยายามสะกดกลั้นความหวาดผวาลนลานที่ไหลบ่าเข้ามาในหัวใจอย่างไม่หยุดหย่อน เปล่งเสียงกล่าวอย่างสงบนิ่งว่า “ฮูหยิน รีบสั่งให้คนไปแจ้งกองทหารดับเพลิงและกองกำลังป้องกันเมืองทันที ให้พวกเขารุดหน้าไปช่วยดับไฟ กำลังทหารในที่ว่าการเมืองที่สามารถโยกย้ายได้ก็ให้เคลื่อนพลไปช่วยดับไฟให้หมด!”
ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกำลังขาดที่พึ่งพิง ครั้นได้ยินวาจาของหมิงถาน นางก็เรียกสติกลับคืนมา รีบร้อนพยักหน้าพลางเอ่ย “จะ…เจ้าค่ะ พระชายาพูดถูก ยังไม่รีบไปจัดการตามที่พระชายาบอกอีก!”
บ่าวรับใช้หันมองหน้ากันไปมา
จะให้ไปแจ้งกองทหารดับเพลิงนั้นย่อมไม่มีปัญหา กองทหารดับเพลิงต้องส่งคนไปช่วยแน่นอน ไม่แน่ยามนี้อาจจะอยู่ระหว่างทางแล้วก็เป็นได้ แต่ว่ากองกำลังป้องกันเมืองกับทหารของที่ว่าการเมืองไหนเลยจะเคลื่อนย้ายกำลังพลเพียงเพราะพวกเขาไปแจ้งข่าวได้ พระชายากับฮูหยินท่านเจ้าเมืองเองก็ไม่มีสิทธิ์ทำได้เช่นกัน
ฮูหยินท่านเจ้าเมืองกำลังแตกตื่นลนลาน ไหนเลยจะนึกไปถึงขั้นนี้ได้ เมื่อเห็นพวกเขาชักช้าละล้าละลัง จึงร้อนใจจนพูดออกคำสั่งอย่างเร่งรีบร้อนรนว่า “มัวแต่ยืนนิ่งอยู่ไย ยังไม่รีบไปอีก!”
มีคนแสดงสีหน้าลำบากใจ “ฮูหยิน หากไม่มีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรจากท่านเจ้าเมือง ต่อให้พวกผู้น้อยไปแจ้งข่าว กองกำลังป้องกันเมืองกับทหารที่ว่าการเมืองก็ไม่ฟังหรอกขอรับ”
หมิงถานได้ยินเช่นนั้นก็โต้แย้งกลับไปทันที “ตอนนี้ท่านเจ้าเมืองติดอยู่บนเรือสำราญ จะมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรได้อย่างไร พวกเจ้าไปแจ้งก็พอ บอกว่าเป็นพระบัญชาของพระชายาอย่างข้า” นางกระชากป้ายหยกประจำตำแหน่งพระชายาที่อยู่ตรงข้างเอวออกมา “ถ้าไม่ฟังคำสั่งก็บอกพวกเขาว่าหากคืนนี้ท่านอ๋องกับคุณชายรองสกุลซูเกิดเรื่องขึ้นในเมืองเฉวียนเฉิง กองกำลังป้องกันเมืองกับที่ว่าการเมืองเฉวียนเฉิงไม่ว่าใครก็อย่าคิดว่าจะรอดพ้นความผิดไปได้!”
นางมีหรือจะไม่รู้ว่าพระบัญชาของพระชายาไม่สามารถโยกย้ายกำลังทหารของเมืองได้ แต่ว่ายามนี้นางไม่มีเวลามาสนใจอันใดมากมายถึงเพียงนั้น นางเอ่ยข่มขู่ด้วยถ้อยคำเย็นชาว่า “พระชายาอย่างข้ากล่าววาจาต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ก็ยังพอจะมีน้ำหนักอยู่บ้าง”
ครั้นวาจาเปล่งออกมา แผ่นหลังของบรรดาบ่าวรับใช้ก็มีเหงื่อบางๆ ผุดพรายขึ้นมา กระวีกระวาดโค้งกายรับป้ายหยกมาทันที ไม่กล้าบอกปัดปฏิเสธอีก
เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ กองทหารดับเพลิงได้รุดหน้าไปช่วยดับไฟที่เรือสำราญก่อนแล้ว ส่วนกองกำลังป้องกันเมืองและทหารที่ว่าการเมืองต่างก็ปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าหากไม่มีคำสั่งที่เป็นลายลักษณ์อักษรจากเจ้าเมืองก็ไม่สามารถเคลื่อนย้ายกำลังพลโดยพลการได้ สุดท้ายคนที่เดินทางไปรายงานจึงหยิบป้ายหยกประจำตำแหน่งชายาติ้งเป่ยอ๋องออกมา เอ่ยทวนซ้ำคำพูดของหมิงถาน ผู้บัญชาการของทั้งสองหน่วยถึงได้เริ่มลังเลขึ้นมา
ดังคำกล่าวที่ว่ายามเกิดเรื่องคับขันให้ว่าตามอำนาจ ชินอ๋องคนปัจจุบัน บุตรชายอัครเสนาบดีฝ่ายขวา รวมถึงท่านเจ้าเมืองล้วนอยู่ที่นั่น หากส่งไปแค่กองทหารดับเพลิงดูแล้วก็ไม่สมเหตุสมผลจริงๆ ถ้าเกิดเหตุไม่คาดฝันอันใดขึ้นมา กระทั่งฮ่องเต้พิโรธจนมีรับสั่งให้จับคนฝังลงสุสานไปด้วยกัน สกุลซู่ก็อาจจะคุ้มกะลาหัวพวกเขาไม่ได้เหมือนกัน
เมื่อคิดถึงตรงนี้กองกำลังป้องกันเมืองและทหารที่ว่าการเมืองจึงตอบตกลง รีบเรียกระดมพลและเคลื่อนกำลังทันที
เรือสำราญชมละครได้กลับเข้าเทียบท่าแล้ว ทุกคนกำลังยืนอยู่ริมฝั่งรอคอยคนมารายงานสถานการณ์เพลิงไหม้ หมิงถานเองก็เอาแต่จ้องมองบริเวณที่เปลวเพลิงโหมสูงตรงนั้นตาไม่กะพริบ
อวิ๋นอี่เห็นนางเคร่งเครียดเป็นกังวล จึงเอ่ยปลอบประโลมเสียงเบาว่า “พระชายาวางใจเถิด ด้วยฝีมือของนายท่านแล้ว ไม่มีทางถูกเพลิงแค่นี้กักขังไว้ได้หรอกเจ้าค่ะ นอกจากนั้นข้างกายนายท่านก็ยังมีองครักษ์ลับคอยติดตามไปด้วย ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไปนะเจ้าคะ”
จริงๆ แล้วถ้อยคำนี้ของอวิ๋นอี่กล่าวได้อย่างถ่อมตัวสงวนท่าทียิ่ง ตามความคิดของนาง นายท่านไม่เพียงแต่ไม่มีทางสิ้นท่าเพราะเพลิงนี้เท่านั้น หากเขามิได้เป็นคนวางเพลิงเองก็ถือว่าดีถมเถแล้ว
แต่หมิงถานกลับมิอาจวางใจลงได้ นางน่ะหรือจะไม่รู้ว่าสามีของตนเองฝีมือเก่งกาจล้ำเลิศ แต่ว่าตอนนี้เราอยู่ในถิ่นของผู้อื่น ถ้าหากเพลิงไหม้ครั้งนี้เป็นการพุ่งเป้ามาที่สามีตั้งแต่แรก มีการซุ่มเตรียมไว้ก่อนล่วงหน้า เช่นนั้นจะมีใครสามารถล่วงรู้สถานการณ์ในตอนนี้ได้บ้างเล่า
ยามที่คนของกองทหารดับเพลิง กองกำลังป้องกันเมือง และทหารที่ว่าการเมืองทั้งสามแห่งเคลื่อนกำลังพลไปช่วยเหลือ ทางฝั่งเรือสำราญด้านนั้นก็มีข่าวคราวรายงานกลับมาอย่างรวดเร็ว