กระวานน้อยแรกรัก
ทดลองอ่าน กระวานน้อยแรกรัก บทที่ 16
บทที่ 16
อวี้ป๋อจงได้แต่ฉงนมึนงงตลอดการสนทนา เขาไม่คาดคิดเลยว่าตนเองอุตส่าห์ประดิดประดอยคำพูดมาตลอดทั้งคืนอย่างยากลำบาก แต่วันนี้ติ้งเป่ยอ๋องกลับให้โอกาสเขาแค่คุกเข่าคารวะเท่านั้น ทว่าก่อนที่จะถูกคนเชิญออกไป เขากลับตาไวเหลือบไปเห็นผ้าไหมโปร่งบางที่อยู่บนเก้าอี้ผืนนั้น
หลังจากกลับไปแล้ว อวี้ป๋อจงก็ระบายความอัดอั้นตันใจให้ท่านพ่อตาของตนฟัง
“…ติ้งเป่ยอ๋องผู้นี้รับมือยากจริงๆ ขอรับ ไม่ให้โอกาสเขยได้พูดเลยสักนิด อันที่จริงเรื่องของโจวเป่าผิงยังพูดง่าย แค่ยอมสังเวยสักสองสามคน ปั้นแต่งสาเหตุการตายที่พอจะฟังเข้าหูเสียใหม่ก็ได้แล้ว แต่ว่าเงินจังกอบการค้าทางทะเลนั้น ท่านพ่อตา นี่พวกเราต้องจ่ายจังกอบการค้าทางทะเลชดเชยในช่วงสองปีที่ผ่านมาอีก ฝ่าบาททรงเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว ในเวลาเช่นนี้กองการค้าทางทะเลมีเงินทองเยอะแยะมากมายเพียงนั้นที่ใดกัน”
นายท่านใหญ่ซู่นิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ถ้าบอกว่าต่อจากนี้ไปห้ามหักจังกอบเป็นของตนเองก็ยังพอจะเป็นไปได้ แต่ว่าการให้จ่ายจังกอบชดเชยย้อนหลังสองปีอาจจะมิใช่ดำริของฝ่าบาทก็เป็นได้”
“ท่านจะบอกว่านี่เป็นความคิดของติ้งเป่ยอ๋องเองอย่างนั้นหรือ”
“ไทเฮาทรงมีจดหมายมาแจ้งว่าให้พวกเราเตรียมพร้อมยอมอ่อนข้อเรื่องจังกอบการค้าทางทะเล แต่พระนางไม่เคยตรัสว่าจะต้องจ่ายเงินคืนย้อนหลังสองปี กฎหมายย่อมไม่มีผลบังคับใช้ย้อนหลัง ฝ่าบาทคงไม่ถึงกับทรงบีบบังคับพวกเรามากถึงเพียงนี้”
อวี้ป๋อจงคิดไตร่ตรองเล็กน้อย “หรือว่าเหตุเพลิงไหม้เมื่อหลายวันก่อนทำให้พญายมผู้นั้นไม่ค่อยพอใจ?”
นายท่านใหญ่ซู่แค่นเสียงฮึ “ก็เพราะเจ้าทำเรื่องโง่ๆ นั่นล่ะ!”
อวี้ป๋อจงยิ้มแห้งๆ ละล่ำละลักเอ่ยว่า “เขยจะชดเชยให้อย่างสุดความสามารถ จะชดเชยให้อย่างสุดความสามารถขอรับ”
“เจ้าจะชดเชยอันใดได้ เจ้าจะเป็นคนรวบรวมเงินจังกอบการค้าทางทะเลเอง?”
“อย่างนี้ขอรับ วันนี้ตอนเขยไปพบติ้งเป่ยอ๋อง เขยสังเกตเห็นว่าติ้งเป่ยอ๋อง…” อวี้ป๋อจงขยับเข้ามาใกล้โดยพลัน จากนั้นกระซิบบอกนายท่านใหญ่ซู่รอบหนึ่ง “หากทำเช่นนี้แล้ว ขอแค่พญายมผู้นั้นสงบโทสะลงได้ คิดว่าก็คงจะพอมีโอกาสเจรจาเงื่อนไขนี้ขอรับ”
นายท่านใหญ่ซู่ได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ยังไม่รีบไปจัดการอีก”
“ขะ…ขอรับ”
อวี้ป๋อจงถอยกรูดออกไปอย่างเร็วไว
วันถัดมา อวี้ป๋อจงส่งเทียบมาเชิญติ้งเป่ยอ๋องและคุณชายรองสกุลซูไปนั่งเป็นแขกที่หอฮุยโหลว ลิ้มรสสุราฟังบทเพลง โดยอ้างว่าเป็นการเลี้ยงต้อนรับพวกเขาทั้งสอง
ก่อนจะออกไปข้างนอกในครานี้ เจียงซวี่กลับตั้งใจพูดมากกว่าปกติหลายประโยค ปลอบให้หมิงถานสบายใจ
บัดนี้หมิงถานรู้ถึงผลได้ผลเสียของเบื้องหลังเรื่องนี้แล้ว นางย่อมวิเคราะห์ออกว่าสกุลซูคงจะไม่ทำอันใดเขาแน่นอน
แต่เมื่อวานนางไปได้ยินฮูหยินท่านเจ้าเมืองพูดว่าสตรีที่หอฮุยโหลวของเมืองเฉวียนเฉิงเสมือนดังม้าผอมหยางโจว* ไม่เหมือนกับหญิงสาวในเรือสำราญร้อยแปดสิบลำที่ต้องคอยสาละวนปรนนิบัติต้อนรับแขกเหรื่อ คนที่ถูกขุนนางสูงศักดิ์พาตัวกลับไปเป็นอี๋เหนียงที่จวนก็มีอยู่เยอะแยะมากมาย
หมิงถานตะขิดตะขวงในใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่สะดวกใจจะพูดอันใดมาก นางเพียงแค่บ่นอุบอิบเสียงเบาว่า “อยู่ๆ จะเชิญก็เชิญ ไม่รู้จักหาข้ออ้างที่ฟังเข้าหูเสียบ้างเลย รับลมล้างฝุ่น** อันใดกัน มาถึงหลิงโจวตั้งหลายวันแล้วยังจะรับลมล้างฝุ่นอีก สามีมิใช่ไม้ปัดขนไก่เสียหน่อย มีฝุ่นธุลีเกาะเยอะแยะเสียที่ใดกัน”
นางบ่นกระปอดกระแปดพลางปรนนิบัติเขาเปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ หลุบตาช่วยเขาเปลี่ยนชุดอย่างอืดอาดเชื่องช้า หลังจากห้อยหยกประดับแล้ว นางก็ยังแอบห้อยถุงหอมสีดำปักลายนกยวนยางเล่นน้ำใบหนึ่งให้เขาอีกด้วย
เจียงซวี่สังเกตเห็นเพียงแค่ว่าถุงหอมยังนับว่ามีสีเรียบๆ แต่เขาไม่ได้พิศดูลายปักด้านบนอย่างละเอียดถี่ถ้วน หลังจากแต่งเนื้อแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว เขาก็กำชับกำชาหมิงถานอีกสองประโยค ก่อนจะยื่นมือออกไปลูบศีรษะของนาง จากนั้นก็เดินออกไปพร้อมกับซูจิ่งหราน
การที่อวี้ป๋อจงจัดงานเลี้ยงขึ้นในคราวนี้ได้ให้เหตุผลว่าเพื่อเป็นการเลี้ยงต้อนรับติ้งเป่ยอ๋อง จึงต้องเชิญเจ้าหน้าที่ทางการมาร่วมงานเป็นเพื่อนมากมายหลายคนอย่างขาดเสียไม่ได้ นอกจากเจ้าเมืองแล้ว เจ้าหน้าที่ระดับสูงในท้องที่ เช่นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองต่างก็มาร่วมงานกันอย่างพร้อมหน้าครบครัน
เมื่ออวี้ป๋อจงกล่าวโอภาปราศรัยเสร็จ ทุกคนก็ผลัดกันคารวะสุราให้แก่เจียงซวี่
ครั้นเห็นว่าวันนี้ติ้งเป่ยอ๋องไว้หน้าเขามากกว่าเมื่อวาน อวี้ป๋อจงก็มิได้หวาดผวาเสียขวัญจนตัวสั่นงกเงิ่นเหมือนก่อนหน้านี้อีก เขาดื่มสุราไปหนึ่งจอก ซ้ำยังเอ่ยตามมารยาทขึ้นมาอีกหนึ่งประโยคด้วยความปากไวว่า “ท่านอ๋องกับคุณชายรองสกุลซูมาถึงหลิงโจวได้หลายวันแล้ว เดิมผู้น้อยควรจะเลี้ยงต้อนรับทั้งสองท่านให้เร็วกว่านี้ถึงจะถูก แต่ว่าหลายวันก่อนมีธุระติดพันให้ล่าช้าไป ต้อนรับบกพร่อง ต้อนรับบกพร่องแล้ว”
เจียงซวี่หลุบตาพลางจับจอกสุราเล่น จู่ๆ ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “ใต้เท้าอวี้พูดอันใดกัน เดิมทีก็ไม่ถึงตาเจ้าได้ต้อนรับบกพร่องอยู่แล้ว”
ทุกคน “…”
ถูกต้อง เจ้าเมืองกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองยังอยู่ทั้งคน ไหนเลยจะถึงตาผู้บัญชาการกองการค้าทางทะเลอย่างเขาได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน ต่อให้หลิงโจวเป็นถิ่นของสกุลซู่อย่างไร การพูดเช่นนี้ก็ออกจะโอหังล้ำเส้นเกินไปจริงๆ
สีหน้าของอวี้ป๋อจงค้างแข็งไปเล็กน้อย ความหวาดกลัวยามถูกความน่าเกรงขามและแรงกดดันเข้าครอบงำเมื่อวานนี้เอ่อทะลักเข้ามาในหัวใจอีกครา เหงื่อกาฬเย็นเฉียบผุดพรายขึ้นมาบนแผ่นหลังของเขา ก่อนจะรีบร้อนเอ่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มประจบประแจงว่า “ขอรับๆๆ ที่นี่ยังมีท่านเจ้าเมือง ใต้เท้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอยู่อีก ไม่มีทางถึงตาผู้น้อยออกหน้าเลี้ยงต้อนรับก่อนแน่ เพียงแต่ผู้น้อยได้ยินชื่อเสียงบารมีของท่านอ๋องมาเนิ่นนานแล้ว เลยอยากจะอุทิศเรี่ยวแรงอันน้อยนิดให้ท่านอ๋องบ้างเท่านั้นเองขอรับ”
เจียงซวี่มิได้ส่งเสียงตอบอีก
อวี้ป๋อจงเช็ดหยาดเหงื่อบนหน้าผาก ครั้นแล้วก็หันไปทักทายซูจิ่งหรานตามมารยาทด้วยความระมัดระวัง เคราะห์ดีที่ซูจิ่งหรานพูดจาน่าฟังกว่ามาก จึงบรรเทาความตึงเครียดกระวนกระวายในใจของอวี้ป๋อจงลงไปได้บ้าง
หลังจากคารวะสุราครบสามรอบแล้ว ในที่สุดอวี้ป๋อจงก็เริ่มเอ่ยเข้าเรื่องสำคัญ
“จริงสิขอรับ ท่านอ๋อง ผู้น้อยมีเรื่องหนึ่งขออนุญาตรายงาน คือเรื่องการตายของโจวเป่าผิงผู้ตรวจการกองการค้าทางทะเล ข้ากับผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าและคนของที่ว่าการเมืองได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดรอบคอบมาระยะใหญ่ๆ แล้ว ผู้น้อยคิดว่าผู้ตรวจการโจวตั้งตนอยู่ในความดีงามเสมอมา ปฏิบัติหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง ไม่มีทางเป็นคนที่ลุ่มหลงมัวเมาอยู่กับการหลับนอนกับหญิงคณิกาทั้งวันทั้งคืนอย่างแน่นอน”
เจียงซวี่กับซูจิ่งหรานรับฟังอย่างเงียบๆ คนอื่นก็พากันพยักหน้า ให้ความร่วมมือกับการแสดงละครของอวี้ป๋อจง