กระวานน้อยแรกรัก
ทดลองอ่าน กระวานน้อยแรกรัก บทที่ 16
“ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าการตายอย่างกะทันหันของผู้ตรวจการโจวคงมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างอื่น แต่ก่อนหน้านี้ตรวจสอบอยู่เนิ่นนานกลับไม่เจอเงื่อนงำอันใดเลย ผู้น้อยคิดว่าใต้เท้าโจวเป็นคนที่ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญก็เลยไม่กล้าปิดบังรั้งรอ จึงเขียนฎีการายงานสาเหตุการตายเบื้องต้นส่งไปยังเมืองหลวงทันที แต่ว่าผู้น้อยก็สั่งให้คนสืบสาวสาเหตุการตายที่แท้จริงของผู้ตรวจการโจวอย่างละเอียดยิบมาตลอด สวรรค์ไม่ทอดทิ้งผู้มุมานะ หลายวันผ่านไปในที่สุดก็สืบเจอจนได้ขอรับ!”
อวี้ป๋อจงหน้าไม่แดงหัวใจไม่สั่น “เดิมทีขุนนางดูแลกองการค้าในกองการค้าทางทะเลไม่ลงรอยกับผู้ตรวจการโจวมานานแล้ว ในใจมีความอาฆาตแค้น มิหนำซ้ำขุนนางดูแลกองการค้าผู้นี้ยังรวบรวมสมัครพรรคพวกในกองการค้าทางทะเล สมคบคิดกับเจ้าหน้าที่ออกประกาศ เจ้าหน้าที่พิจารณาโทษและเสมียนซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชายักยอกทรัพย์หลวงเป็นของส่วนตน แต่โชคร้ายถูกผู้ตรวจการโจวจับได้ ผู้ตรวจการโจวเป็นขุนนางใจซื่อมือสะอาด ไม่ยอมร่วมมือทำชั่วกับพวกเขา เมื่อดึงเข้ามาเป็นพวกไม่สำเร็จ พวกของขุนนางดูแลกองการค้าผู้นั้นจึงสังหารปิดปากเขา ซ้ำยังจงใจใส่ร้ายป้ายสี หมายจะทำลายชื่อเสียงบารมีของเขา!”
เจียงซวี่ยังคงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ซูจิ่งหรานหลุบตาลงจิบสุรา คิดในใจว่า ต้องลำบากใต้เท้าอวี้ยอดทนเจ็บเฉือนเนื้อตนเองเช่นกัน อุตส่าห์ยอมสละคนมากมายถึงเพียงนี้ในคราวเดียวให้ฝังศพเป็นเพื่อนโจวเป่าผิง
“บัดนี้คนที่มีส่วนเกี่ยวข้องได้ถูกจับตัวส่งไปที่ว่าการเมืองทั้งหมดแล้ว คนเหล่านี้ทำร้ายเข่นฆ่าสหายร่วมงาน ปฏิบัติตนไม่ซื่อตรง ตายไปก็ไม่ควรค่าให้เสียดาย ตอนนี้เพียงแค่ควบคุมตัวไว้รอส่งตัวไปรับการลงโทษที่เมืองหลวง ส่วนผู้ตรวจการโจวนั้นได้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อกองการค้าทางทะเลอย่างสุดความสามารถ ความประพฤติและความสามารถของเขาทุกคนล้วนเห็นเป็นที่ประจักษ์ ต้องมาจบชีวิตเช่นนี้ช่างเป็นการทำร้ายผู้บริสุทธิ์โดยแท้ หวังว่าพอท่านอ๋องกลับเมืองหลวงไปแล้ว จะช่วยกราบทูลฝ่าบาทแทนกองการค้าทางทะเลแห่งหลิงโจว ช่วยคืนความบริสุทธิ์ให้แก่ใต้เท้าโจว ให้ขุนนางผู้จงรักภักดีได้นอนตายตาหลับในยมโลกด้วยเถิดขอรับ”
ครั้นอวี้ป๋อจงกล่าววาจาเหล่านี้จบ คนอื่นๆ ก็อดเอ่ยคล้อยตามขึ้นมิได้
“ใช่แล้วๆ”
“ใต้เท้าโจวมิได้ทำอันใดผิดเลยสักนิด”
“น่าเสียดายเหลือเกิน”
ไม่รู้ว่าเจียงซวี่กำลังครุ่นคิดอันใดอยู่ พอฟังคำกล่าวนี้จบ เขาก็ไม่ได้แสดงทีท่าใดๆ ออกมา
ในใจของอวี้ป๋อจงกระสับกระส่ายกระวนกระวาย พลันย้อนนึกถึงวาจาที่กล่าวไปเมื่อครู่นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนว่ามีตรงที่ใดไม่เหมาะสมหรือไม่ หรือว่าแก้ไขเช่นนี้แล้วท่านอ๋องก็ยังไม่พอใจอีก?
เนิ่นนานผ่านไป ในที่สุดเจียงซวี่ก็ส่งเสียงออกมาว่า “อืม” จากนั้นก็รินสุราให้ตนเองหนึ่งจอกพลางดื่ม
นี่หมายความว่าพอใจแล้วใช่หรือไม่
อวี้ป๋อจงมองสำรวจสีหน้าท่าทางของเจียงซวี่ด้วยความระมัดระวัง ครู่ใหญ่ผ่านไป สุดท้ายเขาก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง ต่อมาก็รีบปรบไม้ปรบมือเรียกหญิงสาวอรชรชดช้อยกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามา
ไม่นานนักก็เห็นหญิงสาวกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาอย่างนวยนาดอ่อนช้อย ยืนเรียงแถวหน้ากระดาน ยอบกายทำความเคารพพร้อมกล่าวด้วยเสียงนุ่มละมุนว่า “คารวะติ้งเป่ยอ๋อง คารวะใต้เท้าทุกท่าน”
ซูจิ่งหรานมองจนเผลอตะลึงลานไปแวบหนึ่งอย่างห้ามไม่อยู่ สตรีเหล่านี้ดูเหมือนจะเจริญหูเจริญตายิ่งกว่าสตรีที่เจอในร้านเซียนเฉวียนเมื่อวันนั้นเสียอีก มีหญิงงามมากมายหลากหลายรูปแบบ แต่ละคนต่างก็มีเอกลักษณ์แตกต่างกันไป ไม่ว่าเลือกใครออกมาต่างก็มีรูปโฉมงดงามไม่ด้อยไปกว่าสนมชายาในวังหลวงแม้แต่น้อย
แม่นางเหล่านี้ล้วนเป็นหญิงสาวที่หอฮุยโหลวบรรจงอบรมบ่มเพาะขึ้น หญิงคณิกาทั่วๆ ไปย่อมมิอาจเทียบเทียมได้ แต่ละคนต่างก็เป็นหญิงงามอย่างหาตัวจับยาก ศาสตร์การบรรเลงฉิน เดินหมาก เขียนพู่กัน วาดภาพ ล้วนแตกฉานในทุกด้าน กิริยามารยาทไม่แพ้คุณหนูตระกูลใหญ่ ซ้ำพวกนางยังได้เปรียบที่ได้เรียนรู้เรื่องที่พวกคุณหนูมิอาจเรียนได้ ในจำนวนนั้นมีอยู่หลายคนที่บรรดานายท่านสกุลซู่เลี้ยงดูไว้เพื่อจะเก็บไว้ใช้งานเอง แต่บัดนี้จำเป็นต้องเอาออกมาต้อนรับพญายมผู้นี้เสียก่อน
เจียงซวี่กวาดตามองแวบหนึ่ง ไม่รู้เพราะเหตุใดถึงหยุดลงบนร่างของหญิงสาวคนที่สองจากขวามือมากกว่าคนอื่นหนึ่งอึดใจ
อวี้ป๋อจงรู้จักสังเกตสีหน้าแววตาของผู้อื่นยิ่ง เมื่อเห็นดังนั้นแล้วก็รีบส่งสัญญาณสั่งให้หญิงสาวผู้นั้นเข้ามาปรนนิบัติใกล้ๆ
หญิงสาวที่เหลือก็มิได้เข้าใกล้บุรุษคนอื่นๆ แต่กลับถอยออกไปอย่างเงียบเชียบ เพียงแต่เปลี่ยนเป็นหญิงสาวที่รูปงามสะสวยงดงามแต่มิได้โดดเด่นสะดุดตาเหมือนกลุ่มเมื่อครู่นี้เข้ามาคอยปรนนิบัติแทน
หญิงสาวที่ถูกสั่งให้มาปรนนิบัติเจียงซวี่สวมชุดกระโปรงหรูฉวินสีแดงสด ผิวพรรณขาวผุดผ่องยิ่งกว่าหิมะ รูปโฉมงามล้ำสะคราญตา
นางยอบกายคารวะ จากนั้นนั่งลงข้างๆ กายของเจียงซวี่อย่างเรียบร้อยว่าง่าย รักษาระยะห่างเล็กน้อยอย่างรู้จักกฎระเบียบ นางหยิบตะเกียบหยกขึ้นคีบหน่อไม้เขียวให้เจียงซวี่หนึ่งชิ้น เอ่ยด้วยสุ้มเสียงละมุนละไมใสกระจ่าง “หน่อไม้เขียวของหลิงโจวกรุบกรอบสดใหม่ นำไปผัดจะเลิศรสที่สุด ท่านอ๋องจะลองชิมดูหรือไม่เจ้าคะ”
ทุกคนต่างก็จดจ้องท่าทีของเจียงซวี่ รวมไปถึงซูจิ่งหรานด้วย
แม่นางผู้นี้รูปโฉมงดงามล้ำเลิศอย่างที่สุด แต่ว่าไฉนข้าดูแล้วถึงรู้สึกว่าคุ้นหน้าคุ้นตาเล่า เหมือน… เหมือน… เขาคล้ายกับหัวสมองตีบตัน นึกไม่ออกขึ้นมาชั่วขณะ
เจียงซวี่มิได้มองหญิงสาวผู้นั้น ทว่ากลับนิ่งเงียบไปสักพัก สุดท้ายเขาก็หยิบตะเกียบ คีบหน่อไม้เขียวที่หญิงสาวผู้นั้นตักให้เขาขึ้นมา
ในใจอวี้ป๋อจงเชื่อมั่นแน่วแน่ วีรบุรุษยากจะผ่านด่านสาวงาม วีรบุรุษยากจะผ่านด่านสาวงามจริงๆ เขารู้อยู่แล้วว่าแม้ติ้งเป่ยอ๋องผู้นี้เปลือกนอกจะเย็นชา แต่กลับลอบเสพอภิรมย์กับหญิงสาวในห้องหนังสืออย่างลับๆ ดูท่าแล้วเขาคงจะไม่ปฏิเสธหญิงสาวของหอฮุยโหลวผู้นี้เป็นแน่ หมากตานี้เขาเดินถูกจริงๆ