(1)
นาฬิกาตั้งโต๊ะกรีดเสียงดังลั่น ฉันพยายามเอามือควานหาต้นเสียงนั้นโดยไม่ลืมตา อาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้นเมื่อเริ่มมีสติสัมปชัญญะ หลังหยุดเสียงของมันลงได้แล้ว ฉันพยายามลุกขึ้นจากที่นอนอันแสนนุ่มแต่ก็ไม่สำเร็จ ทำได้แค่เพียงนอนหงายกางแขนกางขาและลืมตาอย่างเชื่องช้าบนเตียงนอนเท่านั้น แล้วพยายามคิดทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนที่ผ่านมา
เมื่อวานนี้เป็นวันศุกร์และเป็นวันครบรอบวันเกิดปีที่สามสิบของฉัน เพื่อนๆ โดยเฉพาะเจ๊กี้ได้เซอร์ไพรส์ฉันด้วยปาร์ตี้เล็กๆ ในร้านโปรดของเรา เมื่อคืนฉันพยายามลืมเรื่องน้ำหนักตัวที่เกินมาเกือบสองกิโลกรัม (ฉันพยายามรักษามันให้อยู่ในมาตรฐานของตัวเอง ซึ่งมันไม่ตรงกับมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข) โดยอนุญาตให้ตัวเองกินเค้กช็อกโกแลตได้หนึ่งชิ้น สปาเกตตี้หอยลายนิดหน่อย น่องไก่ทอดชิ้นไม่ใหญ่นัก สลัดทูน่า และเครื่องดื่มแสนอร่อย ซึ่งเจ๊กี้โกหกว่ามันมีแอลกอฮอล์น้อยมากจนไม่สามารถวัดออกมาเป็นเปอร์เซ็นต์ได้ ตอนนี้ฉันสัญญากับตัวเองแล้วว่าจะไม่เชื่อเจ๊เรื่องปริมาณแอลกอฮอล์ในเครื่องดื่มอีกเป็นอันขาด เพราะฉันกำลังแฮงก์อย่างหนัก
หลังเที่ยงคืนเล็กน้อยปาร์ตี้ก็จบลง เพื่อนๆ แยกย้ายกันกลับ หนูอิ่มน้องสาวที่น่ารักสมัยเรียนปริญญาโทมาด้วยกันเป็นคนขับรถมาส่ง โชคดีที่ฉันไม่ได้ขับรถไปงานเอง ไม่อย่างนั้นมันจะกลายเป็นภาระหลังเลิกงานปาร์ตี้แน่ๆ วันเกิดปีนี้ฉันได้ของขวัญมาเยอะเชียว จำได้ว่าเมื่อคืนตอนขึ้นลิฟต์ต้องหอบมันพะรุงพะรัง
หลังจากทบทวนความทรงจำมาได้สักสิบนาที ฉันก็คิดว่าตัวเองพร้อมที่จะลองลุกขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ประสบความสำเร็จ แม้ว่าจะยังมึนๆ แต่ถ้าได้กาแฟสักเหยือก…มันก็คงจะดีขึ้น ฉันลุกขึ้นจากเตียงอย่างช้าๆ ตาเหลือบไปมองกระจกหน้าตู้เสื้อผ้าแล้วมองเห็นตัวเองเหมือนถุงผ้าเหี่ยวๆ ใบหนึ่ง
…ช่างมันเถอะ ยังไงฉันก็อยู่คนเดียว ไม่เห็นต้องกลัวใครจะมาเห็นสภาพอันยับเยินตอนนี้เลย อีกอย่างผู้หญิงวัยสามสิบกับอีกหนึ่งวันอย่างฉันเนี่ย คงหาคนสนใจได้ยากเต็มที…
ฉันเดินเหมือนปูมาจนถึงห้องครัวได้สำเร็จ เปิดเครื่องชงเอสเพรสโซ แล้วหยิบแก้วออกมาหนึ่งใบ ซึ่งเจ๊กี้ชอบเรียกมันว่าเหยือก ฉันเงยหน้ามองนาฬิกาแขวนผนังในห้องครัว มันบอกเวลาสิบโมงยี่สิบนาที แสดงว่าต้องดื่มกาแฟ ล้างแก้ว อาบน้ำ และแต่งตัวภายในสี่สิบนาทีก่อนที่จะถึงเวลานัดกับเจ๊กี้
สบายมาก…ฉันมันประเภทสาวไฮเปอร์ ทำอะไรด้วยความรวดเร็วอยู่แล้ว แต่ต้องหลังจากจัดการกับกาแฟก่อนนะ ฉันชงกาแฟแก้วโต เปิดตู้เย็นหาอาหารเช้าที่พอกินกับกาแฟได้ซึ่งก็เห็นมีแต่คุกกี้ช็อกโกแลตชิพที่เหลือก้นกล่องอยู่สามสี่ชิ้น โอเค นั่นคงพอสำหรับเช้าวันใหม่
ฉันนึกขึ้นมาได้ว่าเมื่อคืนยังเปิดกล่องของขวัญไม่หมด หลังจากที่เปิดได้เพียงชิ้นเดียวนั่นก็คือของเจ๊กี้ ซึ่งทั้งคะยั้นคะยอและบีบบังคับให้ฉันเปิดให้ได้ กล่องของขวัญชิ้นนั้นเป็นกล่องขนาดไม่ใหญ่นัก ใช้กระดาษสาสีหวานห่อทับกล่องสีขาว มีการ์ดใบเล็กๆ แนบมาด้วย เจ๊เขียนได้กวนโมโหมาก ในนั้นมีข้อความสั้นๆ ว่า
‘ถึงคุณเมษินี ขอให้ปีนี้เป็นปีที่ดีของหนู ยินดีต้อนรับสู่วัยสาวใหญ่
จาก เจ๊วัยใกล้เคียงกัน’