(5)
เช้าวันเสาร์ฉันโทรศัพท์ไปเล่าให้เจ๊กี้ฟังเรื่องการแข่งขันชิงตำแหน่ง เรื่องที่พี่อี๊ดจะลาออก เรื่องการดำเนินชีวิตของฉันในแต่ละวัน และที่ลืมไม่ได้คือความบังเอิญที่ต้องพบเจอกับคุณณัฐอีกครั้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“แหม สงสัยคงเป็นพรหมลิขิตแล้วล่ะหนู”
“พรหมลิขิตที่โหดร้ายน่ะสิคะเจ๊ หนูยังอายไม่หายเลย”
“โถ เรื่องนี้ตั้งเดือนมาแล้วนะ”
“ก็ถ้าไม่ต้องเจอกัน หนูก็ลืมไปแล้ว”
“เอาล่ะ เจ๊มีวิธีที่จะทำให้หนูไม่ต้องอาย”
“อะไรคะ บอกหน่อยๆ”
“จีบเขาเลยไง เป็นแฟนกันไปเลย เท่านี้ก็ไม่ต้องอายเรื่องเล็กๆ น้อยๆ นี่แล้ว เพราะความรักยังมีเรื่องที่ต้องให้ค้นหาอีกเยอะแยะไป” เจ๊ทำเสียงเล็กเสียงน้อย “แสดงว่าช่วงนี้ก็ต้องลุยทั้งเรื่องงานแล้วก็เรื่องหัวใจเลยสิ”
“เรื่องหัวใจที่ไหน…ไม่มีสักหน่อย เอาเรื่องงานให้รอดก่อนเถอะ” ฉันพูดเสียงดัง
“แล้วเจ้านายหนูเขาจะออกไปทำธุรกิจอะไรเหรอ”
“ไม่รู้เหมือนกัน ยังไม่ได้คุยอะไรกันมาก เพราะพี่อี๊ดยังไม่ได้คุยกับบอสเลยค่ะ”
“อ้าว แล้วถ้าบอสไม่ให้ออกล่ะ”
“อันนั้นให้เป็นเรื่องของผู้ใหญ่เขาแล้วกันเจ๊ ตอนนี้หนูต้องเร่งทำผลงานก่อน”
“มีอะไรให้เจ๊แนะนำก็บอกได้นะ ถ้าเรื่องสื่อสิ่งพิมพ์ล่ะก็เจ๊พอจะช่วยได้”
“ค่ะ ขอบคุณเจ๊มากเลย”
หลังจากนั้นเราก็คุยกันถึงเรื่องนายแบบสุดหล่อที่มีขนยุ่บยั่บทั้งตัว เจ๊บอกว่าเซ็กซี่มาก แต่ฉันขอเถียงขาดใจว่ามันน่าขนลุกพิลึก
วันนี้ฝนตกตั้งแต่เช้า ฉันไม่คิดจะออกไปไหนจึงเลือกนั่งทำงานหน้าโทรทัศน์แทน ฉันเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเช็กดูว่ามีอีเมลเข้ามาหรือไม่ ก็เห็นมีจดหมายเข้ามาในถาดเข้าหนึ่งฉบับ ลองกดเข้าไปดูปรากฏว่ามันมาจากกินรี…คุณณัฐนั่นเอง ข้อความในจดหมายมีสั้นๆ ว่า