เวลาสิบหกนาฬิกาฉันก็ลงมาที่ชั้นสามซึ่งเป็นชั้นที่มีห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำในร่ม ห้องซาวน่า ห้องแต่งตัว และห้องอาบน้ำชาย-หญิง รวมถึงห้องโถงว่างสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ เช่นแอโรบิกหรือโยคะ ฟิตเนสที่นี่โด่งดังและมีสมาชิกทั้งในและนอกคอนโดฯ อยู่มากมาย บางครั้งฉันก็ชวนเจ๊กี้มาเล่นโยคะเหมือนกัน แต่อาจเป็นเพราะวันนี้ฝนตกปรอยๆ ทั้งวันจึงไม่ค่อยมีคนมาออกกำลังกายกันมากนัก ฉันแจ้งชื่อและหมายเลขห้องที่เคาน์เตอร์ แล้วรับกุญแจล็อกเกอร์ก่อนเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้ามาจากห้องแล้ว จึงแค่เปิดล็อกเกอร์เพื่อเอากุญแจห้อง โทรศัพท์มือถือ และกระเป๋าเงินเก็บไว้เท่านั้น
วันนี้ฉันเลือกไปห้องออกกำลังกายที่มีครูฝึกหุ่นแรมโบ้คอยแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับเราอยู่ แม้ว่าฉันจะย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่เกือบสามเดือนแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมาที่นี่บ่อยนัก (นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมฉันจึงเป็นแหล่งรวบรวมไขมันส่วนเกิน) จึงไม่รู้จักใครสักคนที่กำลังออกกำลังกายอยู่ในห้องนี้ ครูฝึกเดินมาแนะนำอุปกรณ์ออกกำลังกาย โดยให้ฉันวอร์มร่างกายเล็กน้อย แล้วเดินบนลู่วิ่งสิบห้านาที วิ่งเหยาะๆ อีกสิบห้านาที แต่เมื่อลองทำมันไม่ง่ายอย่างที่คิด เพราะหลังจากเริ่มวิ่งได้ไม่ถึงห้านาที หัวใจฉันก็สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ลำคอแห้งผาก ระบบการหายใจติดขัด แต่ถ้าจะหยุดวิ่งตอนนี้ก็ขายหน้าเกินไปเพราะผู้คนที่อยู่รอบกายฉันยังคงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย บางคนมีเหงื่อท่วมตัวเหมือนไปว่ายน้ำมาก่อนที่จะกระโดดขึ้นลู่วิ่ง ฉันพยายามกัดฟันวิ่งต่อไป จนเวลาที่ตั้งไว้บนหน้าปัดเครื่องวิ่งบอกว่าฉันวิ่งมาได้แปดนาทีแล้ว คงดูไม่น่าเกลียดถ้าจะหยุด ฉันกดปุ่มปิดเครื่องก่อนจะหมดเวลาตามที่ตั้งไว้ แล้วกระโดดลงจากลู่อย่างรวดเร็ว ยืนหอบเหมือนสุนัขหอบแดด และเพิ่งยอมรับกับตัวเองเดี๋ยวนี้นี่เองว่าอายุของฉันเริ่มมากขึ้นแถมยังอ้วนอีกด้วย
ขณะที่หัวใจยังไม่กลับเข้าจังหวะปกตินั้น ฉันเห็นครูฝึกกำลังเดินมาพร้อมรอยยิ้มเยาะหยัน
“ไม่ไหวแล้วเหรอครับ ใหม่ๆ ก็อย่างนี้กันทุกคน ไม่ต้องผิดหวังหรอกครับ ออกกำลังกายต้องทำทุกวัน ร่างกายจึงจะอยู่ตัว”
…ขอบใจย่ะที่บอก…
ฉันยืดตัวขึ้นเพื่อให้เขาเห็นว่ายังไหว
“แล้วให้ทำอะไรต่อคะ” พยายามเข้มแข็งสุดฤทธิ์
“ขี่จักรยานแล้วกัน ยี่สิบนาทีนะครับ”
ฉันพยักหน้าแล้วแอบยิ้ม คราวนี้คงสบายกว่าวิ่งแน่…
ฉันฟังคำอธิบายจากครูฝึกแล้วก็รู้ว่าที่ตัวเองคิดนั้นผิด เพราะถ้าเราต้องการจะใช้พลังงานในการออกกำลังกายจากกีฬาประเภทนี้ เราต้องตั้งหน้าตั้งตาปั่นอย่างหนักหน่วงให้ได้ความเร็วตามมาตรฐานที่ครูบอกไว้ แรกๆ ก็สนุกดี แต่เมื่อผ่านไปสิบนาที ขาทั้งสองข้างของฉันก็หนักเหมือนมีใครเอาตะกั่วมาถ่วงไว้ เหงื่อเม็ดโตๆ ไหลลงมาอาบแก้ม ส่วนเนื้อตัวก็เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ด้วยความที่กลัวเสียหน้าฉันจึงมุ่งมั่นว่าต้องขี่เจ้าจักรยานบ้านี่ให้ครบยี่สิบนาที แม้ผลที่ได้รับคือมันก็ยังคงตั้งอยู่ที่เดิม
…
ในที่สุดฉันก็ทำได้สำเร็จ คราวนี้ขาทั้งสองข้างไม่มีเรี่ยวแรงโดยสมบูรณ์ ฉันนั่งพักเหนื่อยอยู่บนจักรยานพักใหญ่ จนเหลือบไปเห็นว่ามีหญิงสูงวัยกว่าฉันหลายปีแต่หุ่นดีมากๆ คนหนึ่งแสดงความจำนงทางสีหน้าว่าต้องการให้ฉันไปให้พ้นๆ ฉันจึงลากสังขารลงมาจากเครื่อง แล้วโซซัดโซเซมายืนอยู่หน้าอุปกรณ์ยกน้ำหนักหลายขนาดที่วางเรียงกันเป็นตับ คราวนี้ครูฝึกก็เดินมาหาอีกครั้ง เสมือนมีเรดาร์คอยจับความเคลื่อนไหวของฉันอยู่ตลอดเวลา