With Love
ทดลองอ่าน กลับมารักกันอีกครั้ง บทที่ 1
“ยายนั่นไลฟ์ทีไรก็ใช้แต่เครื่องเปลี่ยนเสียง ไม่เห็นน่าสนุกตรงไหนเลย ทุกครั้งสวีเฉิงหลี่นึกว่านายดูแม่ไก่พูดได้เคาะคีย์บอร์ดโชว์ทางออนไลน์ซะอีก ทำให้เขาไม่ยอมทำการบ้านเลย”
เซี่ยงหยวนเงยหน้าขึ้นทันทีด้วยความตกตะลึง สายตาของเธอมองลอดผ่านช่องว่างของหมวกฮู้ดไปที่กระจกมองหลัง จ้องหน้าสองคนนั้นเขม็ง
ใบหน้าที่ซ่อนอยู่ใต้หมวกฮู้ดบูดบึ้งและแข็งทื่อราวกับช็อกโกแลตที่เพิ่งเอาออกจากตู้เย็นใหม่ๆ
หญิงสาวเตือนตัวเองให้ใจเย็นอีกครั้ง เดี๋ยวลงจากรถก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกแล้ว ให้อภัยเขาเถอะ
บอกตามตรงเกาเหลิ่งรู้ว่าสวีเยี่ยนสือไม่ดูไลฟ์และไม่เล่นเกมด้วย เขาใช้ชีวิตราวกับพระพุทธรูปในวัด กำลังคิดจะตอบโต้เขา จู่ๆ เซี่ยงหยวนก็เงยหน้าขึ้น ทำให้เกาเหลิ่งตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไร เพราะถ้าตรงหน้ามีคนที่คลุมศีรษะไว้มิดชิดจนเหมือนมนุษย์ต่างดาวคอยจับจ้องด้วยสายตาพิฆาตผ่านช่องว่างดำทะมึนของหมวกฮู้ดซึ่งมองไม่เห็นเนื้อหนังใดๆ เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้สึกเย็นวูบที่สันหลังแน่ๆ
กระทั่งเซี่ยงหยวนก้มหน้าลงอีกครั้ง เกาเหลิ่งถึงได้พูดตะกุกตะกักต่อ “นาย…นาย…วิจารณ์เสียงนางฟ้าของฉันได้ยังไง ตอนแรกฉันนึกว่านายจะเป็นคนสุภาพซะอีก นายนี่มันถ่อยจริงๆ” เขาพูดพลางกำหมัดชกแผ่นอกของสวีเยี่ยนสือเบาๆ
สวีเยี่ยนสือขี้เกียจสนใจจึงสะบัดแขนอีกฝ่ายออก ไม่มองด้วยซ้ำ สายตาของเขายังคงทอดมองออกไปนอกหน้าต่างพลางจัดเสื้อแจ็กเก็ตที่ถูกเกาเหลิ่งกระชากจนยับให้เข้าที่ ก่อนเลิกคิ้วแสดงท่าทีไม่อยากพูดด้วย ทั้งยังเหมือนกับบอกว่า ‘กลับไปดู ‘เป๊ปป้า พิก’ ของนายซะดีๆ’
ก่อนออกเดินทางเกาเหลิ่งดาวน์โหลด ‘เป๊ปป้า พิก’ ไว้ในไอแพด เดิมทีคิดจะให้สวีเฉิงหลี่ดู แต่เด็กน้อยไม่ยอมดู เกาเหลิ่งไม่อยากดาวน์โหลดมาเสียเที่ยวจึงนั่งดูคนเดียว ต่อมาปรากฏว่าเด็กสามขวบที่นั่งอยู่ข้างๆ จ้องเขาตาวาว ดังนั้นทั้งสองจึงนั่งดูการ์ตูนด้วยกันบนเครื่องบินอย่างสนิทสนมถึงสามชั่วโมง
เสียงเงียบหายไปสักครู่ จากนั้นเกาเหลิ่งก็ตั้งสติ เซี่ยงหยวนได้ยินเขาถามขึ้นมาอีก “ทำไมเมื่อกี้นายถึงใช้นิ้วกลางดันแว่นล่ะ นายกำลังดูถูกใครกัน”
สวีเยี่ยนสือไม่สนใจเขา
ช่างเป็นผู้ชายที่ความรู้สึกไวและจับพิรุธเก่งจริงๆ
สวีเยี่ยนสือยังคงนั่งพิงอยู่ที่เบาะหลังด้วยท่าทางขี้เกียจ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงไร้อารมณ์ “นายก็กลับไปถามปู่นายดูสิว่าทำไมถึงใช้นิ้วกลางกดมือถือ เพราะนิ้วชี้ไม่เรียวหรือนิ้วโป้งยาวไม่พอกันแน่”
“…” เกาเหลิ่งหมดคำพูด
ในรถเงียบไปครู่หนึ่ง เกาเหลิ่งกดมือถือวุ่นวายอยู่พักใหญ่แล้วจึงเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าหยิ่งๆ
“เมื่อกี้ฉันโพสต์เรื่องที่นายว่า Ashers เป็นแม่ไก่ในเวยป๋อแล้ว อีกไม่นานก็จะมีแฟนคลับตัวยงของเธอมาโจมตีนาย”
เกาเหลิ่งพูดไปอย่างนั้นเอง เวยป๋อของเขาแทบไม่มีคนติดตามเลย ยอดวิวไม่ถึงสิบคน ไม่ต้องกังวลว่าจะมีคนอ่านเจอ สวีเยี่ยนสือไม่สนใจเขาเพราะปกติชายหนุ่มก็ไม่ค่อยเล่นทั้งเวยป๋อและเกมอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ถึงกับปฏิเสธโดยสิ้นเชิง สวีเยี่ยนสือมีเวยป๋อและติดตามเกาเหลิ่งด้วย ทว่าแทบจะไม่เคยโพสต์อะไรเลย แม้แต่โมเมนต์ในวีแชตก็โพสต์น้อยมาก ส่วนเรื่องเล่นเกมก็ไม่เคยเห็นสวีเยี่ยนสือเล่นจริงๆ เกาเหลิ่งเยาะเย้ยเพื่อนว่าเป็นพวกไอคิวสูงแต่ไร้ฝีมือ สวรรค์ก็ยุติธรรมดี ไม่เหมือนตัวเขาที่แม้หน้าตาจะธรรมดาๆ แต่อย่างน้อยก็มี ‘หัตถ์เทวะ’
จากนั้นเกาเหลิ่งก็กล่าวต่อไป “นายอย่าดูถูกแฟนคลับพวกนี้เชียว แฟนคลับของ Ashers บ้ามากจริงๆ ฉันจำได้ว่าเมื่อก่อนเคยมีแฟนคลับชายอยากจีบเธอ กดของขวัญให้เธอตั้งหลายล้านหยวนตอนไลฟ์ นายลองทายดูซิว่าเกิดอะไรขึ้น”
สวีเยี่ยนสือมองเกาเหลิ่งอย่างไม่สนใจใคร่รู้
เกาเหลิ่งมองข้ามท่าทีของเพื่อนแล้วพูดต่อ “วันต่อมาเธอเอาเงินจำนวนนี้ไปบริจาคหมดเลย แถมโพสต์หลักฐานการบริจาคให้ดูด้วย จากนั้นก็โพสต์สเตตัสในเวยป๋อบอกว่าไม่ต้องกดของขวัญให้ฉัน ฉันไม่ขาดแคลนเงิน”
สวีเยี่ยนสือเหลือบมองเขาอย่างไม่แยแสอีกครั้ง
เกาเหลิ่งยื่นมือไปโอบไหล่สวีเยี่ยนสือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “พอได้ยินว่าเธอเป็นเศรษฐินี นายหวั่นไหวแล้วสิท่า”
“ฉันไม่ได้หิวเงินเหมือนนาย” สวีเยี่ยนสือแสยะยิ้มพร้อมกับดันแว่น “หนี้ของเดือนหน้าอย่าลืมจ่ายให้ตรงเวลาด้วยล่ะ”
“ไม่เอาน่า…”
ตอนที่เซี่ยงหยวนโพสต์สเตตัสนั้น ทุกคนต่างก็อึ้งไปตามๆ กัน นักแคสต์เกมที่ไม่ลงแข่งขัน แถมเวลาไลฟ์ก็ไม่รับของขวัญด้วย ทั้งยังบอกว่าตัวเองไม่ขาดแคลนเงิน ชั่วขณะนั้นทุกคนจึงเชื่อว่าก่อนหน้านี้ที่เธอเคยพูดว่าเล่นเกมเป็นแค่งานอดิเรกนั้นเป็นความจริง
เกาเหลิ่งถอนหายใจ “เฮ้อ ไม่รู้ว่าผู้ชายคนไหนจะได้แต่งงานกับ Ashers สงสัยเมื่อชาติที่แล้วกอบกู้จักรวาลมาแน่ๆ ส่วนผู้ชายจนๆ อย่างเราเลิกฝันได้เลย เธอไม่มีทางสนใจเราหรอก สังคมนี้ยึดติดกับความเป็นจริง คนรวยก็ต้องหาคนที่รวยกว่า ไม่มีใครอยากเป็นนักสังคมสงเคราะห์หรอก”
ในที่สุดสวีเยี่ยนสือก็หันมามองเขา ไม่ปิดบังสีหน้าเลยสักนิด “เวลานายทำท่าจริงจังช่าง…”
“มีเสน่ห์เหรอ”
“เหมือนลุงหวังที่ติดฟิล์มกันกระแทกอยู่ใต้สะพานลอย”
เซี่ยงหยวนนึกไม่ถึงว่าวันหนึ่งตัวเองจะต้องมานั่งค้นหาคำว่า ‘Ashers แม่ไก่’ ในเวยป๋อ
แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดคือมันเยอะเสียจนไล่ดูไม่หมด เธอทั้งอยากขำและโมโหไปพร้อมกัน แต่สุดท้ายก็ข่มอารมณ์โมโหที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างแล้วจำกัดคำให้ชัดเจนขึ้นเป็น ‘Ashers แม่ไก่พูดได้’
แล้วเธอก็หาเจอจริงๆ อีกทั้งยังตามไปจนถึงเวยป๋อของเกาเหลิ่งที่ชื่อ ‘@เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง’
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง : วันนี้ลูกพี่ปากเสียอีกแล้ว บังอาจมาหาว่านางฟ้า Ashers ของฉันเวลาไลฟ์เหมือนแม่ไก่พูดได้เคาะคีย์บอร์ดโชว์ ทุกคนอย่าเพิ่งวู่วาม ฉันทุบเขาด้วยกำปั้นน้อยๆ ของฉันแล้ว
ลูกพี่เป็นสิ่งมีชีวิตประเภทไหนกันนะ ทำไมเขาถึงฉลาดขนาดนั้น ฉันชักจะควบคุมเปลวไฟแห่งความอิจฉาเอาไว้ไม่อยู่แล้วนะ
เวลาประชุมกับลูกพี่ แค่สังเกตว่าเขาใช้นิ้วกลางหรือนิ้วชี้ดันแว่นก็จะรู้ว่าเขาเห็นด้วยกับไอเดียของฉันไหม ฉันนี่ฉลาดจริงๆ
จากนั้นโพสต์นี้มีคนเข้ามาคอมเมนต์ต่อ
‘นายเข้าใจหลักการทั้งหมด แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากลูกพี่’
ขณะที่เกาเหลิ่งตอบกลับไปด้วยอีโมจิ ‘สู้ๆ’ และข้อความประโยคหนึ่ง
เกาเหลิ่งคือลุงเอ็ง : สักวันฉันจะต้องได้รับการยอมรับจากลูกพี่ให้ได้